ขอแชร์ประสบการณ์ขับรถใน UK , Scotland หน่อยครับ (เพิ่มเติม)

พึ่งขับรถมาหมาดๆ เลยขอแชร์เผื่อคนอยากขับรถเที่ยวเองครับ

*คำว่าเพิ่มเติม หมายถึงเพิ่มเติมจาก กระทู้อื่นๆที่ผ่านๆมาครับ

ผมพึ่งขับรถ โซน london , Cotswolds , Oxford และ บินมาขับรถต่อที่ Inverness , Isle of skye ครับ

ขอพูดรวมๆนะครับ (อาจพูดซ้ำคนอื่นมาแล้วบ้าง)

- ขับชิดซ้าย แซงเลนขวา (เหมือนไทย) ยกเว้นเลนซ้ายสุดเป็นทางเฉพาะ (bus lane , emergency lane)
- คนที่นี่ไม่ค่อยชอบแซงซ้าย ปาดขวา มากเท่าคนไทยครับ แต่ต่อแถวกันเป็นระเบียบดี (มีปาดซัก 1 ใน 10)
- เข้าวงเวียน รถด้านขวาไปก่อน (อันนี้ก็เหมือนไทยตรงรถในวงเวียนไปก่อน) แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมเรียกประโยคไม่เหมือนกัน (รถทางขวาไปก่อน กับรถในวงเวียนไปก่อน ซึ่งมันก็คือๆกัน)
- UK วงเวียนเยอะมากครับ วงเวียนเล็กๆ อาจ จะเป็นเส้นวงกลมสีขาวบนพื้นเฉยๆ (ตาไม่ดีมองไม่เห็น) แต่เราก็ต้องวนขวาเช่นกันครับ ดังนั้นดูดีๆว่าเป็นสามแยก หรือวงกลม
- ทางหลักไปก่อน เหมือนเมืองไทยครับ แต่ที่นี่ชัดเจนกว่ามาก คือหากมีป้าย สี่แยก เส้นใหญ่คือทางหลักครับ
- หรือดูที่พื้นถนนก็ได้ครับ ว่า หากมีเส้นหยุด ------ หรือ รูปสามเหลี่ยมกลับหัว นั้นคือเราทาง โท ครับ เราตัองหยุดให้ทางเอกไปก่อนเสมอ
- กรณีสามแยก หากเราเลี้ยวขวา มีรถทางขวามือกำลังจะออกมา กฎหมายไทยให้ "เราทางซ้ายไปก่อน" แต่เมืองนอกจะเน้นเรื่อง ทางเอกทางโท มากๆครับ ดังนั้นหากเราอยู่ทางเอง (ไม่มีเส้นหยุด) เราไปได้โลดเลยครับ
- กฎหมายจราจรที่ไทยเราไม่ค่อยเห็นคือ กรณีถนนเหลือเลนเดียว Single lane เช่น ถนนแคบ ทางพัง ก่อสร้าง หรือสพานเล็กๆ จะมีป้ายบอกสิทธิทางไหนไปก่อนครับ เป็นลูกศร เล็กสีดำ-ใหญ่สีแดง หากเราเป็นเล็กสีแดงต้องหยุดให้ ใหญ่สีแดงมาก่อนครับ (ตรงกันข้ามหากเราใหญ่สีแดงก็ลุยได้เลย) แต่หากไม่มีทางเอกทางโท ซึ่งน้อยมาก รถทางขวามือไปก่อนครับ (ตรงข้ามกับบ้านเรามระวังด้วย)
- กฎให้ทางนี่ บางแห่ง(ที่ยาวๆ) จะง่ายกว่าหน่อย จะมีสัญญาณจราจร แดง-เหลือง-เขียว ให้ครับ ไม่ต้องดูรถสวนเอง
- ถนนแคบๆ single lane อีกอันคืออาจจะมี Passing Space ครับ คือเว้นให้ไปแอบจอด ซึ่งหากคันไหนไปถึงก่อน ต้องหลบให้อีกคันไปก่อนครับ (เพราะหากคนที่สถิตตรง Passing Space ไม่จอดหลบ ก็จะไปกันไม่ได้เลยน่ะซิครับ)
- *** อันนี้สำคัญ คือการหรี่ไฟสูง เมืองไทยหรี่ไฟคือ "ตรูจะไปนะ" แต่ที่นี่ (และอีกหลายๆประเทศ) การหรี่ไฟแปลว่า "ให้ทางอีกฝ่ายหนึ่ง" ครับ บางครั้งแย่งกันหรี่ไฟ จนไม่มีใครได้ไป ผมก็ใช้วิธี เปิดหน้าต่างกวักมือครับ ง่ายดี !!
- ป้ายไฟจราจร แตกต่างจากไทยนิดนึงตรง หากแดงอยู่ ก่อนจะเขียว จะมีไฟเหลืองก่อนครับ ให้เตรียมเข้าเกียร์ได้เลย
- ปัญหาอยู่ตรงที่ ... หากเราเลี้ยวมาเจอไฟเหลือง จะงงได้ครับ ว่าควรหยุด (เพราะจะแดงต่อ) หรือควรไปเลย (เพราะจะเขียวแล้ว) รับรองมึน ทางที่ดีหยุดไว้ก่อนเป็นดีครับ ปล่อยให้คันหลังด่าเราเล่น (ซึ่งอาจมาจากอีกเลนนึง)
- Speed limit ปรกติอยู่ที่ 60 mile/hr ครับ หากเป็น motor way จะอยู่ที่ 70 mile/hr ครับ ส่วนในเมืองอยู่ที่ 20 , 30 และ 40 ครับ แต่จะมีป้ายบอกตลอดครับ
ดังนั้นหากไม่มีป้ายขับห้ามเกิน 60 ครับ ไม่งั้นกล้องจับเสียค่าปรับ
- คน UK เกิน 80% ขับรถกันเร็วกว่ากำหนดมากๆครับ ไม่รู้ทำไม ??? (หรือ 20% คือพวกเช่ารถอย่างเราๆ) แต่เราขับตามกฎน่ะดีแล้วนะ
- ขับตามกำหนดหรือช้ากว่าหน่อยจะ "พอดี" กับทุกอย่างครับ เช่นขับในเมือง 30 จะพอดีกับการเบรคหรือเลี้ยวเข้า gas station ครับ และหากขับในเมืองใหญ่ๆ ป้าย 30 แต่หากเราขับ 20+ จะพอดีกับการหยุดไฟเหลืองครับ (คนข้างหลังด่าเราชั่งมัน)
- ที่นี่ เติมน้ำมันเองนะครับ
- วงเวียนบางแห่งมีไฟแดง ในวงเวียนด้วย !!!!! (วงเวียนใหญ่ๆๆๆ) อันนี้สำคัญ เพราะทั้งตาลายและมึนกันใหญ่  แถมหากเราเผลอฝ่าไป 1 ไฟแดง ..... คุณจะฝ่าไฟแดงทั้งหมดในวงเวียนนั้นๆ ด้วย เพราะเขากำหนดเวลาไฟแดงได้แบบพอดีๆครับ
- คนที่นี่ไม่ชอบเป็นไฟสูงกับบีบแตรครับ ไม่เหมือนเมืองไทย บีบแตรกันสนั่นหูมาก
- ถนน นอกเมืองเล็กมากๆครับ ดังนั้นคนขับควรมีฝีมือหน่อย หากเจอรถบรรทุกสวนมานี่ รถเล็ก "ต้องหลบ" ให้นะครับ ทั้งที่จริงๆแล้ว รถใหญ่ต้องหลบ และ ขับช้ากว่ารถเล็กเยอะครับ (คน Scotland ขับรถบรรทุกอย่างกับรถเมล์ไทย) ดังนั้นฝึกหลบข้างทางให้เก่งครับ อย่าชนรถสวนและอย่าตกไหล่ทาง
- รถเมล์กับรถบรรทุก ที่นี่ขับรถ ... แย่มาก ทั้งปาดทั้งแซง และกิน lane ระวังให้ดีๆ (เขาไม่ชนเราหรอก แต่อาจทำให้เราตกใจจนเกิดอุบัติเหตุได้ครับ)
- ไหล่ทางที่นี่ เล็กมาก (เรียกว่าไม่มีไหล่ทางดีกว่า) ไม่เหมือนเมืองไทยแทบแซงไหล่ทางกันมัน
- บางสายจะมีเลนซ้ายสำหรับรถฉุกเฉิน (คล้ายๆไหล่ทาง) ห้ามวิ่งเข้าไปนะครับ (ดูได้จากเป็นเส้นทึบ) ส่วนในเมืองจะมี Bus lane ห้ามเข้าไปเช่นกัน โดนปรับได้ครับ (นอกจากบางเส้นจะเขียนว่า หากเข้า .... ให้ใช้ bus lane อันนี้เข้าได้ครับ)
- ในตัวเมือง london มี congession zone ครับ ซึ่งต้องซื้อบัตรผ่านคล้ายๆ easy pass ก่อน หากไม่มีแปะหน้ารถ แล้วเผลอเข้าไป โดนปรับนะครับ (สิงคโปร์ก็มีระบบเดียวกัน)
- ประกัน หากเช่ารถปรกติแล้วจะมีประกันให้ครับ
แต่อาจจะมีค่า deduct (คือหากเกิดเหตุเราต้องจ่ายส่วนหนึ่ง) บางทีเขาจะ offer ให้เราจ่ายเพิ่มเพื่อไม่ให้เสียค่า deduct ก็ได้ครับ ทีนี้อยู่ที่เราจะเอาหรือไม่ ทั้งค่าประกัน และ ลดค่า deduct หากมั่นใจว่าขับเก่งแล้วไม่ต้องจ่ายเพิ่มก็ได้ครับ (ผมก็ไม่ซื้อประกัน ฮา) แต่ส่วนตัวแล้วหากขับได้มาตรฐานทั่วๆไป ผมแนะนำซื้อเถอะครับประกัน เพราะขับรถ Uk , scotland ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด
- เวลาเช่ารถ ดูตำหนิรถดีๆก่อนรับรถนะครับ
ผมเคยโดนตีเนียนแผลเก่า จะมาเก็บเงินผมเพิ่ม (ที่ไทยเราเอง)
- GPS ที่ให้เช่าพร้อมรถส่วนมากเป็นของ Garmin ครับ แนะนำให้ซื้อ App ของ Garmin หรือ Tomtom ใน iphone / android ดีกว่าครับ ใช้ได้ยาวๆ หรือหากประหยัดหน่อยใช้ google map ก็ได้ครับ แต่บอกทางมีพาอ้อมกันเพลินเลย
- บริษัทเช่ารถหลายแห่งจะมี หัว USB charger ขาย 5-10 GBP ครับ ดังนั้น เตรียมไปเองจากเมืองไทยเลยครับ (หากมี) ... แต่รถหลายๆคันมักมีช่องต่อ USB อยู่แล้วอย่างน้อย 1 ช่อง (สำหรับต่อวิทยุ)
- ฝนตก , กลางคืน นี่ขับยากกว่าเมืองไทย 10 เท่าครับ เพราะถนนนอกเมืองส่วนมาก ไม่มีไฟ !
- ฝนตก หากคุณขับรถวันฝนตกนี่เป็นอะไรที่น่า รำคาญมาก เพราะเดี๋ยวหยุด เดี๋ยวตกน้อย เดี๋ยวตกหนัก คุณต้อง "ฝึก" การเปิด-ปิดที่ปัดน้ำฝนให้คล่องเลยครับ
- เส้นประจุดๆ แปลว่าห้ามข้ามเลน (เหมือนเมืองไทย) แต่ที่นี่รวมไปถึง "เลนจอด" ด้วยครับ เพราะเส้น highland จะมีจุดจอดรถระหว่างทางตลอด จุดที่จอดได้จะมีเส้นประ ให้ครับ
- กรณีในเมืองเล็กๆเช่น portree ใน isle จอดรถข้างทาง ต้องดูป้ายเป็นหลัก หากไม่มีป้าย แล้วเป็นเส้นทึบ 1 เส้นจอดได้ เป็นสองเส้นห้ามจอด
- ป้ายให้จอดได้ส่วนมากจะกำหนดเวลาไว้เช่น 30 นาที , 1 ชั่วโมง ห้ามจอดเกินนะครับ จะมีคนเดินตรวจ และห้ามตีเนียนขับแล้ว ถอยรถออกมาวนหนึ่งรอบมาจอดใหม่นะครับ ผิดกฎหมายเช่นกัน ทางที่ดี หา P parking ไว้ครับ ซึ่งแน่นอน ไกลเรือหายเลย
- จุดจอดรถในเมืองใหญ่ๆ มักไม่ค่อยจะมีครับ อย่าไปหวังเลย ที่เห็นส่วนมากจะเป็นพวก private , police , loading only , พิการ , Car club (คือไรไม่รู้) ดังนั้นหากเจอป้าย P (Parking ก็เข้าไปจอดเถอะครับ) บางที่ฟรี บางที่เสียเงิน , การไปแอบจอดในห้าง supermarket ต้องใช้บริการเขาด้วยครับ
- บางที่จุดจอดรถที่เสียเงินต้องดูดีๆนะครับ เพราะเขาจะไม่เก็บเราก่อน คือเราต้องเอารถเข้าไปจอดแล้ว ค่อยไปหาตู้จ่ายค่าจอดรถ (เราต้องกดทะเบียนรถเราเข้าไป) มันจะมีกล้องคอยตรวจว่าเราจ่ายหรือไม่ครับ
- เรื่องใบขับขี่ อันนี่หลายคนสงสัย สรุปต้องใช้ 2 ใบนะครับ 1.บัตรไทยที่เป็นบัตรแข็งคือใบขับขี่ของจริง driver license อารมณ์นี่คือบัตรจริงๆนะ 2.กับ International driving permit บัตรอ่อน อายุ 1 ปี เสียค่าทำ 500 บาท (ปล ทำไมผมโดนค่าพิมพ์บัตรอีก 50 บาท ?????) อารณ์นี่คือใบอนุญาติใช้ประกอบเฉยๆ

ตามหลักแล้วสองอันนี้ต่างกันนะครับ
ที่อเมริกา ก็มีปัญหาคล้ายๆกันครับ (บางรัฐไม่รับ international permit) ดังนั้นสรุป พกไปทั้งสองบัตรนะครับ โดนตำรวจตรวจต้องพกให้ดูได้ครับ

- ที่เหลือกฎหมายเหมือนบ้านเราครับ แต่ต้องระวังตรงที่บางกฎหมายไทย เราก็ไม่ค่อยจะปฏิบัติตาม เช่น รถมาถึงทางร่วมทางแยกพร้อมกัน (สวนทาง) คันนึงเลี้ยวขวามคันนึงเลี้ยวซ้าย ต้องให้รถเลี้ยวซ้ายไปก่อนครับ

เท่าที่จำได้มีเท่านี้ ใครนึกอะไรออกสำคัญๆได้ฝากเพิ่มด้วยครับ
และหากมีอะไรผิดก็แก้ไขได้นะครับ ยินดีครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่