มาเล่าถึงพระราชนิพนธ์ของในหลวง ที่เพื่อนๆพันทิปคิดถึงมากที่สุดกันครับ (พร้อมประวัติ)

คืนนั้นที่รู้ข่าวว่าแผ่นดินไทยสิ้นในหลวงเสียแล้ว  ในหัวผมได้ยินเพลงนี้วนเวียนตลอดเวลา
ไ่รู้ว่าทำไมผมชอบเพลงนี้มากๆ รักจับจิตจับใจ
"แผ่นดินของเรา"

ประวัติของเพลงนี้ แรกเริ่มไม่ได้ชื่อแผ่นดินของเรา แต่ชื่อว่า Alexandra ครับ  อันเป็นพระนามของ เจ้าหญิงอเล็กซานดราแห่งเคนท์ สหราชอาณาจักร เสด็จเยือนประเทศไทย ในปี 2502  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จไปรับด้วยพระองค์เอง  ระหว่างที่รอเครื่องบินลงจอด ทรงรอราว ๑๐ นาที ก็ทรงตัดสินพระทัยแต่งเพลงต้อนรับเจ้าหญิง  โดยทรงใช้เวลาแค่ช่วง 10 นาทีนั้น ประพันธ์ทำนองจนสำเร็จ และทรงส่งโน้ตให้ หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช ประพันธ์เนื้อร้องให้เข้ากับทำนอง

เนื้อร้องและทำนองแรกของเพลง Alexandra มี ๑๖ ห้องเพลง  ถูกอัญเชิญไปบรรเลงต่อหน้าพระพักตร์ของเจ้าหญิงอเล็กซานดรา และคณะผู้ติดตามในงานเลี้ยงรับรองอย่างเป็นทางการ  ณ ศาลาผกาภิรมย์ สวนจิตรลดา เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๐๒



แล้ว Alexandra กลายเป็นแผ่นดินของเราได้อย่างไร  
เป็นเพราะพระราชินีของเรานั่นเองครับ  
14 ปีต่อมา คือปี 2516  สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถทรงเห็นว่า ทำนองเพลงพระราชนิพนธ์ Alexandra ไพเราะมาก ควรจะใส่คำร้องภาษาไทยลงไป จึงกราบบังคมทูลพระกรุณาขอพระบรมราชานุญาต ให้ท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาค ประพันธ์คำร้องภาษาไทย  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงืรงพระราขนิพนธ์เพิ่มเติมจาก ๑๖ ห้องเพลง ให้มีท่อนกลาง ท่อนท้าย จนครบ ๓๒ ห้องเพลง

(ต้นฉบับเดิมของคุณจินตนา สุขสถิตย์ ไพเราะมากๆ)
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ถึงอยู่แคว้นใด                        ไม่สุขสำราญ
เหมือนอยู่บ้านเรา                        ชื่นฉ่ำค่ำเช้าสุขทวี
ทรัพย์จากผืนดิน                        สินจากนที
มีสิทธิเสรี                        สันติครองเมือง
เรามีป่าไม้อยู่สมบูรณ์                        ไร่นาสดใสใต้ฟ้าเรือง
โบราณสถานส่งนามประเทือง                        เกียรติเมืองไทยขจรไปทั่วแดนไกล

รักชาติของเรา                        
ไว้เถิดผองไทย
ผืนแผ่นแหลมทอง                        ร่วมพี่ร่วมน้องด้วยกัน
รักเกียรติรักวงศ์                        เสริมส่งสัมพันธ์
ทูนเทิดเมืองไทยนั้น                        ให้ยืนยง


ALEXANDRA


Music : H.M.K. Bhumibol Adulyadej
Lyric : Mr. Seni Pramoj

Alexandra
Welcome to theยิ้ม in this land of sunshine and of flowers
May ye be blessed by the blessing,
That has made our country happy.

แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 11
กระทู้น่ารักจังเลย ซาบซึ้งพระอัจฉริยภาพ
ตั้งแต่เด็ก พ่อแม่ซื้อหนังสือเล่มใหญ่ มีเพลงพระราชนิพนธ์ในนั้น (ไม่ใช่ ธ สถิตในดวงใจนิรันดร์) แล้วร้องให้เราฟังค่ะ ชอบตั้งแต่นั้นมาเพลงใกล้รุ่ง กับ ยามเย็น ชอบมากค่ะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
พ่อผมชอบดนตรีมากๆ  และชอบเป่าเมาท์ออร์แกน
พ่อจะชวนเรามานั่งตรงระเบียงบ้าน แล้วเป่าหีบเพลงปากแทบทุกคืนให้ผมกับแม่ฟัง  เพลงที่พ่อชอบเป่าที่สุดคือเพลง "ชะตาชีวิต"  พ่อบอกว่าเนื้อเพลงนี้คือชีวิตของพ่อเลย โดยเฉพาะท่อนที่ว่า
"...ขาดเรือนแหล่งพักพำนักนอน  ขาดญาติบิดรและน้องพี่  บาปกรรมคงมี จำทนระทม..."
เพราะพ่อผมเป็นลูกกำพร้าครับ


      "ชะตาชีวิต" เป็นเพลงพระราชนิพนธ์เพลงที่ 5 ในช่วงที่ทรงมีพระชนมายุเพียง 19 ปีเท่านั้น
หลังเสด็จขึ้นครองราชย์สมบัติ และเสด็จพระราชดำเนินไปทรงศึกษาต่อที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์    โดยทรงให้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ ทรงพระนิพนธ์คำร้องภาษาอังกฤษก่อน
        
      ในวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครบ ๒๐ พรรษา ในพ.ศ. ๒๔๙๐
ข้าราชการ นักเรียนและคนไทยในสวิตเซอร์แลนด์ ร่วมกันจัดงานเฉลิมฉลองติดต่อกันหลายวัน ในวันเสาร์ที่ ๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตั้งวงเล่นดนตรีที่พระตำหนักวิลลาวัฒนา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงดนตรีด้วย ในงานมีการทายชื่อเพลงพระราชนิพนธ์ใหม่ H.M.Blues ว่า H.M. แปลว่าอะไร ผู้ที่จะทาย ต้องซื้อกระดาษสำหรับเขียนคำทายใบละครึ่งฟรังซ์ จุดประสงค์เพื่อระดมทุนสำหรับช่วยเหลือคนจน  โดยวงดนตรีบรรเลงเพลงให้ผู้ร่วมงานเต้นรำโดยไม่หยุดพัก
      
        ระหว่างเลี้ยงอาหารว่างตอนดึก ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริร้องเพลงพระราชนิพนธ์เพลงใหม่ H.M. Blues เนื้อเพลงมีใจความว่า "คนอื่น ๆ ที่ไม่ได้เล่นดนตรี ต่างก็อิ่มหนำสำราญกัน แต่พวกเราที่กำลังเล่นดนตรีต่างก็หิวโหย และไม่มีแรงจะเล่นต่อไปอีกแล้ว"  ในงานไม่มีผู้ใดทายชื่อถูกเลยสักคนเดียว เพราะทุกคนต่างคิดว่า H.M. Blues ย่อมาจาก His Majesty 's Blues ซึ่งแปลว่าเพลงแนวบลูส์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่แท้ที่จริงแล้ว H.M.Blues ย่อมาจาก Hungry Men's Blues แปลว่าเพลงแนวบลูส์ของผู้ที่หิวโหยต่างหาก
(ข้อมูลจากวิกิพิเดียไทย)

เมื่อต้นฉบับเป็นเพลง "ยั่วล้อ" กันเอง  แล้วทำไมคำร้องภาษาไทยถึงได้เศร้าขนาดนั้น?  เบื้องหลังคือ คำร้องภาษาไทย ท่านศาสตราจารย์ ดร.ประเสริฐ ณ นคร เป็นผู้ประพันธ์ โดยไม่เคยเห็นคำร้องภาษาอังกฤษครับ เพราะต้นฉบับอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์  พระองค์มิได้ทรงนำกลับมาด้วย  จึงประพันธ์เนื้อร้องออกมาได้เศร้ากินใจ คนละแบบกันเลยทีเดียว


ต้นฉบับคือคุณชรินทร์ นันทนาคร เป็นผู้ร้อง
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
นกน้อยคล้อยบินมาเดียวดาย
...คิดคิดมิวายกังวลให้หม่นฤทัยหมอง
ขาดมวลมิตรไร้คนสนิทคู่เคียงครอง
หลงไหลหมายปองคนปรานี
...ขาดเรือนแหล่งพักพำนักนอน
ขาดญาติบิดรและน้องพี่
บาปกรรมคงมี จำทนระทม

...ท้องฟ้าสายัณห์ตะวันเลือน
...แสงลับนับวันจะเตือนให้ใจต้องขื่นขม
หากเย็นลงฟ้าคงยิ่งมืดยิ่งตรอมตรม
ชีวิตระทมเพราะรอมา
...จวบจันทร์แจ่มฟ้านภาผ่อง
เฝ้ามองให้เดือนชุบวิญญา
สักวันบุญมา ชะตาคงดี

นกน้อยคล้อยบินมาเดียวดาย
...คิดคิดมิวายกังวลให้หม่นฤทัยหมอง
ขาดมวลมิตรไร้คนสนิทคู่เคียงครอง
หลงไหลหมายปองคนปรานี
...ขาดเรือนแหล่งพักพำนักนอน
ขาดญาติบิดรและน้องพี่
บาปกรรมคงมี จำทนระทม

...ท้องฟ้าสายัณห์ตะวันเลือน
...แสงลับนับวันจะเตือนให้ใจต้องขื่นขม
หากเย็นลงฟ้าคงยิ่งมืดยิ่งตรอมตรม
ชีวิตระทมเพราะรอมา
...จวบจันทร์แจ่มฟ้านภาผ่อง
เฝ้ามองให้เดือนชุบวิญญา
สักวันบุญมา ชะตาคงดี
ความคิดเห็นที่ 8
เพลงแผ่นดินของเรา
เพลงความฝันอันสูงสุด
และเพลงพระราชนิพนธ์ เกษตรศาสตร์
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ความคิดเห็นที่ 4
พ่อผมรักดนตรี ชอบเล่นดนตรี แม่ผมก็ชอบร้องเพลง  แม่ชอบร้องเพลงนี้ครับ ร้องบ่อยจนผมจำเนื้อได้  ตอนเด็กๆยังคิดเลยว่าทำไมเนื้อมันเศร้าทรมานใจเยี่ยงนี้

อาทิตย์อับแสง หรือ  Blue Day
เป็นเพลงพระราชนิพนธ์ลำดับ 8 ทรงแต่งเมื่อวันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2492 เมื่อพระชนมายุ 22 พรรษา ขณะประทับแรมบนภูเขาในเมืองดาโวส์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในช่วงเวลาที่ทรงเริ่มรู้จักชอบพอกับสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ

จากบันทึกส่วนพระองค์ของพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ ผู้นิพนธ์ทั้งคำร้องไทยและอังกฤษถวาย   ทรงเขียนว่าในช่วงที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเริ่มรู้จักชอบพอกับม.ร.ว. สิริกิติ์ กิติยากรอยู่นั้น ต่างประทับห่างไกลกัน โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับแรมบนภูเขาในเมืองดาโวส์ (Davos) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์  ส่วนสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ประทับ ณ เมืองโลซานน์ เมื่อต้องทรงจากกันก็เปรียบเหมือน อาทิตย์อับแสง และในพระราชหฤทัยของทั้งสองพระองค์ก็คงทรงหวังให้ เทวาพาคู่ฝัน มาให้ จึงทรงประพันธ์คำร้องเพลงทั้งสองนี้ถวาย  ให้เป็นเพลงคู่กัน โดยกล่าวถึงความรักเปรียบเทียบกับธรรมชาติ ยามที่ได้อยู่เคียงคู่กัน ท้องฟ้าดูสดใส ยามไกลกันดังอาทิตย์อับแสง แต่ก็แฝงความหวังไว้ในตอนท้ายที่ว่า

“จวบจนทิวาเรืองงาม สบความรักยามคืนคง”
“Again the sun will shine. That day I’ll make you mine”


สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ขณะยังทรงเป็นหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ทรงขับร้องเพลงพระราชนิพนธ์ Blue Day พร้อมด้วย เพลงพระราชนิพนธ์ Dream of Love Dream of You หลังพระกระยาหารค่ำในงานเลี้ยง ณ สถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงลอนดอน เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2492 ก่อนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะพระราชทานพระธำมรงค์หมั้น ในวันนั้น

รวบรวมและเรียบเรียงจากหนังสือ “งานช่างของในหลวง” โดยมหาวิทยาลัยศิลปากรและ “ธ สถิตในดวงใจนิรันดร์” โดยโรงเรียนจิตรลดา



คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
เคยชม ร่วมภิรมย์ใจ
ด้วยความรักจริง ยิ่งใหญ่
ผูกพันหัวใจ เรามั่น
รักเอย เคยอยู่เคียงกัน
ร่มเย็นมิเว้น วายวัน
ด้วยความสัมพันธ์ ยืนยง
ทิวางาม ยามอยู่เคียงคง
สุริยาแสงส่อง
ปวง ชีวิตในโลก ดำรงเริงใจ
ร้างกัน วันห่างไปไกล
มืดมนหมองมัว ปานใด
เยือกเย็นเข็ญใจ รัญจวน

ไกลกัน พาพรั่นใจครวญ
ร่างกายทรุดโทรม ทุกส่วน
จิตใจร้อนรวน แรงอ่อน
รักเอย เลยกลับอาวรณ์
ค่ำคืนฝืนใจ ไปนอน
ยิ่งดูเหมือนฟอน ไฟลน
ทิวาทราม ยามห่างดวงกมล
สุริยาหมองหม่น
ปวง ชีวิตในโลก อับจนเสื่อมทราม
หวังคอย คอยเฝ้าโมงยาม
จวบจนทิวา เรืองงาม
สบความรักยาม คืนคง
จวบจนทิวา เรืองงาม
สบความรักยาม คืนคง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่