ในหลวงในความทรงจำที่บ้านฉัน "นราธิวาส"

บันทึกแห่งความสูญเสีย หน้าที่ ๑ "ถวายความอาลัย" จากใจพสกนิกรคนหนึ่ง

ในช่วงเวลาแห่งความโทมนัสใหญ่หลวงของคนไทย ในฐานะคนตัวเล็กๆ คนที่หนึ่งซึ่งมีความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ขอเขียนบันทึกในโลกออนไลน์ชิ้นนี้ เพื่อแสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างเต็มเปี่ยม บันทึกชิ้นนี้ขอเล่าถึงความโชคที่ที่ตัวเองได้เกิดในพื้นที่ใกล้ถิ่นทุรกันดารที่ในหลวงและราชินีเสด็จไปเยี่ยมเยียน "จังหวัดนราธิวาส"

ปล.ภาพทั้งหมดมาจากอินเตอร์เนต ได้เพิ่มลายน้ำให้แล้วในรูป ขอบคุณทุกภาพค่ะ



บึงบากง อำเภอรือเสาะ ๒๒ กันยายน ๒๕๒๗





ขอบคุณที่มาภาพ บล็อกคุณปราณชลี โอเคเนชั่น

http://www.oknation.net/blog/narapong-sak/2010/03/15/entry-1



"จังหวัดนราธิวาส" แม้ไม่ใช่บ้านเกิด แต่ก็เป็นบ้านที่เราได้อาศัยตั้งแต่อายุสองเดือน แม่เล่าว่าหลังจากเกิด แม่ได้พาไปอยู่กับอากง อาม่าที่อำเภอสุไหงโกลก เราจึงผูกพันกับที่นี่เป็นพิเศษ เรารู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ได้อยู่อาศัยในพื้นที่นี้ มาตอนนี้เราอยากเกิดในพื้นที่ๆ ทุรกันดารกว่านี้ เพราะไม่มีถิ่นทุรกันดารที่ไหนในพื้นแผ่นดินนี้ที่ในหลวงไปไม่ถึง ยิ่งลำบากเท่าไหร่ ท่านยิ่งเสด็จบ่อยเท่านั้น


ทอดพระเนตรการดำเนินงานขุดคลองระบายน้ำ อำเภอสุไหงโกลก ๒๒ เมษายน ๒๕๑๘




ขอบคุณที่มาภาพ ทวิตเตอร์..เรารักในหลวง @LoveKingTH



ปฏิทินในบ้านเราใบแรกที่จำได้ฝังใจ นั่นคือภาพในหลวงและราชินีในเรือลำหนึ่ง พอเริ่มโตจึงได้รู้ที่มา

เหตุการณ์วันนั้นเกิดเมื่อวันที่ ๒๒ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๒๗ ในขณะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ได้เสด็จมาเยี่ยมราษฎรที่หนองบัวบากง

โดยมีนายนุช อนันตรานนท์ ราษฎรบ้านบากง ซึ่งมีอาชีพรับเหมาก่อสร้าง เป็นฝีพาย

สามารถอ่านเรื่องที่น่าประทับของลุงนุชต่อได้ที่ บล็อกคุณปราณชลี



http://www.oknation.net/blog/narapong-sak/2010/03/15/entry-1








เมื่อเริ่มโต ได้ตามแม่ไปขายของในตลาด เพื่อนแม่ค้าของแม่บ้านอยู่ใกล้วัดพระพุทธ ตำบลพร่อน อำเภอตากใบ ในทุกปีจะมีช่วงหนึ่งที่ป้าหลวยกับน้าๆ เล่าว่าจะต้องเตรียมรับเสด็จ ในวัยเยาว์ เราไม่รู้เลยว่ารับเสด็จคืออะไร รู้แต่ว่าจะมีพระบรมวงศ์เสด็จที่นั่นทุกปี มาวันนี้เฝ้าถามตัวเองว่า "ทำไมไม่ขอตามไปเฝ้ารับเสด็จด้วย"


ภาพทรงพระราชปฏิสันถารกับราษฎรที่เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จในโอกาสเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎร ณ วัดพระพุทธ ตำบลพร่อน อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ๑๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๒๗





ขอบคุณที่มาภาพ เว็บสำนักราชเลขาธิการ

http://oldwebsite.ohm.go.th/searchsheetlist_en.php?get=1&offset=100




คำบอกเล่าต่อมาคือ เรื่องราวของพรุโต๊ะแดง ศูนย์เรียนรู้ พรุใหญ่แห่งเดียวในไทยที่ยังสมบูรณ์

เราเคยไป และรู้แค่เพียงแค่ว่าที่แห่งนี้เป็นสถานที่อีกแห่งในโครงการพระราชดำริ ด้านหน้าศูนย์มีหญ้าแฝกเป็นกอๆ เรียงรายอยู่มากมาย

วันนี้ลองหาข้อมูลยิ่งซาบซึ้ง..


ป่าพรุโต๊ะแดง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นป่าพรุที่มีเนื้อที่มากที่สุดที่ยังเหลืออยู่ในประเทศไทย เนื้อที่ของป่ามีความกว้างประมาณ ๘ กิโลเมตร และมีความยาวประมาณ ๒๘ กิโลเมตร

มีพื้นที่ครอบคลุมอาณาเขตของอำเภอตากใบ อำเภอสุไหงปาดี อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอเจาะไอร้อง และอำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส คิดเป็นเนื้อที่กว่า ๑๒๕,๖๒๕ ไร่

แต่ส่วนที่สมบูรณ์จริง ๆ มีประมาณ ๕๐,๐๐๐ ไร่ มีแหล่งน้ำสำคัญ ๓ สายไหลผ่าน คือ แม่น้ำบางนรา, คลองสุไหงปาดี และคลองโต๊ะแดง


ปัจจุบันเป็นป่าพรุผืนใหญ่แห่งเดียวของประเทศไทยที่ยังคงมีความสมบูรณ์และมีความหลากหลายทางชีวภาพ ทั้งป่าไม้ สัตว์นานาชนิด

ซึ่งปัจจุบันเป็นคลังข้อมูลการเรียนรู้ของเยาวชนและเป็นขุมทรัพย์ที่มีค่าทั้งพืชพันธุ์ สัตว์ และยารักษาโรค


และด้วยเหตุนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จึงทรงมีความห่วงใยในทรัพยากรป่าพรุของไทย ได้พระราชทานพระราชดำริ

ความว่า “พรุเราต้องเก็บไว้ เพราะมีความสำคัญ เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ต้องห้ามไม่ให้บุกรุกเข้าไป คราวนี้เราทำโครงการที่โคกใน เขาจะบุกเข้าไปไม่ได้อีกแล้ว เพราะจำกัดบริเวณเขา ในพรุเราก็ส่งเสริมเอาไม้พรุเพิ่มประสิทธิภาพ อย่างตามข้างทางนี้สวยมาก เห็นไม้ต่าง ๆ ไม้หลาวชะโอนก็มี ควรกำหนดขอบเขตป่าพรุให้แน่นอน เพื่อป้องกันการบุกรุกพื้นที่ อันจะทำให้สภาพแวดล้อมเสียหมด”



ข้อมูลบางส่วน และภาพประกอบจาก เว็บชมรมคนรักในหลวง

ตามอ่านและดูภาพต่อได้ที่ http://welovethaiking.com/blog/








และเรื่องราวสุดท้ายในวันนี้เป็นความประทับใจที่หาเปรียบไม่ได้ เกิดขึ้นที่.ณ สะพานบ้านเจาะบากง" หมู่ ๓ ตำบลปูโยะ อำเภอสุไหงโก-ลก

เป็นบันทึกเรื่องเล่าของ ร้อยโท ดิลก ศิริวัลลภ ผู้ซึ่งทำหน้าที่ ‘ล่ามภาษามลายู’ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ


ตลอดระยะเวลา ๓๐ กว่าปีที่ทำหน้าที่เป็นล่ามประจำขบวนเสด็จ มีเรื่องมากมายที่สร้างความประทับใจจนเป็นภาพแห่งความทรงจำที่ผนึกแน่นอยู่ในหัวใจ ว่าที่ร้อยโท ดิลก ศิริวัลลภ

ภาพที่พระองค์ท่านทรงนั่งพิงรถแลนด์โรเวอร์บนสะพานไม้ จำได้ว่าในเดือนกันยายน ๒๕๒๔ พระองค์เสด็จพระราชดำเนินจากพระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ไปทางอำเภอตากใบ เมื่อถึงเขตอำเภอสุไหงโก-ลก ทรงเลี้ยวขวาไปทางบ้านเจาะบากง ตำบลปูโยะ ท่านจะเสด็จฯ ไปทอดพระเนตรสภาพภูมิประเทศและระดับน้ำท่วมที่ไหลมาจากป่าพรุ ตอนนั้นถนนหนทางไม่ค่อยดี พระองค์ท่านทรงขับรถยนต์พระที่นั่งด้วยพระองค์เอง พอไปถึงจุดนั้นรถยนต์ไปต่อไม่ได้ต้องถอยกลับ เมื่อทอดพระเนตรเห็นชาวบ้านมาเฝ้า ก็ทรงสอบถามข้อมูลจากชาวบ้านบนสะพาน แรกๆ ยืนคุยกันก่อน นานเข้าพระองค์ท่านจึงตัดสินใจย่อพระวรกายทรงนั่งบนสะพานไม้ เมื่อก่อนทางลำบากเฉอะแฉะไปหมด บนสะพานเท่านั้นนั่งได้ ภาพนี้ต่อมากลายเป็นภาพที่เราได้เห็นในหัวข่าวโทรทัศน์เป็นประจำ”


สามารถอ่านเรื่องราวในบันทึกของ ร้อยโท ดิลก ศิริวัลลภ ต่อได้ที่ บล็อกคุณปราณชลี

http://www.oknation.net/blog/narapong-sak/2010/03/15/entry-1




ขอบคุณภาพประกอบจาก septimus'blog  
http://septimustidbits.blogspot.com





และบันทึกเรื่องราวความทรงจำเรื่องสุดท้ายคือ เรื่องราวของ "ตำหนักทักษิณราชนิเวศน์"

นานมาแล้วตอนเด็กๆ จำได้ว่าพ่อเคยพาไปเที่ยว "ตำหนักทักษิณราชนิเวศน์" จำได้ว่าต้องขึ้นเขาไป ผ่านทหารใจดีที่ให้คำแนะนำ แม้เวลาผ่านไปนานแล้วความทรงจำยังชัดเจน


ตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ ก่อสร้างแล้วเสร็จในปี ๒๕๑๖ ที่ตั้งพระตำหนักอยู่บนเนิน เขาริมทะเลฝั่งอ่าวไทย สูงจากระดับน้ำทะเล ๑๗๓ ฟุต บนเนื้อที่ทั้งหมด ประมาณ ๓๐๐ ไร่

องค์พระตำหนักสร้างเป็นอาคารคอนกรีตก่ออิฐถือปูน ลักษณะเป็นทรงปั้นหยาสมัยใหม่ ส่วนหมู่พระตำหนักแบ่งออกเป็น 2 หมู่ หมู่บนจัดเป็นที่ประทับมีพระตำหนักตันหยง มีตึกที่ทำการของกองราชเลขาฯ ในพระองค์ ตึกราชองค์รักษ์ เรือนข้าหลวง ห้องเครื่อง และเรือนรับรอง สำหรับหมู่ล่าง จะอยู่บริเวณเชิงเขาตันหยง เป็นดงมะพร้าวใกล้ชายทะเล มีอาคารที่พักมหาดเล็ก และข้าราชบริพาร กองรักษาการณ์ หน่วยแพทย์ และโรงรถหลวง

พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ทุกวัน ระหว่างเวลา ๐๙.๐๐ - ๑๖.๐๐ น. เว้นเฉพาะช่วงที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จแปรพระราชฐานมาประทับอยู่เท่านั้น







ทั้งหมดนี้เป็นการเรียบเรียงเรื่องราวเศษเสี้ยวจากความทรงจำ และนำข้อมูลจากอินเตอร์เนตมาเรียบเรียงให้กระชับขึ้นจากความตั้งใจของเรา เดิมทีตั้งใจเขียนเฉพาะใน bloggang  ปรากฏว่าคนอ่านกันเยอะ เลยเพิ่มเป็นกระทู้อีกแห่ง


ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่