ชีวิตใหม่

- ชีวิตใหม่ -


         ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ ๒๑ ปีที่แล้ว วันศุกร์ ที่ ๙ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๓๗ เวลา ๒๑.๒๑ น. ผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งได้ให้กำเนิดเด็กหญิงตัวอ้วนกลม เธออบรมเลี้ยงดูลูกของเธอด้วยความรักและความอบอุ่นเพียงตัวคนเดียว ด้วยหัวใจที่เข้มแข็ง อดทน และเด็ดเดี่ยวเกินกว่าผู้หญิงตัวเล็กๆธรรมดาทั่วไปจะสามารถทำได้ ผู้หญิงคนนั้นคือแม่ของผู้เขียนเอง

         ตั้งแต่จำความได้ ผู้เขียนถูกอบรมด้วยคำสอนที่วิเศษที่สุดจากผู้เป็นแม่เสมอ ทั้งกิริยามารยาท การกตัญญูรู้คุณต่อผู้มีพระคุณทุกคนแบบไม่มีข้อยกเว้น การตั้งใจทำสิ่งใดก็ตามด้วยความเพียร รวมไปถึงการใช้ชีวิตด้วยความพอเพียงอีกด้วย ผู้เขียนจำได้แม่น ว่าครั้งหนึ่งแม่ของผู้เขียนเคยพูดเอาไว้ว่า ผู้เขียนนั้นน่าสงสาร เพราะไม่มีผู้เป็นพ่อคอยปกป้องดูแลเหมือนเด็กคนอื่นๆ แม่ต้องทำงานและเลี้ยงผู้เขียนไปด้วยแต่เพียงผู้เดียว อาจจะขาดตกบกพร่องอะไรไปบ้าง แต่แม่อยากให้ผู้เขียนจำเอาไว้ว่า แท้จริงแล้วนั้น ผู้เขียนมิได้ขาดพ่อแต่อย่างใด หากแต่มีพ่อซึ่งประเสริฐยิ่งกว่าพ่อคนใดในโลก นั่นคือพ่อหลวงของคนไทยเรานั่นเอง แทบทุกครั้งที่แม่สอน มักจะสอดแทรกพระราชดำรัสของพ่อเอาไว้ และหยิบยกเอาตัวอย่างการใช้ชีวิตของพระองค์มาอธิบายประกอบ เพื่อให้ผู้เขียนเข้าใจคำสอนด้วยเห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้น ตัวอย่างเรื่องหนึ่งที่ผู้เขียนจำได้ดี คือเรื่องหลอดยาสีฟัน ที่พระองค์ทรงใช้จนหยุดสุดท้ายจริงๆ ทรงบีบจนหลอดแบนเรียบเหมือนกระดาษจึงทิ้ง ด้วยเห็นความสำคัญของการใช้ทรัพยากรทุกอย่างบนโลกให้คุ้มค่าที่สุด เป็นเรื่องที่ผู้เขียนประทับใจมาก

         ปัจจุบัน ผู้เขียนมีอายุย่างเข้า ๒๑ ปี มีเรื่องราวต่างๆมากมายเกิดขึ้นในชีวิตที่ผ่านมา ทั้งดีและร้าย ทั้งสุขและเศร้า ทั้งสมหวังและผิดหวัง ปะปนกันไป เมื่อก่อนนั้น ผู้เขียนมักจะแก้ปัญหาด้วยวิธีการเด็กๆเสมอ สุขหรือเศร้าก็แสดงความรู้สึกออกไปจนหมด สมหวังก็ลำพอง พอผิดหวังก็เสียใจเกินเหตุ หนักสุดก็ประชดประชัน พอลองมองย้อนกลับไปก็ได้รู้ว่า ตัวเองนั้นช่างไร้ปัญญาเหลือเกิน มีวิธีการแก้ปัญหาที่ยั่งยืน มีหลักคำสอนให้ดำเนินชีวิตอย่างมั่นคงอยู่ในบ้านของตัวเองแท้ๆ แต่กลับไม่รู้จักนำมาปรับใช้ให้เป็นประโยชน์

         ผู้เขียนรู้สึกเจ็บปวดในหัวใจเหลือเกิน ที่เคยปล่อยให้เวลาชีวิตนั้นล่วงเลยไปโดยที่ไม่เห็นถึงความสำคัญของคำสอนของพ่อมากเท่าที่ควร จนกระทั่งวันนี้มาถึง วันที่ผู้เขียนเองและคนไทยทุกคนได้สูญเสียพ่อผู้ประเสริฐของเราไป ผู้เขียนรู้สึกเคว้งคว้าง หมดอาลัยตายอยาก อ่านหนังสือไม่ได้ กินไม่ได้ นอนไม่หลับอยู่วันสองวัน ก็ตระหนักได้ว่า หากพ่อรับรู้คงเสียใจ ที่เรามัวแต่ฟูมฟายโดยที่ไม่ยอมผลักตัวเองให้ก้าวไปข้างหน้าต่อ

        นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ผู้เขียนจะขอให้สัญญากับตัวเอง และบันทึกเอาไว้ในงานเขียนชิ้นนี้ ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผู้เขียนจะไม่ปล่อยให้ชีวิตต้องหยุดชะงักอยู่นานจนเกินเหตุ จะใช้สติปัญญาพยายามแก้ไขปัญหาด้วยความอดทนและความเพียร และใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ต่อไปด้วยความอดทน มีสติ และประพฤติตนให้อยู่ในความไม่ประมาท พร้อมทั้งจะน้อมนำพระราชดำรัสของพ่อหลวง และแบบอย่างในการดำเนินชีวิตของท่าน มาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในทุกขณะชีวิตของผู้เขียนเอง หากวันใดที่ผู้เขียนเหนื่อยหรือท้อใจ แต่มิได้มีหยาดเหงื่อท่วมหน้า จนไหลหยดลงตรงปลายจมูกอย่างที่พ่อหลวงทรงเคยเป็น ก็จะไม่มีคำว่าเหนื่อยหรือท้อออกจากปากของผู้เขียนแม้แต่คำเดียว


๐๑:๒๓
๑๖-๑๐-๒๕๕๙
- OILISM -
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่