เราทำงานที่นี้มาได้ 5 เดือนกว่า
ทั้งห้องทำงานมีกันอยู่ทั้งหมด 5 คน รวมเรา
4 คนนี้เขาทำงานที่นี้มากว่า 10 ปี อยู่ด้วยกันมานานมักจะสนิทกันไม่แปลก ทำงานใกล้บ้าน หมู้บ้านเดียวกัน ตำบลเดียวกัน รู้จักคนแถวนี้เยอะ
แต่ไม่มีใครคุยกับเราเลย
หัวหน้าเรามักไม่ค่อยอยู่มักออกไปรับจ๊อบข้างนอก บางวันก็เข้ามาบางวันก็ไม่เข้ามา แต่ออกก่อนเวลาทุกวัน นั้ไม่ว่ากัน ระดับหัวหน้าแล้ว
หัวหน้าก็ดีกับเรา
แต่ 3 คนที่เหลือ เขามักคุยกันนินทาคนน็นคนนี้ แต่เราเพิ่งมาและเราไม่ใช่คนแถวนี้ เวลาเขานินทาหรือพูดถึงใคร เราก็ไม่รู้เรื่องได้แต่ยิ้ม เพราะบางทีเราไม่รู้จัก เราอยู่อีกตำบลหนึ่ง
อีกพฤติกรรมหนึ่งคือต้องทานอาหารหรือของว่างทุกบ่ายสองบ่ายสามของทุกวัน ไม่ทำกินกันก็ซื้อมาทาน
เราก็ไม่รู้ว่าเราแปลกหรือรู้สึกไปเองรึเปล่า
เราพยายามข้ากับพวกเขาแล้ว
เขากินอะไร เราก็กินด้วย ช่วยเขาทำ กินเสร็จเราก็ล้างให้
เข้างานเราก็มาก่อนเป็นคนแรก ไม่มีแม่บ้าน เราก็กวาดห้องให้ทุกเช้า ไม่เคยมาเลท
คนที่เข้าสาย บางทีเขาจะแวะซื้อกับข้าวมากินตอนเที่ยง คนอื่นฝาก เราก็ฝากด้วย
บางครั้ง เขาคงกลัวเราฝาก เขาแอบไปคุยโทรศัพท์ข้างนอก แต่พี่ที่เข้าสายก็หิ้วข้าวมา
เป็นงี้สองสามครั้ง
เราก็เออ ไม่เป็นไร เพราะเรากลับไปกินที่บ้านก็ได้ บ้านใกล้ ได้มีเวลานอนพักอีก
เมื่อก่อนเขาออกไปกินข้าวข้างนอก เราก็ออกไปด้วย แต่มีหลายครั้งที่เขาไม่เรียก ไม่รอ เราก็เหนื่อยที่จะต้องคอยตาม
ครั้งหนึ่ง เราทำงานยุ่งๆ อยู่ตึกข้างบน ไม่มีแม้เวลาจะลงมากินน้ำที่โต๊ะตัวเอง เราลงมาไม่เจอใครเลย เราก็น้อยใจทำไมไม่มีใครสนใจเราเลย ไม่แม้แต่จะถามว่ากินข้าวยัง หรือยุ่งขนาดนี้ เอาข้าวไรมั้ย
เวลามีการจัดงานอะไร เวลาทำอะไรเขาจะทำกัน 3 คน เช่นจัดของ ล้างแก้ว เราก็มักจะเข้าไปช่วย แต่เวลาเราทำคนเดียว ไม่ห็นจะมีใครช่วยเรา
เราก็ช่างมันเหอะ
เราแอบเห็นหัวหน้าเอาเงินให้ซื้อน้ำ เขาก็จุ๊บจิ๊บพากันซื้อ3คน ไม่เผื่อทั้งที่เราเช็ดโต๊ะอยู่ในงาน
ขนมเบรคเหลือ ก็ขนกลับบ้านหมด แย่งกันอย่างก่ะไม่เคยกิน เราเลยไม่ไปเอาด้วย
ออกไปในเมืองก็ไปกัน 3 คน ให้เราเฝ้าห้อง ทั้งที่งานบางคนต้องอยุ่ที่นี้ ไม่น่าอกไปได้ แต่เราก็ต้องทำแทน เวลามีงานเขาเข้ามา
มีผู้ใหญ่ไปเที่ยวเมืองนอก ซื้อขนมจากต่างประเทศมาฝาก 3 แพคใหญ่ เขารับมาและใส่ตู้เย็นไว้ก่อนน๊า เขาบอก
เราอยากพิสูจน์สิ่งที่เราสงสัย อีกวันทุกคนไปข้างนอกกันหมด เราเลยลองเปิดตู้ดู ไม่มีเหลือ สงสัยขนกลับบ้านกันหมด ไม่มีแม้ถุงในถังขยะ ตลกเนอะ
เราก็ไม่อยากกินหรอก ถึงเงินเดือนเราจะน้อยกว่า เราก็มีปัญญาซื้อกิน ไม่เห็นต้องแย่งกันหรือเห็นแก่เรื่องกินขนาดนั้น
วันนึงไหว้เจ้ากัน มีพี่แผนกอื่นเอาของมารวมด้วย แล้วทั้ง 3 คนก็ออกไปข้างนอกกันตามเคย ให้เราลาของไหว้และขอพี่ๆ แผนกข้างๆ ช่วยอีก 2-3 คน กลับมา พวกนางขนของกลับบ้านบางส่วน บางส่วนขอนออกไปปิกนิคข้างนอกจ้า แม้แต่ของพี่แผนกข้างๆ ก็ไม่เหลือซาก ไม่แบ่งคนช่วยยกหรือคนที่เห็นว่าแผนกเราไหว้เลย ตอนขนของมาเราก็ขอบคุณทุกคนที่มาช่วยเราแล้วเราก็บอกพี่ๆ ที่มาช่วยว่าเดียวรอพวกนั้นกลับมาแจกแจกแล้วจะเรียกมากินด้วยกันนะค่ะ พอเกิดเหตุแบบนี้ เราเลยไม่รู้จะพูดไง เราอดทนและพยายามเข้าใจกับทุกอย่าง พยายามคิดว่าไม่เป็นไรๆ เราทำเองก็ได้ เราซื้อเองก็ได้ แต่พอเห็นเงินเดือนแล้วบางทีเราก็ท้อนะ ยังไม่ถึงค่าแรงขั้นต่ำ แต่อาศัยว่าใกล้บ้านและได้หยุดเสาทิต เราไม่ใช่ข้าราชการเราก็ต้องทน
ที่ทำงานเก่าที่ผ่านๆ มาเจ้านายหลายคนยังว่าเงินเดือนเยอะนะ เขายังไม่แย่งกันกินขนาดนี้ ไหว้เจ้าเขาก็จะแบ่งๆกัน หรือรวมวงกันกินเป็นกลุ่มใหญ่ มาเจอซะทีนี้ สาระพัดอย่าง เราก็อีโก้สูงพอควร เพราะเราก็ถือว่าจบมหาลัยมีชื่ออยู่ แต่เราคิดว่าเรายอมทำที่นี้ เพื่อหาประสบการณ์ และได้มีวันหยุดไว้ทำอาชีพเสริม ได้ไปเที่ยว เรารู้ว่าปัญหามันมีทุกทีที่ทำงานแหละ อย่างที่เดิมๆ เราก็เจอแต่ที่เราย้ายเพราะเราเหนื่อยกับการเดินทางที่รถติด ต้องพบเจออุบัติเหตุข้างทางทุกวี่วัน เราก็กลัวว่าสักวันเราจะเป็นอบบนั้นมั้ย รถก็เยอะขึ้นทุกวัน เดินทางก็เนฃหนื่อยแล้ว ค่าน้ำมันก็หมดไปเยอ หักลบแล้วก็ไม่ต่างกับที่นี้ ที่ใกล้บ้าน เขาไม่คุยกับเราแต่เขามายุ่งกับการจัดโต๊ะทำงานของเรา ต้องเอานั้นไว้นั้นไว้นี้ ตั้งแต่วันแรกที่เราเข้ามา เราก้ประทับใจเลย จัดโต๊ะเราไว้อีกฝั่งของห้องที่มีที่กั้น น้องๆ ห้องครัวดีๆ นี่เอง แล้วหัวหน้าเรามาเห็นคงรู้สึกแปลก ที่เวลาคุยกันเหมือนไม่มีเราอยู่ เขาเลยสั่งให้ย้ายเรามาข้างหน้า ฝั่งห้องเดียวกับพวกเขา แทนที่จะหันหน้าเข้าหากัน เหมือนเขานั่ง แต่เขาให้เรานั่งกลางห้อง ที่ทุกคนมองเห็นเราหมด ไม่พอโต๊ะยังใต้คาน ใต้บันได อยุ๋ตรงกับห้องเก็บไม้กวาดอีก ด้านข้างโต๊ะก็เป็นกระจกพร้อม สารพัดฮ้วงจุ้ยดีเยี่ยมทั้งน้าน เราเลยไม่รู้ว่าตรงนี้มีส่วนมั้ย
งานก็ไม่มีใครสอน เนื่องจากเป็นงานที่ขาเพิ่งสั่งให้ทำ ฟอร์มทุกอย่างต้องทำเอง เราต้องไปเรียนรู้งานจากส่วนที่เกี่ยวข้องเอง ทั้งๆ ที่คนไปอบรมมาควรสอนเรา แต่ไม่เลย หลังๆเรายอมรับว่าเราก้ไม่คุยอะไรเลยกับใครเพราะเราไม่รู้ใครพวกใคร จากที่เราฟังทุกวันๆ ดูเหมือนโลกนี้จะดีกันอยู่แค่เนี๊ยะ ใครก็ไม่ดีๆซะหมด ว่าคนนู้น ว่าคนนี้ เราเลยไม่รู้จะยังไง
เวลามีเงินกองหลางที่เหลือจากการทำโครงการหรือการจัดกิจกรรม เขาก็จะไปกินเลี้ยงกัน แต่ให้เราเฝ้าห้อง แอบย่องออกไปทีละคน ไม่พูดไม่จา นี่คือสิ่งที่ผู้ใหญ่เขาทำกัน ถ้าบอกเราตรงๆว่าจะออกไปินนี้สัก 3 ชั่วโมงกลับนะ ยังจะรู้สึกดีกว่านี้อีก เพราะเราก็โล่งนะ ที่ไม่ได้ไปด้วย เวลางานนั่งอยู่โต๊ะดีกว่า
เราอึกอัด เราแค่อยากระบาย เราไม่รู้ว่าเราจะอดทนได้อีกเมื่อไหร่ บอกตัวเองทุกวันว่าความสุขในชีวิตบางอย่าง มันต้องใช้เงินซื้อนะ หมาเรายังรอกินอาหาร แม่เรายังรอเงินเดือนจากเรา ในเมื่อเขาไม่ชวนเราไป ไม่ชวนเรากิน ไม่คุยกับเรา เราควรทำอย่างไรต่อไ จะให้ไปขอกินด้ยเหรอ เคยนะ ทำสุกี้กัน เราก็กินด้วย แต่ก็มีเสียงกระแหนะมาว่า ไม่รู้ว่าจะกินด้วย เลยไม่รู้จะพอป่าว ผักจะหมดแล้ว พูดงี้ขึ้นมา จากนั้นเราเลยไม่กล้ากินไรด้วยเลย
ที่ทำงานไม่มีใครคุยด้วย
ทั้งห้องทำงานมีกันอยู่ทั้งหมด 5 คน รวมเรา
4 คนนี้เขาทำงานที่นี้มากว่า 10 ปี อยู่ด้วยกันมานานมักจะสนิทกันไม่แปลก ทำงานใกล้บ้าน หมู้บ้านเดียวกัน ตำบลเดียวกัน รู้จักคนแถวนี้เยอะ
แต่ไม่มีใครคุยกับเราเลย
หัวหน้าเรามักไม่ค่อยอยู่มักออกไปรับจ๊อบข้างนอก บางวันก็เข้ามาบางวันก็ไม่เข้ามา แต่ออกก่อนเวลาทุกวัน นั้ไม่ว่ากัน ระดับหัวหน้าแล้ว
หัวหน้าก็ดีกับเรา
แต่ 3 คนที่เหลือ เขามักคุยกันนินทาคนน็นคนนี้ แต่เราเพิ่งมาและเราไม่ใช่คนแถวนี้ เวลาเขานินทาหรือพูดถึงใคร เราก็ไม่รู้เรื่องได้แต่ยิ้ม เพราะบางทีเราไม่รู้จัก เราอยู่อีกตำบลหนึ่ง
อีกพฤติกรรมหนึ่งคือต้องทานอาหารหรือของว่างทุกบ่ายสองบ่ายสามของทุกวัน ไม่ทำกินกันก็ซื้อมาทาน
เราก็ไม่รู้ว่าเราแปลกหรือรู้สึกไปเองรึเปล่า
เราพยายามข้ากับพวกเขาแล้ว
เขากินอะไร เราก็กินด้วย ช่วยเขาทำ กินเสร็จเราก็ล้างให้
เข้างานเราก็มาก่อนเป็นคนแรก ไม่มีแม่บ้าน เราก็กวาดห้องให้ทุกเช้า ไม่เคยมาเลท
คนที่เข้าสาย บางทีเขาจะแวะซื้อกับข้าวมากินตอนเที่ยง คนอื่นฝาก เราก็ฝากด้วย
บางครั้ง เขาคงกลัวเราฝาก เขาแอบไปคุยโทรศัพท์ข้างนอก แต่พี่ที่เข้าสายก็หิ้วข้าวมา
เป็นงี้สองสามครั้ง
เราก็เออ ไม่เป็นไร เพราะเรากลับไปกินที่บ้านก็ได้ บ้านใกล้ ได้มีเวลานอนพักอีก
เมื่อก่อนเขาออกไปกินข้าวข้างนอก เราก็ออกไปด้วย แต่มีหลายครั้งที่เขาไม่เรียก ไม่รอ เราก็เหนื่อยที่จะต้องคอยตาม
ครั้งหนึ่ง เราทำงานยุ่งๆ อยู่ตึกข้างบน ไม่มีแม้เวลาจะลงมากินน้ำที่โต๊ะตัวเอง เราลงมาไม่เจอใครเลย เราก็น้อยใจทำไมไม่มีใครสนใจเราเลย ไม่แม้แต่จะถามว่ากินข้าวยัง หรือยุ่งขนาดนี้ เอาข้าวไรมั้ย
เวลามีการจัดงานอะไร เวลาทำอะไรเขาจะทำกัน 3 คน เช่นจัดของ ล้างแก้ว เราก็มักจะเข้าไปช่วย แต่เวลาเราทำคนเดียว ไม่ห็นจะมีใครช่วยเรา
เราก็ช่างมันเหอะ
เราแอบเห็นหัวหน้าเอาเงินให้ซื้อน้ำ เขาก็จุ๊บจิ๊บพากันซื้อ3คน ไม่เผื่อทั้งที่เราเช็ดโต๊ะอยู่ในงาน
ขนมเบรคเหลือ ก็ขนกลับบ้านหมด แย่งกันอย่างก่ะไม่เคยกิน เราเลยไม่ไปเอาด้วย
ออกไปในเมืองก็ไปกัน 3 คน ให้เราเฝ้าห้อง ทั้งที่งานบางคนต้องอยุ่ที่นี้ ไม่น่าอกไปได้ แต่เราก็ต้องทำแทน เวลามีงานเขาเข้ามา
มีผู้ใหญ่ไปเที่ยวเมืองนอก ซื้อขนมจากต่างประเทศมาฝาก 3 แพคใหญ่ เขารับมาและใส่ตู้เย็นไว้ก่อนน๊า เขาบอก
เราอยากพิสูจน์สิ่งที่เราสงสัย อีกวันทุกคนไปข้างนอกกันหมด เราเลยลองเปิดตู้ดู ไม่มีเหลือ สงสัยขนกลับบ้านกันหมด ไม่มีแม้ถุงในถังขยะ ตลกเนอะ
เราก็ไม่อยากกินหรอก ถึงเงินเดือนเราจะน้อยกว่า เราก็มีปัญญาซื้อกิน ไม่เห็นต้องแย่งกันหรือเห็นแก่เรื่องกินขนาดนั้น
วันนึงไหว้เจ้ากัน มีพี่แผนกอื่นเอาของมารวมด้วย แล้วทั้ง 3 คนก็ออกไปข้างนอกกันตามเคย ให้เราลาของไหว้และขอพี่ๆ แผนกข้างๆ ช่วยอีก 2-3 คน กลับมา พวกนางขนของกลับบ้านบางส่วน บางส่วนขอนออกไปปิกนิคข้างนอกจ้า แม้แต่ของพี่แผนกข้างๆ ก็ไม่เหลือซาก ไม่แบ่งคนช่วยยกหรือคนที่เห็นว่าแผนกเราไหว้เลย ตอนขนของมาเราก็ขอบคุณทุกคนที่มาช่วยเราแล้วเราก็บอกพี่ๆ ที่มาช่วยว่าเดียวรอพวกนั้นกลับมาแจกแจกแล้วจะเรียกมากินด้วยกันนะค่ะ พอเกิดเหตุแบบนี้ เราเลยไม่รู้จะพูดไง เราอดทนและพยายามเข้าใจกับทุกอย่าง พยายามคิดว่าไม่เป็นไรๆ เราทำเองก็ได้ เราซื้อเองก็ได้ แต่พอเห็นเงินเดือนแล้วบางทีเราก็ท้อนะ ยังไม่ถึงค่าแรงขั้นต่ำ แต่อาศัยว่าใกล้บ้านและได้หยุดเสาทิต เราไม่ใช่ข้าราชการเราก็ต้องทน
ที่ทำงานเก่าที่ผ่านๆ มาเจ้านายหลายคนยังว่าเงินเดือนเยอะนะ เขายังไม่แย่งกันกินขนาดนี้ ไหว้เจ้าเขาก็จะแบ่งๆกัน หรือรวมวงกันกินเป็นกลุ่มใหญ่ มาเจอซะทีนี้ สาระพัดอย่าง เราก็อีโก้สูงพอควร เพราะเราก็ถือว่าจบมหาลัยมีชื่ออยู่ แต่เราคิดว่าเรายอมทำที่นี้ เพื่อหาประสบการณ์ และได้มีวันหยุดไว้ทำอาชีพเสริม ได้ไปเที่ยว เรารู้ว่าปัญหามันมีทุกทีที่ทำงานแหละ อย่างที่เดิมๆ เราก็เจอแต่ที่เราย้ายเพราะเราเหนื่อยกับการเดินทางที่รถติด ต้องพบเจออุบัติเหตุข้างทางทุกวี่วัน เราก็กลัวว่าสักวันเราจะเป็นอบบนั้นมั้ย รถก็เยอะขึ้นทุกวัน เดินทางก็เนฃหนื่อยแล้ว ค่าน้ำมันก็หมดไปเยอ หักลบแล้วก็ไม่ต่างกับที่นี้ ที่ใกล้บ้าน เขาไม่คุยกับเราแต่เขามายุ่งกับการจัดโต๊ะทำงานของเรา ต้องเอานั้นไว้นั้นไว้นี้ ตั้งแต่วันแรกที่เราเข้ามา เราก้ประทับใจเลย จัดโต๊ะเราไว้อีกฝั่งของห้องที่มีที่กั้น น้องๆ ห้องครัวดีๆ นี่เอง แล้วหัวหน้าเรามาเห็นคงรู้สึกแปลก ที่เวลาคุยกันเหมือนไม่มีเราอยู่ เขาเลยสั่งให้ย้ายเรามาข้างหน้า ฝั่งห้องเดียวกับพวกเขา แทนที่จะหันหน้าเข้าหากัน เหมือนเขานั่ง แต่เขาให้เรานั่งกลางห้อง ที่ทุกคนมองเห็นเราหมด ไม่พอโต๊ะยังใต้คาน ใต้บันได อยุ๋ตรงกับห้องเก็บไม้กวาดอีก ด้านข้างโต๊ะก็เป็นกระจกพร้อม สารพัดฮ้วงจุ้ยดีเยี่ยมทั้งน้าน เราเลยไม่รู้ว่าตรงนี้มีส่วนมั้ย
งานก็ไม่มีใครสอน เนื่องจากเป็นงานที่ขาเพิ่งสั่งให้ทำ ฟอร์มทุกอย่างต้องทำเอง เราต้องไปเรียนรู้งานจากส่วนที่เกี่ยวข้องเอง ทั้งๆ ที่คนไปอบรมมาควรสอนเรา แต่ไม่เลย หลังๆเรายอมรับว่าเราก้ไม่คุยอะไรเลยกับใครเพราะเราไม่รู้ใครพวกใคร จากที่เราฟังทุกวันๆ ดูเหมือนโลกนี้จะดีกันอยู่แค่เนี๊ยะ ใครก็ไม่ดีๆซะหมด ว่าคนนู้น ว่าคนนี้ เราเลยไม่รู้จะยังไง
เวลามีเงินกองหลางที่เหลือจากการทำโครงการหรือการจัดกิจกรรม เขาก็จะไปกินเลี้ยงกัน แต่ให้เราเฝ้าห้อง แอบย่องออกไปทีละคน ไม่พูดไม่จา นี่คือสิ่งที่ผู้ใหญ่เขาทำกัน ถ้าบอกเราตรงๆว่าจะออกไปินนี้สัก 3 ชั่วโมงกลับนะ ยังจะรู้สึกดีกว่านี้อีก เพราะเราก็โล่งนะ ที่ไม่ได้ไปด้วย เวลางานนั่งอยู่โต๊ะดีกว่า
เราอึกอัด เราแค่อยากระบาย เราไม่รู้ว่าเราจะอดทนได้อีกเมื่อไหร่ บอกตัวเองทุกวันว่าความสุขในชีวิตบางอย่าง มันต้องใช้เงินซื้อนะ หมาเรายังรอกินอาหาร แม่เรายังรอเงินเดือนจากเรา ในเมื่อเขาไม่ชวนเราไป ไม่ชวนเรากิน ไม่คุยกับเรา เราควรทำอย่างไรต่อไ จะให้ไปขอกินด้ยเหรอ เคยนะ ทำสุกี้กัน เราก็กินด้วย แต่ก็มีเสียงกระแหนะมาว่า ไม่รู้ว่าจะกินด้วย เลยไม่รู้จะพอป่าว ผักจะหมดแล้ว พูดงี้ขึ้นมา จากนั้นเราเลยไม่กล้ากินไรด้วยเลย