โหนกระแส ตม.เกาหลี จ้องจับแต่คนไทย จริงหรือ?

ประสบการณ์ผ่านตม.เกาหลี ข้อเท็จจริงบางส่วน ตามมุมมองของนักท่องเที่ยวอย่างเรา ไม่ใช่ expert แต่อย่างใด คือก่อนไป ก็อ่านหาข้อมูลมาจากในพันทิปซะจนจิตตก แต่ในใจก็อยากลอง เอาวะ ลองไปให้มันหายข้องใจดู เมื่อได้ไปมาก็เลยอยากแชร์ประสบการณ์ทั้งหมดและความคิดเห็นส่วนบุคคลในมุมมองเราบ้าง

ซึ่งอาจจะไม่สามารถอ้างได้ว่ามันคือข้อเท็จจริง และอาจจะไม่ตรงกับความคิดของหลายๆคนได้
หากมีข้อผิดพลาดประการใดเราสามารถโต้แย้งกันได้ ด้วยเหตุผล เพื่อประโยชน์สูงสุด เป็นข้อมูลที่น่าสนใจให้แก่ผู้ที่ต้องการเดินทางท่องเที่ยวประเทศเกาหลีต่อไป

---------------------------------------------------------------------------------------------

ทำไมคนไทยอยากไปประเทศเกาหลี และข้อเท็จจริงในการเข้าประเทศเกาหลีใต้
1.ประเทศเกาหลีใต้เป็นประเทศที่เปิดกว้างสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติพอสมควร การเข้าประเทศก็ไม่ยาก สนามบินสายการบินก็เยอะทั้งโลว์คอสไฮคอส และมีบริษัททัวร์มากมายจัดเที่ยวในราคาถูกสุดๆโปรไฟไหม้ต่าง ๆ พร้อมทั้งด้วยกระแสนิยมของ K-Pop เอย ซีรีส์เอย เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว มีอากาศหนาว มีหิมะ ใคร ๆ ก็อยากลองมาดูอะไรที่บ้านเราไม่มีกันบ้าง

2.การผ่านพิธีการเข้าประเทศไม่ยาก โดยเฉพาะคนไทยนั้นคุณไม่ต้องทำวีซ่าเพื่อขอเข้าประเทศ แค่มีเพียงพาสปอร์ตก็เข้าได้แล้ว และสามารถอยู่ได้ถึง 90 วัน

3.ด้วยความสะดวกตรงนี้ และค่าแรงงานที่สูงกว่า มีคนไทยจำนวนมากไปเกาหลีเช่นกัน โดยทำทีว่าไปเที่ยวแต่แท้จริงแล้วไปเพื่อขายแรงงานแบบผิดกฎหมาย หรือที่เรียกว่าโรบินฮูด (คล้ายๆกับปัญหาแรงงานต่างด้าวที่ไม่ขึ้นทะเบียนแบบบ้านเรา) ทำให้เจ้าหน้าที่ ตม.ต้องเพิ่มความเข้มงวดเข้าไปอีก เพื่อดักจับคนเหล่านี้ (ซึ่งจริง ๆ ก็มีมาตรการเยอะแยะที่จะคัดกรองคนเหล่านี้ออกไป ให้ดีกว่านี้ ให้เป็นแบบมาตรฐาน แต่เค้าก็ยืนยันที่จะใช้วิธีการนี้เพื่อคัดกรองคนเข้าเมือง อาจจะเป็นเพราะหวังผลประโยชน์จากชาวต่างชาติเรื่องการท่องเที่ยวก็เป็นได้)

4.จะว่ายากก็ไม่ใช่ จะว่าง่ายก็ไม่เชิง เพราะการจะให้เข้าประเทศได้หรือไม่ “ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเพียงอย่างเดียวเท่านั้น” โดยเราก็คงเคยเห็น อ่าน ได้ข่าวมาบ้าง เรื่องนักท่องเที่ยวไทยที่ถูกตม.ปฏิเสธให้เข้าประเทศและส่งกลับไทยทันที โดยปฏิบัติกับพวกเขาเหล่านั้นได้แย่มาก หาได้สนใจว่าเสียค่าใช้จ่ายไปเท่าไหร่ ใครจะเดือดร้อนอย่างไร

---------------------------------------------------------------------------------------------

ข้อมูลเรื่องเล่าจากไกด์ชาวไทยที่มาเรียนและทำงานในเกาหลีมามากกว่า 10 ปี
1.ไทยไม่ใช่ประเทศที่ลักลอบมาขายแรงงานอันดับ1ในเกาหลี แต่ก็เป็นอันดับต้นๆ รองจาก เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และบังคลาเทศ

2.จริง ๆ ปัญหาแรงงานเถื่อนในเกาหลีมีมานานแล้ว ไม่เฉพาะแรงงานไทย ไกด์บอกว่ายอมรับว่าเค้าจ้องไทยมากขึ้น แต่ไม่น่าจะใช่เพราะไทยลักลอบเข้ามาเป็นอันดับหนึ่ง แต่น่าจะเนื่องจากสาเหตุของการก่ออาชญากรรมของแรงงานเถื่อนไทยในเกาหลี เช่น การค้ายาบ้าในร้านอาหารไทย, แรงงานไทยฆ่าคนเกาหลีตาย, แรงงานไทยปล้นไปรษณีย์เกาหลี และการตั้งตนเป็นแก๊งมาเฟียของแรงงานไทยที่พยายามจะหากินแบบอื่นในเกาหลี แทนที่จะมาขายแรงงานเพื่อแลกเงินจริง ๆ

3.ปัญหาแรงงานต่างด้าวที่มีมานาน อาจเนื่องจากว่า ในเกาหลีอัตราการศึกษาสูง และไม่มีใครอยากทำงานที่ใช้แรงงาน ถึงแม้เครื่องจักรจะเข้ามาแทนที่ได้ แต่ก็ยังไม่ทั้งหมด แรงงานยังเป็นสิ่งที่จำเป็นและขาดแคลนไม่ได้ จึงทำให้เป็นที่มาของปัญหาแรงงานต่างด้าว

(ความคิดเรา: เทียบกับไทย คล้ายไทยนะ คนจบป.ตรีตกงานเยอะ เพราะงานที่มีให้ทำมันเป็นงานใช้แรง เงินต่ำไม่มีใครอยากจะทำ ถึงต้องมาแอบทำงานกันที่ประเทศอื่น)

(ความคิดเรา: ขอเทียบปัญหานี้กับประเทศญี่ปุ่น ในญี่ปุ่นมีปัญหานี้เช่นกันแต่น้อยกว่า คนญี่ปุ่นจะมีงาน 3 ประเภทที่ถูกกฎหมายรายได้สูงแต่ไม่มีใครอยากจะทำ ได้แก่ 1. งานหนักเหนื่อย เช่น งานก่อสร้าง 2. งานสกปรกไม่มีเกียรติ เช่น เก็บขยะ ตักถังขี้ 3. งานอันตราย เช่น เช็ดกระจกในที่สูง ดังที่เราเคยอ่านในการ์ตูนญี่ปุ่นหรือซีรีส์นั่นแหละ เวลาที่พระเอกต้องการเงินด่วน มักจะไปทำงานก่อสร้างแบกเหล็กเส้น เช็ดกระจกที่สูง ออกทะเลหาโอโทโร่ (GTO ทำมาหมดไปหาอ่านได้) อะไรแบบนี้ เพราะมันเป็นงาน 3 ประเภทที่คนญี่ปุ่นไม่อยากทำ แต่ได้เงินสูง บางครั้งจึงอาจเห็นคนทำงานก่อสร้างในญี่ปุ่นเพียงคนเดียวแต่ก็สามารถหาเลี้ยงลูกเมียได้ (แต่ปัญหาคนจนหรือปัญหาซ่อนเร้นอื่น ๆ มันก็มีแหละ อย่างที่บอกนี้คือมุมมองในสายตาคนต่างชาติอย่างเราน่ะ)

---------------------------------------------------------------------------------------------

ประสบการณ์ของตนเองในการผ่านตม.เกาหลี
1.เป็นการพาแม่ไปเที่ยวต่างประเทศครั้งแรก แม่ชอบดูซีรีส์ จึงเลือกไปเกาหลีกับทัวร์เพราะคิดว่าแม่จะคงสะดวกสบายกว่า และราคาก็ไม่แพงด้วย (5วัน3คืน)

2.เอกสารโปรแกรมทัวร์ ได้แจ้งแล้วว่า ถ้าโดนปฏิเสธให้เข้าเมือง ทางทัวร์ไม่สามารถช่วยเหลือใดๆได้ และนอกจากค่าแพ็กเกจทัวร์แล้วขอเก็บเงินค้ำประกัน 3,500 บาท ต่อท่านก่อนการเดินทาง เพื่อประกันว่าเราจะไม่โดดร่มไปทำงานในเกาหลี และสามารถขอรับคืนได้หลังจากทัวร์จบ (จึงสอบถามทัวร์กลับไป ทัวร์แจ้งว่า แล้วแต่ดุลพินิจของจนท.ทัวร์ จะจัดเก็บเฉพาะคนที่น่าสงสัยว่าจะโดดร่ม แต่สุดท้ายเค้าก็ไม่ได้เก็บใครนะ) ก่อนผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง จนท.ทัวร์ก็ย้ำอีกครั้ง โดยพวกเราเริ่มเข้าตรวจคนกันตอน 6 โมง จนท.ทัวร์แจ้งจะว่าจะรอจนถึง 9โมงเท่านั้น หากคนที่ไม่ทันทัวร์คงจะไม่สามารถช่วยเหลือได้

3.แม้จะมากับทัวร์แต่ก็ต้องทำการบ้าน เราพกพาสปอร์ตเล่มเก่าที่เคยไปตปท.มาด้วยโดยใช้สมุดผูกคู่กัน สะพายกล้อง และเตรียมนามบัตร บัตรเครดิต ให้แม่เตรียมบัตรข้าราชการของเขา บัตรเครดิตของพร้อมทะเบียนบ้านตัวจริงมาอีกด้วย(แม่เจ้าบ้าน+เราผู้อาศัย) แลกเงินวอนกันมาคนละ2หมื่นบาท ซึ่งเราก็ทำใจมาระดับนึงแล้วว่า ถ้าเตรียมมาขนาดนี้แล้วไม่ผ่าน ก็คงไม่โต้แย้งอะไร เหนื่อยเปล่า ก้มหน้ารับชะตากรรม เพราะเราทำเต็มที่แล้ว

4.การมากับทัวร์ ทัวร์จะมีเอกสารรายละเอียดการเดินทาง ตั้งแต่วันแรก จนวันสุดท้าย และจะกรอกเอกสาร arrival card กับ customs declaration มาให้เราแล้ว เพียงเซ็นชื่อ แต่เราก็ตรวจละเอียดอีกครั้ง พบว่าเขียนเลขที่พาสปอร์ตเราตกไปตัวนึง เราก็เขียนเพิ่มไปให้ครบถ้วน ถ้าไม่ตรวจแล้วไปยื่นเลยอาจมีปัญหาได้ ตรงนี้ก็เซฟ จบไป (ตรงนี้แนะนำให้ตรวจให้ละเอียด กรอกให้ถูกต้อง ศึกษาเอา หาจาก google นะ มีเยอะแยะ)

5.ประสบการณ์ผ่านตม.เราเข้าก่อนให้แม่ต่อหลัง ก็แอบตื่นเต้นนะ ยื่นพาสปอร์ตเก่าและใหม่ไปให้พร้อมกัน จนท.ตรวจดูทุกเล่มทุกหน้าจริง ๆ นานพอสมควร จากนั้นเริ่มพ่นคำถาม
ตม. You here for tour? เอา arrival cards กับ customs declaration ยื่นมาชี้ให้เราอ่านด้วย
เรา. Yes. (ถ้ามาเที่ยวต้องติ๊ก Tour + Sightseeing เท่านั้น ห้ามติ๊กช่องอื่น เคยอ่านกระทู้เจอคนติ๊กผิดเป็น visit อาจเป็นสาเหตุให้ถูกลากเข้าห้องเย็นได้)
ตม. How many days?
เรา. Only 5 days
ตม. Where you will stay?
เรา. Gansan river hills hotels (จริงๆนอน รร.นี้คืนเดียว อีกสองคืนนอนที่อื่น แต่ทัวร์ยังไม่แจ้ง)
ตม. Comยิ้ม alone?
เรา. No, I’m here with my mother
ตม. Where is she? ทำยืนขึ้นมองหาตามแถวที่ต่อ
เรา. She is over there ชี้ไปที่แม่ที่ต่อคิวอยู่ด้านหลังห่างๆ
ตม. Korea First time?
เรา. Yes
ตม. OK put your fingers here and look here
เรา. Thank you จบ ผ่านตม.ไปแบบสวยๆ สำหรับเรา ส่วนของแม่ก็ถูกถามเช่นกัน
ตม. Your daughter?
แม่. Yes จบ ผ่านไปด้วยความสวยงาม
(ทำไมเราถึงผ่าน ส่วนตัวคิดว่าเป็นเพราะ เราสามารถสื่อสารกันกับตม.รู้เรื่องตอบในสิ่งที่เค้าสงสัยได้ทันที เรากับแม่นามสกุลเดียวกันปกติดี และการมากับคนแก่ด้วยคงไม่ได้มาขายแรงงาน)

6.ทัวร์เรามา 29 คน มี2คนโดนเข้าห้องเย็น คนที่1 จังหวะสแกนนิ้วถ่ายรูปแกดันพลาด หลุบตาลง เพราะคิดว่าถ่ายเสร็จแล้ว นั้นแหละ โดนลากเข้าห้องเย็นทันที ส่วนคนที่2 เค้าขอดูหลักฐานการทำงาน ซึ่งเค้าก็เตรียมตัวมาดีมีเอกสารราชการรับรองการทำงาน แต่เค้าเป็นข้าราชการชั้นเริ่มต้นซึ่งหนังสือชี้แจงเงินเดือนไว้ที่ 13,000 นั้นแหละ ตม.สงสัย เห้ย เงินเดือนยูน้อย มาเที่ยวได้ไง มาทำงานป่าว ลากเข้าห้องเย็นไว้ก่อน ท้ายที่สุด 2 คนนั้นก็สามารถชี้แจง ตม.และสามารถมาขึ้นรถพร้อม ๆ กับเราได้ ทัวร์นี้ครบ 29 คน

7.แต่วันสุดท้าย มีชาย2คนหายไปจากทัวร์ ชาย1เป็นวัยรุ่นมาพร้อมแม่ ชาย2เป็นชายวัยกลางคนอายุประมาณ 35-40ปีมากับครอบครัวคือภรรยาและลูกชายอีก2 คน ชาย1และ2นั้นเป็นญาติกันครอบครัวของทั้งสองก็เช่นกัน โดยหายไปในวันสุดท้ายที่จะกลับเมืองไทย ทัวร์กรุ๊ปใหญ่เลยไม่มีใครสังเกตุเท่าไหร่ แต่แม่เราสงสัยเลยถามญาติเขา โดยเขาให้เหตุผลว่า 2คนนี้ออกไปเอาของฝากพวกปลาร้า ของแห้งจากไทย ไปให้เพื่อนที่ทำงานในเกาหลี และถ้ากลับมาไม่ทันจะตีตั๋วกลับเอง จะว่าเรามองโลกในแง่ร้ายก็ได้เราว่าแปลกอ่ะ ทำไมไม่ไปตั้งแต่วันแรกให้มันจบๆ แล้วกลับพร้อมกัน ประหยัดค่าตั๋ว แล้วครอบครัวก็มาด้วยพะรุงพะรังจะมาแยกตัวกลับทีหลังเพื่อ? (ส่วนตัวคิดว่าเขาคงหนีไปทำงานนั้นแหละ โดยครอบครัวที่มาด้วยคงมาส่ง และการมากับครอบครัวรุงรังขนาดนี้ อาจจะทำให้ผ่านตม.ได้ง่ายขึ้นด้วย)  

---------------------------------------------------------------------------------------------

จากความคิดเห็นส่วนตัว พิรุธต่าง ๆ และสาเหตุที่ทำให้หลายคนถูกลากเข้าห้องเย็น
1.ตม.เกาหลี ไม่ได้จ้องจับแต่คนไทยเพื่อไม่ให้เข้าประเทศ แต่เค้าจ้องจับทุกคนที่"มีพิรุธ" แม้นิดเดียวก็ตาม ผ่านไม่ผ่าน ใครจะเดือดร้อนชั้นไม่รู้ ลากมาสอบสวนไว้ก่อน

2.เคยอ่านมาว่า พาสปอร์ตขาวจั๊ว มักเป็นที่ต้องสงสัยของตม. ต้องเคยไปประเทศอื่นมาก่อนจะดี เถ้าข้าญี่ปุ่นมาก่อนจะดีมาก แต่เราว่าไม่เสมอไป เราคิดว่าเค้าจ้องจับคนที่มี “พิรุธ” มากกว่า แม้ว่าจะเคยไปมาเยอะแต่ถ้ามีพิรุธ ก็ลากเข้าห้องเย็นไว้ก่อนแน่นอน

3.การเปลี่ยนชื่อ ถือเป็นพิรุธอย่างนึง เพราะต่างประเทศเขาไม่ได้เชื่อโชคลาง หรือเปลี่ยนชื่อกันง่ายๆเหมือนคนไทย ในความคิดของคนต่างชาติหลายๆที่ การที่คุณเปลี่ยนชื่ออาจแปลว่ามีเรื่องร้ายแรง หรือหนีความผิด สิ่งใดสิ่งหนึ่ง

4.การแต่งงานแล้วไม่เปลี่ยนนามสกุล สามีภรรยาที่นามสุกลแตกต่าง หรือนามสกุลของพ่อแม่ไม่เหมือนกับบุตร ญาติและพี่น้องที่คุณกล่างอ้างถึงความสัมพันธ์ Relative แต่ดันนามสกุลต่างกันถือเป็นพิรุธอย่างนึง แน่นอนว่ามันสิทธิของเราที่จะเลือกใช้นามสกุลใด แต่ในต่างชาติและบางประเทศ เราคิดว่าเค้าไม่ได้มองว่ามันปกติเหมือนไทย

5.การต่อเครื่อง คือ ต้องการมาเที่ยวเกาหลี แต่ไปแวะต่อเครื่องที่ประเทศอื่น หรือแวะประเทศใดก่อนมาเกาหลีถือเป็นพิรุธอย่างนึง เพราะจากไทยมาเกาหลีมาง่ายมากๆ ใช้เวลาก็ไม่นาน เหตุใดคุณจำเป็นต้องต่อเครื่องให้เสียเวลา ยุ่งยาก และเผลอๆแพงกว่าการมา direct flight เสียอีก จึงเสี่ยงที่จะถูกลากเข้าห้องเย็นเพื่อสอบถามต่อถึงเหตุผลของคุณ ซึ่งถ้าเรา declare ให้เขาเชื่อได้ถึงเหตุผลที่มีและหนักแน่นพอ ก็จบไป แต่ถ้าไม่ก็ส่งกลับ

6.การลักลอบทำงานที่เกาหลี ชีวิตคุณจะไร้ค่า ไร้การปกป้อง คุ้มครองดูแลใดๆ จากรัฐ ไม่มีสิทธิในรักษาพยาบาล เรียนหนังสือ และอื่นๆ ไร้ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ห้ามเจ็บ ห้ามป่วย ห้ามตาย ง่ายที่จะเป็นจุดอ่อนจากการหากินขูดรีดจากพวกอาชญากรอีกทีหนึ่ง

7.ความมั่นใจเป็นสิ่งสำคัญ ถามได้ตอบได้ ถามมาตอบไป มองหน้าตม.ตอนพูด ตั้งใจฟังเขา และทำตามที่เขาสั่งตามจังหวะ ขอเอกสาร การวางนิ้ว การมองกล้อง แปลว่าเราไม่มีพิรุธ ฟังเค้ารู้เรื่อง ทักษะภาษาสามารถใช้ชีวิตท่องเที่ยวในประเทศเค้าได้

8.ภาษาอังกฤษ จำเป็นนะในการผ่านประเทศนี้ ขนาดเรามั่นใจในภาษาอังกฤษของตัวเอง แต่ถ้าโดนถามเยอะกว่านี้ก็คงล่กมั่งแหละ ลองคิดเป็นคนอื่นที่ไม่เข้าใจภาษาอังกฤษแล้วโดนถามใส่มาขนาดนี้ ตอบไม่ได้ก็คงมีตื่นเต้นทำให้ดูเหมือนพิรุธ ถูกลากเข้าห้องเย็นกันบ้างอย่างแน่นอน

-------------------

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่