เดินหน้าปฎิรูปบัตรทอง คกก.เสนอตั้งสิทธิสุขภาพพื้นฐาน 3 กองทุนเท่ากัน พร้อมชูแพคเกจเสริมเพิ่ม ส่วนร่วมจ่ายต้องมีเงื่อนไขจำเพาะ
เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ที่ศูนย์ประชุมวายุภักษ์ โรงแรมเซ็นทราศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
(สธ.) กล่าวเปิดการประชุมวิชาการระดับชาติด้านหลักประกันสุขภาพของประเทศไทย ครั้งที่ 2 : ยั่งยืนด้วยคุณภาพ ประสิทธิภาพและความเป็นธรรม
ว่า การประชุมครั้งนี้ เพื่อหาแนวทางทำให้ระบบหลักประกันสุขภาพของประเทศไทยยั่งยืน มีประสิทธิภาพ มีความเป็นธรรม โดยคณะกรรมการจัดทำแนวทางการพัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ที่มี ศ.นพ.ภิรมย์ กมลรัตนกุล อดีตอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานประธาน ได้ร่วมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการหารูปแบบระบบหลักประกันสุขภาพที่มีประสิทธิภาพ เป็นธรรมและยั่งยืน โดยหลักจะต้องให้ทุกกองทุนสุขภาพ ทั้งกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กองทุนประกันสังคม และกองทุนสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ มีสิทธิสุขภาพพื้นฐานที่เหมือนกันหมด ส่วนที่จะมีสิทธิสุขภาพเสริมเพิ่มเติมก็จะเป็นอีกขั้นหนึ่ง แต่พื้นฐานในการรักษาโรคต้องมีและต้องเหมือนกันทั้งหมด
<
<
<
ศ.นพ.ศุภสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า กรณีการกำหนดสิทธิประโยชน์หลักแล้วจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกับการร่วมจ่ายนั้น ในการออกแบบกฎหมายอาจจะออกแบบระบบร่วมจ่ายให้เป็นตามลำดับจากมากไปน้อยและมีระบบติดตามความเหลื่อมล้ำ โดยอาจจะพิจารณาใน 3 ส่วน คือ 1.ส่งเสริมระบบประกัน โดยให้ร่วมจ่ายก่อนป่วย กรณีที่ไม่ใช่สิทธิประโยชน์หลัก เช่น ค่าห้อง อาหารพิเศษ ส่วนเกินค่าอุปกรณ์การแพทย์ ที่บางส่วนอาจจะให้นายจ้างจ่าย 2.ร่วมจ่ายเมื่อป่วย เฉพาะกรณีเสริมจากสิทธิประโยชน์หลัก เช่น จ่ายเมื่อไปใช้บริการคลินิกนอกเวลา หรือหัตถการไม่เร่งด่วนนอกเวลา และ3.ร่วมจ่ายเมื่อป่วย กรณีสิทธิประโยชน์หลัก ให้กำหนดเพดานร่วมจ่ายต่อปี เพื่อลดภาระกรณีโรคเรื้อรัง อย่างในประเทศสวีเดนจะให้จ่ายทุกครั้งที่ไปรับบริการรักษาพยาบาล แต่ไม่เกิน 500 บาทต่อปี
“ในส่วนของคนจนกรณีการร่วมจ่าย อาจออกแบบระบบให้คนจนมีผู้รับผิดชอบแทน ซึ่งผมเสนอเองว่าให้จ่ายผ่านกองทุนสุขภาพตำบลที่สปสช.จัดสรรงบให้ส่วนหนึ่งและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.)สมทบอีกส่วนหนึ่งมาใช้เป็นส่วนร่วมจ่ายเพื่อคนจน เท่ากับเป็นการมอบความรับผิดชอบการคัดกรองคนจนไปที่อปท.“ศ.นพ.ศุภสิทธิ์กล่าว
เดินหน้าปฎิรูปบัตรทอง คกก.เสนอตั้งสิทธิสุขภาพพื้นฐาน 3 กองทุนเท่ากัน ....มติชนออนไลน์.../sao..เหลือ..noi
เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ที่ศูนย์ประชุมวายุภักษ์ โรงแรมเซ็นทราศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
(สธ.) กล่าวเปิดการประชุมวิชาการระดับชาติด้านหลักประกันสุขภาพของประเทศไทย ครั้งที่ 2 : ยั่งยืนด้วยคุณภาพ ประสิทธิภาพและความเป็นธรรม
ว่า การประชุมครั้งนี้ เพื่อหาแนวทางทำให้ระบบหลักประกันสุขภาพของประเทศไทยยั่งยืน มีประสิทธิภาพ มีความเป็นธรรม โดยคณะกรรมการจัดทำแนวทางการพัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ที่มี ศ.นพ.ภิรมย์ กมลรัตนกุล อดีตอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานประธาน ได้ร่วมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการหารูปแบบระบบหลักประกันสุขภาพที่มีประสิทธิภาพ เป็นธรรมและยั่งยืน โดยหลักจะต้องให้ทุกกองทุนสุขภาพ ทั้งกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กองทุนประกันสังคม และกองทุนสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ มีสิทธิสุขภาพพื้นฐานที่เหมือนกันหมด ส่วนที่จะมีสิทธิสุขภาพเสริมเพิ่มเติมก็จะเป็นอีกขั้นหนึ่ง แต่พื้นฐานในการรักษาโรคต้องมีและต้องเหมือนกันทั้งหมด
<
<
<
ศ.นพ.ศุภสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า กรณีการกำหนดสิทธิประโยชน์หลักแล้วจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกับการร่วมจ่ายนั้น ในการออกแบบกฎหมายอาจจะออกแบบระบบร่วมจ่ายให้เป็นตามลำดับจากมากไปน้อยและมีระบบติดตามความเหลื่อมล้ำ โดยอาจจะพิจารณาใน 3 ส่วน คือ 1.ส่งเสริมระบบประกัน โดยให้ร่วมจ่ายก่อนป่วย กรณีที่ไม่ใช่สิทธิประโยชน์หลัก เช่น ค่าห้อง อาหารพิเศษ ส่วนเกินค่าอุปกรณ์การแพทย์ ที่บางส่วนอาจจะให้นายจ้างจ่าย 2.ร่วมจ่ายเมื่อป่วย เฉพาะกรณีเสริมจากสิทธิประโยชน์หลัก เช่น จ่ายเมื่อไปใช้บริการคลินิกนอกเวลา หรือหัตถการไม่เร่งด่วนนอกเวลา และ3.ร่วมจ่ายเมื่อป่วย กรณีสิทธิประโยชน์หลัก ให้กำหนดเพดานร่วมจ่ายต่อปี เพื่อลดภาระกรณีโรคเรื้อรัง อย่างในประเทศสวีเดนจะให้จ่ายทุกครั้งที่ไปรับบริการรักษาพยาบาล แต่ไม่เกิน 500 บาทต่อปี
“ในส่วนของคนจนกรณีการร่วมจ่าย อาจออกแบบระบบให้คนจนมีผู้รับผิดชอบแทน ซึ่งผมเสนอเองว่าให้จ่ายผ่านกองทุนสุขภาพตำบลที่สปสช.จัดสรรงบให้ส่วนหนึ่งและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.)สมทบอีกส่วนหนึ่งมาใช้เป็นส่วนร่วมจ่ายเพื่อคนจน เท่ากับเป็นการมอบความรับผิดชอบการคัดกรองคนจนไปที่อปท.“ศ.นพ.ศุภสิทธิ์กล่าว