
ทริปจับพลัดจับผลูมาก จิ๊บๆ 3 วัน 2 คืน กับฝรั่งสายแว๊น 1 GS800 และอีก 1 NC750 รวมกับอีก 1 สาว Honda 500x แต่เพราะว่าเป็นสาวนะคะ เลยขอเป็น xxx ไปเลย ออกเดินทางโครตเช้า ณ เพลางาม 5.30 น. เรื่องงานอาจงัวเงีย แต่เรื่องเที่ยวตื่นไหวค่ะ กึ่งหลับกึ่งตื่นไปเจอกันที่จุดนัดพบที่ประจำ ล้อหมุนพร้อมเพรียงทุกคัน ที่ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม มุ่งตรงสู่ถนนสาย 321 ทั้งผ่า ทั้งตัด ทั้งลัดเลาะสู่ ถนนมาลัยแมนที่คุ้นเคย เพราะเป็นบ้านเราเอง สาวนครปฐมกับข้าวหลาม ที่นี่ขึ้นชื่อนะ ก่อนที่หนองมน จะมาขโมยซีนข้าวหลามไป....ขี่ยาวๆได้แล้ว หลังจากปลุกตัวเองด้วยกาแฟกรุ่นๆ ทยานตรงดิ่งผ่าน อ.เมือง จ.กาญจนบุรี

แว๊บเดียวมาโผล่ถึง อ.ศรีสวัสดิ์ จำไม่ได้ว่ามาทางหลวงหมายเลขไหน ขี่ตามเค้าอย่างเดียว แต่วิวสวยจำติดตาติดใจมาก สาบานกับต้นหญ้าข้างทางไว้แล้วว่าจะกลับมาอีก เพราะ ธรรมชาติงามโครต ถนนก็ขี่ง่าย หายใจหายคอก็โล่งเต็มปอด ไม่เหมือนอยู่ กทม. อย่าได้เผลอสูดเต็มปอดเข้าไปเชียว พยามหายใจเท่าที่จำเป็นเพราะมะเร็งรับประทานเอา สารพิษทั้งนั้น แวะพักรถนิดหน่อย เข้าห้องน้ำ จิบชาหอมๆ เดี๋ยวจะหาว่าใจร้ายกับน้อง x ให้นางได้พักบ้าง เพราะท่านางพูดได้ คงบอกว่า กูอยากจอด เติมน้ำมันให้เต็มถังเพราะได้ข่าวว่าจากนี้ไปประมาณเกือบร้อยกิโลจะไม่มีปั้ม พร้อมแล้วลุยสิ รออะไร

ระหว่างทางก็แวะช็อป แวะชิล กันตามอัธยาศัย จริงๆก็ไม่ได้ช็อปอะไร นอกจากของกิน กับ เติมน้ำมัน อาหารก็กินกันนิดหน่อย พอเป็นพิธี เพราะมันอิ่มอกอิ่มใจกับธรรมชาติสองข้างทางแล้ว ท้องแข็งกับความฮาบ้าบอของฝรั่งที่ร่วมทางมาด้วยกัน รวมๆแล้ว ทริปนี้สดใสราบรื่น ยกเว้นท้องฟ้าบางช่วงที่หม่นๆหมอกเมฆนิดหน่อย เทวดาก็ปัสสาวะตลอดทาง ไม่หนักมาก พอให้เย็นๆ ได้อารมณ์ดี ....ไม่ต้องห่วงเรื่องฝนตก มนุษย์พันธุ์ Adventure ไม่มีใครกลัวฝนอยู่แล้ว ขออย่างเดียวพายุอย่ามา กลัวโดนพัดตกเขา ...

ขี่ผ่านฟ้า ชมสายรุ้งกันจนมาถึง จ.อุทัยธานี บ่ายแก่ๆ check in เปิดห้องพัก วางสัมภาระกันแล้ว ก็มาเลยจ๊ะ เบียร์เย็นๆ ให้ชื่นใจ ฟรุ้งฟริ้งพริ้มเพราเบาๆ จิบๆ มีความสุขอะไรอย่างนี้ ชีวิตที่เลือกเองมันครื้นเครงแบบนี้นี่เอง นี่ถ้าทำทำงานประจำ อย่าได้ฝันว่าจะมาได้ แค่เวลากินข้าวเที่ยงให้ทัน 1 ชั่วโมงยังยากโครต ต้องขอบคุณพี่Mike ใจดี ที่อนุญาตให้ติดสอยห้อยตามมา เพราะการมีผู้หญิงร่วมทริป ถือเป็นความน่ากลัวในหลายๆด้าน แต่แก๊งนี้เราเข้าขากันที่สำคัญเขาไม่ได้มองเราเป็นผู้หญิง แต่(กู)คือผู้ชายผมยาว....นอกนั้นแมนๆ โดยเฉพาะเรื่องการดื่มกิน พี่แมนมาก ต้องขอบคุณอีกคนคือพี่เล็ก(Alex) พี่เล็กแว๊นรถคันมหึมา มาจอดข้างๆน้อง x ทีไร รถเก๊ากลายเป็นจักรยานไปเลย ห้องมีนอน อาหารพร้อมเสริฟ เบียร์เย็นก็พร้อมดื่ม ไม่ต้องพูดอะไรมาก เวลากินเขาไม่คุยกันนะ ....เงียบกริบ กรุณาอย่าชวนคุย..อิอิ

เพลียร่างนิดหน่อย พักผ่อน ตื่นแต่เช้ามาดู จ.อุทัยธานี ยามเช้า ว่าเขามีอะไรน่าสนใจ เงียบ เงียบ เงียบมากๆ ไม่มีอะไรเลย แหล่ะนี่คือความพิเศษ มันพิเศษตรงที่ไม่มีอะไร มันเงียบ แต่มันไม่เหงา ไม่เคว้างคว้าง มันมีชีวิต ทั้งๆที่แทบจะหาสิ่งมีชีวิตไม่ได้ นอกจากต้นไม้ อากาศบริสุทธิ์มาก จนต้องยืนนิ่งๆแล้วซื้ดเข้าปอดลึกๆ พักไว้ซักสิบวิ อากาศที่นี่มีกลิ่นด้วย กลิ่นภูเขา ไอดิน มันมีกลิ่นจริงๆนะ ไม่เชื่อลองมาเที่ยวอุทัยฯดู ยิ่งช่วงฝนตกใหม่ ยิ่งสดชื่น แต่ตกไม่ต้องหนักนะ ตกพองามๆ เบาๆ

ขากลับก็ฟินไปกับอุ่นไอเขาที่โอบล้อมรอบตัว ทำให้อรรถรถในการขี่รถเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ไม่ต้องขี่เร็ว ขี่เรื่อยๆ ชิลๆซึมซับทิวทัศน์ให้เต็มตา (***ไม่ต้องบ้าเทโค้งเข่าเช็ดพื้นแบบ moto gp เกิดล้มขึ้นมาจะทำคนอื่นเขาเซ็ง เห็นบางคนนี่ชอบจัง ขี่อย่างกับแข่ง เจอโค้งนี่สาดกันหมดหน้ายาง) หายใจให้เต็มปอด ก่อนกลับไปเจอควันพิษในกรุงเทพฯ นี่คือการทำสปาปอด ดีท็อคสารพิษตกค้างที่ดีที่สุด ความความสะอาดปอดด้วยการเอาอากาศโครตบริสุทธิ์เข้าไปชะล้าง ผ่อนคลายร่างกาย พักผ่อนสมอง มีแต่ได้กับได้

วางแผนไว้ว่าจะไปดูไร่สตอเบอร์รี่ที่ อ.บ้านไร่ แต่เขากำลังก่อสร้างสะพาน ทำให้สะพานไม้ชั่วคราวที่มีกระดานอยู่สองสามแผ่น จะดูอันตรายเกินไป สำหรับมอเตอร์ไซค์ที่หนักมากกว่า 200 โล ไม่รวมสัมภาระที่แต่ละคนขนไปไม่ต่ำกว่า50 กิโล ไหนจะน้ำหนักตัวคนละหลายสิบกิโล พี่ไมล์บอกว่า แกหนักเบาะๆ 80 โลเข้าไปละ ความเห็นเลยลงตัวที่ "ตัดใจ" เลี้ยวกลับกันแบบอาลัยอาวร โดยมีการสอบซ่อม เปลี่ยนเส้นทางไป "พุเตย" แทนละกัน ไหนๆก็ทางผ่าน แวะเข้าไปหน่อยไม่เสียเวลา

ต่อจากพุเตย จุดหมายต่อไปคือน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น เราล่นระยะทางด้วยการใช้บริการเรือข้ามฟาก ประหยัดเวลาไปได้โข เพราะแรงหมดกันจริงๆ ช่วงรอเรือเกือบชั่วโมง เลยเป็นนาทีทองในการพักสายตา ก่อนจะต้องเกร็งมือเกร็งขา ขี่รถทะลุป่าไผ่ไปน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น เส้นทางไม่ธรรมดา ความ skill อะไรก็ไม่ค่อยจะมี ผ่านมาได้โชคช่วยล้วนๆ พักจิบอะไรเย็นๆซักหน่อย เพราะจากท่าเรือ ต้องขี่ลัดเลาะ off road ระยะทางพอสมควร ใช้พลังกายและพลังใจไปเยอะ ต้องเรียกกำลังซักหน่อย รถก็ใหญ่ (สำหรับเรา) ทางก็ชันเป็นหินลูกรังแดง สลับร่องหิน ร่องดิน ดีนะฝนไม่ตก ถ้าฝนตกด้วย มีเข็นค่ะ ผ่านรอดตลอดทางมาอย่างปลอดภัยไร้ accident ภูมิใจมากขี่มาถึงจุดนี้ ไม่มีการบาดเจ็บใดๆ พอได้ของเย็น ก็เด้งตาสว่างขึ้นมาทันที ยิงยาวมาตามถนนทางหลวงชนบท ที่สวยมากกกกกกกก มากขนาดว่าจะต้องกลับมาอีกแน่ๆ ถนนโค้งสวยๆ โค้งไม่อันตราย มีขึ้นเขา มีลงเขา วิวข้างทางก็เกินจะบรรยาย ไม่คิดว่ากาญจนบุรีจะมีอะไรแบบนี้ด้วย ครั้งแรกก็ประทับใจขนาดนี้ รัวชัตเตอร์จนแบตหมดซะเลย อยากเก็บความรู้สึกความสวยของธรรมชาติมาฝากเพื่อนๆด้วย บรรยากาศแบบนี้ ถ้ามีคนรู้ใจอยู่ข้างๆ คงจะมีความสุขขึ้น เป็น 100% เต็ม

เข้ามาในเมืองสองแคว หาที่พักสำหรับอีก 1 คืน กับร้านอาหารอร่อยๆ ตามที่พี่ Mike เขาแนะนำว่ามีร้านสเต็กที่อร่อยที่สุดในประเทศไทยอยู่ ใครไม่เชื่อลองไปสั่งกินดูได้ที่ร้าน Bell Pizzaria โลเคชั่นแถวๆ สุสานสงครามโลกครั้งที่สอง ลองหาในแผนที่ดู มีคนมาเช็คอินไว้เยอะ รับรองหาเจอแน่นอน กิน ดื่มกันเปรมปรีก็ถึงเวลาดีต้องเข้านอน จบทริป เตรียมดิ่งกลับมาสู่โลกของความเป็นจริงที่กรุงเทพทหานคร..สัปดาห์หน้าร่อนไหนว่ากันใหม่ แผนการวางไว้แล้ว เรื่องออกนอกบ้าน ถนัดและตรงเวลามากค่ะ .....อิอิ
สำหรับสายแว๊นทุกคน ขับขี่ปลอดภัย มีน้ำใจให้กันบนท้องถนนด้วยนะคะ ทั้งรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ หรือคนเดินเท้า ถนนเป็นของส่วนรวม แบ่งกันให้ทางกันนะคะ น้ำใจสำคัญมากๆ ขี่รถท่องเที่ยว ไม่ต้องเปรี้ยวปู๊ดป๊าดมากเกรงใจชาวบ้านเขาด้วยนะคะ ยิ่งใครท่อดังๆก็ขี่ให้สุภาพหน่อย ชาวบ้านเขาจะได้ไม่ตกใจและยินดีต้อนรับทุกคนที่ผ่านมา
ขอบคุณค่ะ
[SR] จากเมืองกาญจน์ ทะลุไปโผล่อุทัยฯ ขี้อ้อมภูเขา เข้าเมืองมานอนชมแคว
ทริปจับพลัดจับผลูมาก จิ๊บๆ 3 วัน 2 คืน กับฝรั่งสายแว๊น 1 GS800 และอีก 1 NC750 รวมกับอีก 1 สาว Honda 500x แต่เพราะว่าเป็นสาวนะคะ เลยขอเป็น xxx ไปเลย ออกเดินทางโครตเช้า ณ เพลางาม 5.30 น. เรื่องงานอาจงัวเงีย แต่เรื่องเที่ยวตื่นไหวค่ะ กึ่งหลับกึ่งตื่นไปเจอกันที่จุดนัดพบที่ประจำ ล้อหมุนพร้อมเพรียงทุกคัน ที่ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม มุ่งตรงสู่ถนนสาย 321 ทั้งผ่า ทั้งตัด ทั้งลัดเลาะสู่ ถนนมาลัยแมนที่คุ้นเคย เพราะเป็นบ้านเราเอง สาวนครปฐมกับข้าวหลาม ที่นี่ขึ้นชื่อนะ ก่อนที่หนองมน จะมาขโมยซีนข้าวหลามไป....ขี่ยาวๆได้แล้ว หลังจากปลุกตัวเองด้วยกาแฟกรุ่นๆ ทยานตรงดิ่งผ่าน อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
แว๊บเดียวมาโผล่ถึง อ.ศรีสวัสดิ์ จำไม่ได้ว่ามาทางหลวงหมายเลขไหน ขี่ตามเค้าอย่างเดียว แต่วิวสวยจำติดตาติดใจมาก สาบานกับต้นหญ้าข้างทางไว้แล้วว่าจะกลับมาอีก เพราะ ธรรมชาติงามโครต ถนนก็ขี่ง่าย หายใจหายคอก็โล่งเต็มปอด ไม่เหมือนอยู่ กทม. อย่าได้เผลอสูดเต็มปอดเข้าไปเชียว พยามหายใจเท่าที่จำเป็นเพราะมะเร็งรับประทานเอา สารพิษทั้งนั้น แวะพักรถนิดหน่อย เข้าห้องน้ำ จิบชาหอมๆ เดี๋ยวจะหาว่าใจร้ายกับน้อง x ให้นางได้พักบ้าง เพราะท่านางพูดได้ คงบอกว่า กูอยากจอด เติมน้ำมันให้เต็มถังเพราะได้ข่าวว่าจากนี้ไปประมาณเกือบร้อยกิโลจะไม่มีปั้ม พร้อมแล้วลุยสิ รออะไร
ระหว่างทางก็แวะช็อป แวะชิล กันตามอัธยาศัย จริงๆก็ไม่ได้ช็อปอะไร นอกจากของกิน กับ เติมน้ำมัน อาหารก็กินกันนิดหน่อย พอเป็นพิธี เพราะมันอิ่มอกอิ่มใจกับธรรมชาติสองข้างทางแล้ว ท้องแข็งกับความฮาบ้าบอของฝรั่งที่ร่วมทางมาด้วยกัน รวมๆแล้ว ทริปนี้สดใสราบรื่น ยกเว้นท้องฟ้าบางช่วงที่หม่นๆหมอกเมฆนิดหน่อย เทวดาก็ปัสสาวะตลอดทาง ไม่หนักมาก พอให้เย็นๆ ได้อารมณ์ดี ....ไม่ต้องห่วงเรื่องฝนตก มนุษย์พันธุ์ Adventure ไม่มีใครกลัวฝนอยู่แล้ว ขออย่างเดียวพายุอย่ามา กลัวโดนพัดตกเขา ...
ขี่ผ่านฟ้า ชมสายรุ้งกันจนมาถึง จ.อุทัยธานี บ่ายแก่ๆ check in เปิดห้องพัก วางสัมภาระกันแล้ว ก็มาเลยจ๊ะ เบียร์เย็นๆ ให้ชื่นใจ ฟรุ้งฟริ้งพริ้มเพราเบาๆ จิบๆ มีความสุขอะไรอย่างนี้ ชีวิตที่เลือกเองมันครื้นเครงแบบนี้นี่เอง นี่ถ้าทำทำงานประจำ อย่าได้ฝันว่าจะมาได้ แค่เวลากินข้าวเที่ยงให้ทัน 1 ชั่วโมงยังยากโครต ต้องขอบคุณพี่Mike ใจดี ที่อนุญาตให้ติดสอยห้อยตามมา เพราะการมีผู้หญิงร่วมทริป ถือเป็นความน่ากลัวในหลายๆด้าน แต่แก๊งนี้เราเข้าขากันที่สำคัญเขาไม่ได้มองเราเป็นผู้หญิง แต่(กู)คือผู้ชายผมยาว....นอกนั้นแมนๆ โดยเฉพาะเรื่องการดื่มกิน พี่แมนมาก ต้องขอบคุณอีกคนคือพี่เล็ก(Alex) พี่เล็กแว๊นรถคันมหึมา มาจอดข้างๆน้อง x ทีไร รถเก๊ากลายเป็นจักรยานไปเลย ห้องมีนอน อาหารพร้อมเสริฟ เบียร์เย็นก็พร้อมดื่ม ไม่ต้องพูดอะไรมาก เวลากินเขาไม่คุยกันนะ ....เงียบกริบ กรุณาอย่าชวนคุย..อิอิ
เพลียร่างนิดหน่อย พักผ่อน ตื่นแต่เช้ามาดู จ.อุทัยธานี ยามเช้า ว่าเขามีอะไรน่าสนใจ เงียบ เงียบ เงียบมากๆ ไม่มีอะไรเลย แหล่ะนี่คือความพิเศษ มันพิเศษตรงที่ไม่มีอะไร มันเงียบ แต่มันไม่เหงา ไม่เคว้างคว้าง มันมีชีวิต ทั้งๆที่แทบจะหาสิ่งมีชีวิตไม่ได้ นอกจากต้นไม้ อากาศบริสุทธิ์มาก จนต้องยืนนิ่งๆแล้วซื้ดเข้าปอดลึกๆ พักไว้ซักสิบวิ อากาศที่นี่มีกลิ่นด้วย กลิ่นภูเขา ไอดิน มันมีกลิ่นจริงๆนะ ไม่เชื่อลองมาเที่ยวอุทัยฯดู ยิ่งช่วงฝนตกใหม่ ยิ่งสดชื่น แต่ตกไม่ต้องหนักนะ ตกพองามๆ เบาๆ
ขากลับก็ฟินไปกับอุ่นไอเขาที่โอบล้อมรอบตัว ทำให้อรรถรถในการขี่รถเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ไม่ต้องขี่เร็ว ขี่เรื่อยๆ ชิลๆซึมซับทิวทัศน์ให้เต็มตา (***ไม่ต้องบ้าเทโค้งเข่าเช็ดพื้นแบบ moto gp เกิดล้มขึ้นมาจะทำคนอื่นเขาเซ็ง เห็นบางคนนี่ชอบจัง ขี่อย่างกับแข่ง เจอโค้งนี่สาดกันหมดหน้ายาง) หายใจให้เต็มปอด ก่อนกลับไปเจอควันพิษในกรุงเทพฯ นี่คือการทำสปาปอด ดีท็อคสารพิษตกค้างที่ดีที่สุด ความความสะอาดปอดด้วยการเอาอากาศโครตบริสุทธิ์เข้าไปชะล้าง ผ่อนคลายร่างกาย พักผ่อนสมอง มีแต่ได้กับได้
วางแผนไว้ว่าจะไปดูไร่สตอเบอร์รี่ที่ อ.บ้านไร่ แต่เขากำลังก่อสร้างสะพาน ทำให้สะพานไม้ชั่วคราวที่มีกระดานอยู่สองสามแผ่น จะดูอันตรายเกินไป สำหรับมอเตอร์ไซค์ที่หนักมากกว่า 200 โล ไม่รวมสัมภาระที่แต่ละคนขนไปไม่ต่ำกว่า50 กิโล ไหนจะน้ำหนักตัวคนละหลายสิบกิโล พี่ไมล์บอกว่า แกหนักเบาะๆ 80 โลเข้าไปละ ความเห็นเลยลงตัวที่ "ตัดใจ" เลี้ยวกลับกันแบบอาลัยอาวร โดยมีการสอบซ่อม เปลี่ยนเส้นทางไป "พุเตย" แทนละกัน ไหนๆก็ทางผ่าน แวะเข้าไปหน่อยไม่เสียเวลา
ต่อจากพุเตย จุดหมายต่อไปคือน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น เราล่นระยะทางด้วยการใช้บริการเรือข้ามฟาก ประหยัดเวลาไปได้โข เพราะแรงหมดกันจริงๆ ช่วงรอเรือเกือบชั่วโมง เลยเป็นนาทีทองในการพักสายตา ก่อนจะต้องเกร็งมือเกร็งขา ขี่รถทะลุป่าไผ่ไปน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น เส้นทางไม่ธรรมดา ความ skill อะไรก็ไม่ค่อยจะมี ผ่านมาได้โชคช่วยล้วนๆ พักจิบอะไรเย็นๆซักหน่อย เพราะจากท่าเรือ ต้องขี่ลัดเลาะ off road ระยะทางพอสมควร ใช้พลังกายและพลังใจไปเยอะ ต้องเรียกกำลังซักหน่อย รถก็ใหญ่ (สำหรับเรา) ทางก็ชันเป็นหินลูกรังแดง สลับร่องหิน ร่องดิน ดีนะฝนไม่ตก ถ้าฝนตกด้วย มีเข็นค่ะ ผ่านรอดตลอดทางมาอย่างปลอดภัยไร้ accident ภูมิใจมากขี่มาถึงจุดนี้ ไม่มีการบาดเจ็บใดๆ พอได้ของเย็น ก็เด้งตาสว่างขึ้นมาทันที ยิงยาวมาตามถนนทางหลวงชนบท ที่สวยมากกกกกกกก มากขนาดว่าจะต้องกลับมาอีกแน่ๆ ถนนโค้งสวยๆ โค้งไม่อันตราย มีขึ้นเขา มีลงเขา วิวข้างทางก็เกินจะบรรยาย ไม่คิดว่ากาญจนบุรีจะมีอะไรแบบนี้ด้วย ครั้งแรกก็ประทับใจขนาดนี้ รัวชัตเตอร์จนแบตหมดซะเลย อยากเก็บความรู้สึกความสวยของธรรมชาติมาฝากเพื่อนๆด้วย บรรยากาศแบบนี้ ถ้ามีคนรู้ใจอยู่ข้างๆ คงจะมีความสุขขึ้น เป็น 100% เต็ม
เข้ามาในเมืองสองแคว หาที่พักสำหรับอีก 1 คืน กับร้านอาหารอร่อยๆ ตามที่พี่ Mike เขาแนะนำว่ามีร้านสเต็กที่อร่อยที่สุดในประเทศไทยอยู่ ใครไม่เชื่อลองไปสั่งกินดูได้ที่ร้าน Bell Pizzaria โลเคชั่นแถวๆ สุสานสงครามโลกครั้งที่สอง ลองหาในแผนที่ดู มีคนมาเช็คอินไว้เยอะ รับรองหาเจอแน่นอน กิน ดื่มกันเปรมปรีก็ถึงเวลาดีต้องเข้านอน จบทริป เตรียมดิ่งกลับมาสู่โลกของความเป็นจริงที่กรุงเทพทหานคร..สัปดาห์หน้าร่อนไหนว่ากันใหม่ แผนการวางไว้แล้ว เรื่องออกนอกบ้าน ถนัดและตรงเวลามากค่ะ .....อิอิ
สำหรับสายแว๊นทุกคน ขับขี่ปลอดภัย มีน้ำใจให้กันบนท้องถนนด้วยนะคะ ทั้งรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ หรือคนเดินเท้า ถนนเป็นของส่วนรวม แบ่งกันให้ทางกันนะคะ น้ำใจสำคัญมากๆ ขี่รถท่องเที่ยว ไม่ต้องเปรี้ยวปู๊ดป๊าดมากเกรงใจชาวบ้านเขาด้วยนะคะ ยิ่งใครท่อดังๆก็ขี่ให้สุภาพหน่อย ชาวบ้านเขาจะได้ไม่ตกใจและยินดีต้อนรับทุกคนที่ผ่านมา
ขอบคุณค่ะ