วิเคราะห์ตัวเลข ต้นกำเนิดขุมพลัง จอมทัพหรือตัวซวย ปฐมบทศึกแดงเดือด series-3 (King)

ปฐมบทศึกแดงเดือด series-3 (King)

       หากเอ่ยถึงภาวะผู้นำ ทุกคนล้วนทราบว่าสิ่งนี้ เป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักฟุตบอลที่ต้องสวมปลอกแขนกัปตันทีม การเป็นผู้นำที่ดีนั้นต้องมีสภาพความแข็งแกร่งทางด้านจิตใจสูง และไม่จำเป็นจะต้องเป็นนักเตะที่เก่งที่สุดในทีมเสมอไป ที่จะก้าวเข้ามารับบทบาท ผู้นำยามที่ทีมลงสนามแข่งขัน



       ทั้งสองสโมสรที่ใช้สีแดงเป็นสัญลักษณ์ของตนเอง อย่างลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดต่างก็มีกัปตันทีมมาแล้วมากมายหลายสิบคน แต่กัปตันทีมผู้ยิ่งใหญ่ของทั้งคู่ ไม่ได้มีมากมายตามไปด้วย เพียงแต่ฝั่งแมนยู ดูจะต่อเนื่องมากกว่าในช่วงหลัง กับการส่งมอบปลอกแขนกัปตันให้กับคนที่ใช่คนที่ชัวส์ ไล่อดีตเท่าที่ผมเกิดทันและดูบอลเป็นแล้ว แมนยู มีทั้ง ไบรอัน ร็อปสัน เอริค คันโตน่า รอย คีน ในขณะที่ลิเวอร์พูลคงมีแค่ สตีเฟ่น เจอร์ราดคนเดียวเท่านั้นในยุคหลังของลิเวอร์พูล ที่สามารถเรียกได้ว่าสุดยอดกัปตันได้อย่างเต็มปากเต็มคำ แม้ว่าเอียน รัช และ จอห์น บาร์นส์ สองสุดยอดขวัญใจวัยเด็กของผม จะเคยทำหน้าที่กัปตันทีมนี้ด้วยก็ตาม แต่ในฐานะกัปตันแล้ว พวกเขายังไม่ยอดเยี่ยมพอที่จะเป็นสุดยอดกัปตันในฐานะผู้นำของทีม

       ถ้ามามองที่ปัจจุบันกันบ้าง สองกัปตันทีม ทั้งลิเวอร์พูล และแมนยูในขณะนี้ ตามทัศนะของผมล้วนยังห่างไกลจากคำว่าสุดยอดกัปตันอีกหลายล้านปีแสง หากนำไปเทียบกับกัปตันคนก่อนๆของสโมสรตัวเอง เพราะทั้งคู่ก้าวเข้ามาเป็นกัปตันทีมด้วยเหตุผลด้านการตลาดเป็นตัวนำ เพราะเป็นคนอังกฤษ และเข้ามารับตำแหน่งในตอนที่อายุยังน้อยทั้งคู่ สามารถสร้างเป็นจุดขายให้กับสโมสรได้อีกนานในแง่การตลาด แต่ในแง่การทำทีมวุฒิภาวะความเป็น leadership จึงมีค่อนข้างน้อย ถ้าจะให้วิจารณ์รายบุคคล มองภาพการเริ่มต้นสวมปลอกแขนกัปตันทีมของทั้งคู่แล้ว ผมก็คงให้ความเห็นได้ว่า เฮนเดอร์สัน นิ่งเกินไป สาวนรูนีย์ นั้น เอาแต่ใจเกินควร ซึ่งแฟนบอลของทั้งสองทีมจะเห็นนด้วยรึเปล่า ผมไม่รู้ เพราะนี้คือทัศนะส่วนตัวของผม ที่มีต่อสองคนนี้ในฐานะกัปตันทีม

แล้วถ้ามาว่ากันถึงฤดูกาลนี้เล่า เขาทั้งคู่ดีพอที่จะช่วยให้ทีมตัวเองได้รับชัยชนะไหม..?

        ในฐานะที่เป็นคนบ้าสถิติอย่างผม ก็คงต้องค้นหาข้อมูลสถิติมาประกอบ เพื่อคิดวิเคราะห์ และหาคำตอบซึ่งก็ได้คำตอบว่า เฮนเดอร์สันนั้นเพิ่งเหมาะสมกับปลอกแขนกัปตันในปีนี้เอง ทั้งๆที่ได้รับตำแหน่งนี้มาสามปีแล้ว ส่วนรูนี่ย์นั้นรอวันที่จะเกษียรเพียงอย่างเดียวในวันนี้ ทั้งในทีมสโมสรและในนามทีมชาติ ขอเพียงแค่มีทางลงที่สมศักดิ์ศรีของตัวเองเท่านั้น

แฟนแมนยูที่กับร้องเฮ้ย ไอ้บ้าคนเขียนนี้ มันหลอกด่าทีมกรูนี้หว่า
ก็เอาเป็นว่าใจเย็นๆ แล้วดูข้อมูลผมก่อนแล้วกันนะครับ



       จากภาพประกอบสถิติข้อมูลของ jordan henderson ผมเลือกเอาภาพที่สื่อความหมายได้ตรงที่สุดในเวลานี้ ตามความรู้สึกของผมมาใช้เป็นแบล็คกราวน์ ที่ผ่านมานั้น ในยุคเริ่มต้นของเคนนี่ เดลกริช ก็เกิดคำถามมาว่า "จะคุ้มรึเปล่า..?" กับสนนราคาค่าตัว 20 ปอนด์ในตอนนั้น เมื่อเข้าสู่ยุคของแบรนดอน ร็อดเจอร์ ในช่วงที่ทีมผลงานดีทำแต้มไล่จี้ขึ้นอันดับสองของตาราง เศษเสี้ยวของความสำเร็จเหล่านั้น ก็เหมือนจะไม่มีมาถึงมิดฟิลด์คนนี้สักเลยส่วนเสี้ยว แต่พอยุคปลายร็อดเจอร์ ผลงานเริ่มแผ่วเพราะสูญเสียผู้เล่นตัวหลักอย่างซัวเรสไป เฮนเดอร์สันคือรายชื่อแรกๆ ที่จะถูกแฟนบอลหิ้วมาเป็น"แพะ"ชั้นดี ขำแหละเนื้อมาบูชายัญครั้งแล้วครั้งเล่าในวันที่ลิเวอร์พูลไม่ชนะ แถมสมญา "อาแปะ" ที่โดนแฟนบอลตั้งให้นั้น ก็มีความหมายในเชิงดูถูกเหยียดหยามกัปตันทีมของทีมตนเอง เพียงเพราะเขานั้นเป้นกัปตันในยามที่ทีมแพ้ บทบาทในตอนต้นของเขากับปลอกแขนกัปตันนั้นจึงคล้ายกับเหมาะสมกับคำว่า "ตัวซวย" ในสายตาแฟนบอลจำพวกหนึ่ง

       เพิ่งจะมามีช่วงเวลาที่ดีก็แค่ตอนนี้เอง หลุดพ้นจากชะตากรรมเดิมๆเพราะยิงประตูได้ เปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ในสายตาของแฟนบอลจำพวกที่วัดผลงานแค่จากจำนวนประตู (ฮีโร่ของกรูต้องยิงได้) ซึ่งไม่น่าพิศมัยอย่างยิ่งตามความรู้สึกของผมที่กองเชียร์ร่วมทีม ดันมีคนประเภทนี้ปะปนอยู่ด้วย

       จากอดีต 1 ปี กับอีก 2 เดือน ที่เฮนเดอร์สันได้รับปลอกแขนมานั้น (ถูกแต่งตั้งมือ 10 กรกฎาคม ค.ศ. 2015) เพิ่งจะมามีช่วง 2 เดือนล่าสุดใน Premier League2016 นี้แหละ ที่เฮนโด้นั้นเหมือนได้รับการยอมรับจากแฟนๆทุกฝ่ายว่า "สมกับตำแหน่งและปลอกแขนกัปตันจริงๆเสียที" สามารถทำหน้าที่ตามรอยกัปตันคนก่อนอย่าง เจอร์ราด ได้แล้ว




       ในขณะที่ภาพประกอบของ Wayne Rooney ผมเลือกหาภาพในลักษณะคอนเซ็ปของคำว่า Free (อิสระ) มาทำเป็นภาพแบล็คกราวน์ เพราะหลังจากเนมันยา วิดิช กัปตันคนก่อนได้ย้ายออกไป รูนีย์ได้ถูก มอบหมายให้สวมปลอกแขนกัปตันในยุคของกุนซือ ปรัญญาลูกหนัง อย่างหลุย์ ฟาลกัล ในฤดูกาล 2014-2015 บทบาทเดียวที่เขาทำให้กับทีมตอนนี้ ก็คือ เป็นตัวอิสระ "ในแนวไหนไม่รู้ เพราะดูมั่วไปหมดทั้งแนวรุกและแนวรับ" ซึ่งมันเป็นที่ดูแคลนในเชิงลบ และเริ่มต้นมาจากฝั่งฝากกองเชียร์ของแมนยูเอง

       ทั้งที่อดีตของรูนีย์นั้น มีเกียรติประวัติอันยิ่งใหญ่คือ "ชายผู้เป็นตำนานและยังโลดเล่นอยู่ในสนาม" แต่คำวิพากษ์วิจารณ์ในตอนนี้นั้นกลับไม่สดสวย เหมือนว่าทุกคนกำลังรอให้เขา "เลิกเล่น" เลิกเป็นภาระให้กับทั้งทีมชาติและทีมสโมสรได้แล้ว

       สถานการณ์ของรูนีย์ในตอนนี้จึงแตกต่างจากกัปตันทีมคู่แข่งอย่างเฮนเดอร์สัน ในแบบที่ว่า แตกกันเหมือน หน้ามือกับหลังตี...

แต่หากจะเอาความรู้สึกของแฟนบอลเป็นตัวตั้งเพียงอย่างเดียว เพื่อเขียนบทความนี้ แล้วผมจะค้นหาข้อมมูลประกอบมาทำมะเขืออะไรล่ะ...?

       ดังนั้นเพื่อไม่ให้อคติ ครอบงำความคิด เราต้องเปรียบเทียบตัวเลขให้เห็นกันชัดๆ ไม่ต้องไปดู 2 รูปด้านบนนั้นอีกแล้วนะครับ เพราะตอนทำผมก็คิดไว้อยู่แล้วว่าจะดูเปรียบเทียบกันจริงๆคงลำบาก แต่ที่ยังทำแบบเเยกเดี่ยวออกมาด้วยก็เพื่อสนอง Need ตนเองมากกว่า เพราะอยากที่จะใส่คำบรรยายใต้ภาพลงไปตามมุมมองความเห็นส่วนตัว จึงจะลงมือทำภาพประกอบแบบสวยๆของทั้งคู่ออกมาแยกกันด้วย ซึ่งเมื่อจะดูให้เห็นผลจริงก็ดูจากภาพประกอบที่นำเสนอด้านล่างนี้ อาจจะเหมาะสมกว่าสำหรับประโยชน์ในการใช้เปรียบเทียบ




       จากการเปรียบเทียบข้อมูล ที่นักวิเคราะห์ตัวเลขอย่างผมเห็น และอยากขอสรุปเป็นประเด็นแบบรวดเดียวจบ คือ เฮนเดอร์สันเป็นผู้กำหนดทิศทางการเล่นของลิเวอร์พูลอย่างแท้จริง ชั่วโมงนี้ ผู้เล่นหลักตัวอื่นอาจจะพลาดลงสนามได้บ้างในบางนัดก็ไม่เป็นไร แต่เฮนเดอร์สันคือ"หัวใจ"สำคัญที่ยังไงหงส์แดงในตอนนี้ก็ขาดไม่ได้ ด้วยอิทธิการมีบทบาทต่อเกมส์สูงสุด (Possession) 8.53% และจำนวนการ Pass ที่มากที่สุดของทีมและมากที่สุดในลีคเมื่อเทียบกับผู้เล่นจากทีมอื่นๆ นั้นเป็นปัจจัยที่ยากเกินไปที่ใครจะมาทำหน้าที่แทนเขาในตอนนี้ได้

       ส่วนรูนีย์นั้นบทบาทและความสำคัญก็ยังพอมี เพราะรูนีย์คือคนที่จ่ายได้มีประสิทธิภาพในเกมส์รุกมากที่สุดในบรรดาผู้เล่นแนวรุกจากทีมเดียวกัน และเพื่อไม่ให้ใครมาหาว่าพูดปากเปล่า มั่วหรือเปล่าก็ไม่รู้ ก็ต้องใส่ข้อมูลมาเป็นหลักฐานสักหน่อย แต่ขอใส่สปอย์ไว้นะครับ เพราะเป้นภาพดิบๆที่ยังไม่ได้กราฟฟิคประกอบ หากลงตรงๆอาจดูไม่เข้าพวกกับข้อมูลอื่นๆที่ผ่านมา [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

       เพียงแต่ว่าในตอนนี้ รูนีย์ ยิงได้ไม่เท่าเดิม หรือเท่ากับที่แฟนๆคาดหวัง และมีข้อผิดพลาดที่เห็นได้ชัดอย่างการเสียการครอบครองบอล ไม่ว่าจะทำเสียเอง(Loss possession) หรือถูกแย่ง(Dispossessed ) มันดูเหมือนเยอะขึ้นเป็นสองเท่า ในยามที่ทำประตูไม่ได้เป้นกอบเป็นกำเช่นเดิม ซึ่งถ้าว่ากันแบบเป็นธรรมจริงๆ คนที่ทำบอลเสียมากที่สุดของแมนยูนั้น ไม่ใช่รูนีย์ แต่เป็นสลาตัน ซึ่งกลายเป็นพระเจ้าองค์ใหม่ของแฟนๆแมนยูไปแล้วที่ทำอะไรพลาด แฟนบอลก็พร้อมจะให้อภัย

       และในยามนี้ รูนีย์ก็ตกอยู่ในสถานะไม่แตกต่างไปจากเฮนเดอร์สันเมื่อก่อน เพียงแต่มันจะส่งผลถึงการเล่นในแมตเดืองเดือดที่กำลังจะมาถึงหรือเปล่า คงต้องวัดใจกัน แต่ไม่ได้วัดกับชายที่ชื่อ รูนีย์ นะครับ ต้องวัดใจชายที่ชื่อ มูรินโญ่ โน้น ว่าใจถึงพอจะส่ง รูนีย์ลงสนามในฐานะจอมทัพหรือเปล่า..?

เพราะหากสงครามที่ปราศจากคิงส์จากทั้งสองฝ่ายนำทัพเข้าโรมรัน
มันจะไปมันส์อะไรกันล่ะคร๊าบบ  ท่านผู้ชม

ป.ล.ช่วงนี้คนน้อย ดูเงียบๆ หง่อยๆอย่างไรก็ไม่รู้นะครับ วังเวงจนไม่อยากจะเอาบทความที่เขียนมาลง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่