
เรื่องย่อ
มิเชลล์ หญิงสาวลูกครึ่งกำพร้าพ่อแม่เติบโตมาในคอนแวนต์จนเรียนจบและติดตามแคชฟีย่าเพื่อนสนิทของเธอมาเป็นครูสอนหนังสือที่เมืองฮิลฟารา อาณาจักรกลางทะเลทรายอันไกลโพ้น เมื่อทั้งคู่มาถึง แคชฟีย่าถูกกำหนดให้เข้าวังไปเป็นสนมขององค์อาเหม็ด กษัตริย์แห่งฮิลราฟา เพราะโหรหลวงทำนายว่าหญิงสาวที่จะให้กำเนิดรัชทายาทแห่งองค์อาเหม็ดได้เดินทางมาถึงแล้ว แต่แคชฟีย่ามีคนรักแล้วและกำลังเข้าใจผิดว่ามิเชลล์จะแย่งโรแบร์ คนรักชาวฝรั่งเศสของเธอไป เธอจึงคิดกำจัดมิเชลล์โดยวางแผนส่งมิเชลล์เข้าไปเป็นสนมแห่งองค์อาเหม็ดแทนตน โดยมีชารีฟราชองค์รักษ์คนสนิทขององค์อาเหม็ดเป็นผู้มารับตัวไปตามราชประเพณี
คืนวันส่งตัวมิเชลล์ โอมานญาติผู้น้องของกษัตริย์อาเหม็ดได้ก่อกบฏ และสังหารกษัตริย์อาเหม็ดจนสิ้นพระชนม์ต่อหน้าชารีฟ ชารีฟเสียใจมากเขาต่อสู้กับทหารกบฏและพามิเชลล์หลบหนีเข้า ทะเลทรายไปด้วยกัน
ในท้องทะเลทรายอันเวิ้งว้าง สองหนุ่มสาวต้องเผชิญกับภูมิประเทศที่กันดารโหดร้ายแสงแดดร้อนแรงและทหารที่คอยตามล่าเอาชีวิต ความยากลำบากและอุปสรรคต่างๆทำให้ทั้งคู่ใกล้ชิดกันจนเกิดเป็นความเห็นอกเห็นใจและกลายเป็นความรักในที่สุด แต่ความรักของเขาและเธอยังมิอาจสมหวังได้เพราะอุปสรรคที่สำคัญที่สุดของทั้งคู่คือภารกิจหน้าที่ของชารีฟที่จะต้องกอบกู้บัลลังก์แห่งฮิลฟาราให้กลับสู่ความร่มเย็นดังเดิม เมื่อความรักอันยิ่งใหญ่ต้องพบกับบททดสอบสำคัญที่สุดและอันตรายที่สุดชะตากรรมของเธอและเขาจะลงเอยอย่างไร...

ลิขสิทธิ์ในรูปแบบละครโทรทัศน์เริ่มแรกเป็นของ สุรางค์ เปรมปรีดิ์ เนื่องจากความสัมพันธ์เป็นเพื่อนรักกับทาง โสภาค สุวรรณ แต่ไม่ได้ดำเนินการ เนื่องจากเหตุปัจจัยหลายอย่าง จนต้องพับโครงการเก็บไว้ และทาง สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 ได้ขอต่อสัญญาลิขสิทธิ์นวนิยายในนามองค์กร ไปเมื่อหลายปีก่อนแต่ก็ต้องพับโครงการไปเนื่องจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น บทละครโทรทัศน์ไม่เสร็จ วางตัวนักแสดงนำไม่ได้ และต้องใช้เงินทุนในการสร้างสูง แต่ในปี พ.ศ. 2551 สยาม สังวริบุตรผู้บริหารบริษัท ดาราวิดีโอ จำกัด ได้ออกมาประกาศว่าจะสร้างฟ้าจรดทรายในรูปแบบละครโทรทัศน์ จนทำให้เกิดข่าวลือเกี่ยวกับการวางตัวนักแสดงต่างๆนานา แต่งานสร้างก็ยังไม่ได้คืบหน้าแต่ประการใด
จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2553 ทางบริษัท ดาราวิดีโอ จำกัด ได้แจ้งความคืบหน้าในการสร้างเป็นละครโทรทัศน์อยู่เป็นระยะ จนเมื่อวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2553 ได้มีการบวงสรวงเปิดกล้องละครฟ้าจรดทรายอย่างเป็นทางการ พร้อมกับละครทวิภพ ซึ่งนำแสดงโดย ธีรภัทร์ สัจจกุลในบท"ชารีฟ" อุษามณี ไวทยานนท์ในบท"มิเชลล์" ส่วนบท"แคชฟีย่า"แสดงโดยมรกต กิตติสาระ และมีนักแสดงอีกมากมายเช่น ฐสิษฐ์ สินคณาวิวัฒน์,อานัส ฬาพานิช,อุษณีย์ วัฒฐานะ,สุรศักดิ์ โชติทินวัฒน์,แซมมี่ เคาวเวลล์ เป็นต้น
และการนำฟ้าจรดทราย มาทำเป็นละครโทรทัศน์ครั้งนี้ก็ได้ผู้บริหารและอดีตผู้กำกับของดาราวิดีโอ อย่างคุณหลุยส์ สยาม สังวริบุตร กลับมากำกับละครโทรทัศน์อีกครั้ง[4] โดยการถ่ายบางส่วนของละครเรื่องนี้ มีการไปถ่ายทำที่ประเทศอียิปต์และนอกจากนี้มีการถ่ายทำละครด้วยกล้องระบบ HD (High Definition)
ละครฟ้าจรดทราย ถือว่าเป็นละครโทรทัศน์ที่ใช้ระยะเวลาการถ่ายทำยาวนานอีกเรื่องหนึ่ง เพราะเริ่มงานสร้างและการถ่ายทำในปีพ.ศ. 2553จนถึงพ.ศ. 2556 รวมระยะเวลาในการสร้างเกือบ 3 ปีเต็ม โดยในครั้งนี้ได้มีปัญหาเนื่องจากมีกลุ่มผู้นับถือศาสนาอิสลามได้ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ถึงสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ให้ยุติการออกอากาศ เนื่องจากมีหลายฉากที่ผิดหลักคำสอนของศาสนา เสมือนการหมิ่นศาสนา เช่น ฉากการดื่มสุรา หรือการที่มีชายหญิงพลอดรักกัน แต่ท้ายที่สุดก็ได้มีการฉายต่อจนจบ เนื่องทางผู้สร้างและทางช่อง 7 ยืนยันว่ามิได้มีเจตนาเช่นนั้น
ภาพบางส่วนจากในละคร
ละครไทยในความทรงจำ " ละคร ฟ้าจรดทราย " ปี2556 ใครทันบ้างเอ๋ย...
มิเชลล์ หญิงสาวลูกครึ่งกำพร้าพ่อแม่เติบโตมาในคอนแวนต์จนเรียนจบและติดตามแคชฟีย่าเพื่อนสนิทของเธอมาเป็นครูสอนหนังสือที่เมืองฮิลฟารา อาณาจักรกลางทะเลทรายอันไกลโพ้น เมื่อทั้งคู่มาถึง แคชฟีย่าถูกกำหนดให้เข้าวังไปเป็นสนมขององค์อาเหม็ด กษัตริย์แห่งฮิลราฟา เพราะโหรหลวงทำนายว่าหญิงสาวที่จะให้กำเนิดรัชทายาทแห่งองค์อาเหม็ดได้เดินทางมาถึงแล้ว แต่แคชฟีย่ามีคนรักแล้วและกำลังเข้าใจผิดว่ามิเชลล์จะแย่งโรแบร์ คนรักชาวฝรั่งเศสของเธอไป เธอจึงคิดกำจัดมิเชลล์โดยวางแผนส่งมิเชลล์เข้าไปเป็นสนมแห่งองค์อาเหม็ดแทนตน โดยมีชารีฟราชองค์รักษ์คนสนิทขององค์อาเหม็ดเป็นผู้มารับตัวไปตามราชประเพณี
คืนวันส่งตัวมิเชลล์ โอมานญาติผู้น้องของกษัตริย์อาเหม็ดได้ก่อกบฏ และสังหารกษัตริย์อาเหม็ดจนสิ้นพระชนม์ต่อหน้าชารีฟ ชารีฟเสียใจมากเขาต่อสู้กับทหารกบฏและพามิเชลล์หลบหนีเข้า ทะเลทรายไปด้วยกัน
ในท้องทะเลทรายอันเวิ้งว้าง สองหนุ่มสาวต้องเผชิญกับภูมิประเทศที่กันดารโหดร้ายแสงแดดร้อนแรงและทหารที่คอยตามล่าเอาชีวิต ความยากลำบากและอุปสรรคต่างๆทำให้ทั้งคู่ใกล้ชิดกันจนเกิดเป็นความเห็นอกเห็นใจและกลายเป็นความรักในที่สุด แต่ความรักของเขาและเธอยังมิอาจสมหวังได้เพราะอุปสรรคที่สำคัญที่สุดของทั้งคู่คือภารกิจหน้าที่ของชารีฟที่จะต้องกอบกู้บัลลังก์แห่งฮิลฟาราให้กลับสู่ความร่มเย็นดังเดิม เมื่อความรักอันยิ่งใหญ่ต้องพบกับบททดสอบสำคัญที่สุดและอันตรายที่สุดชะตากรรมของเธอและเขาจะลงเอยอย่างไร...
จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2553 ทางบริษัท ดาราวิดีโอ จำกัด ได้แจ้งความคืบหน้าในการสร้างเป็นละครโทรทัศน์อยู่เป็นระยะ จนเมื่อวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2553 ได้มีการบวงสรวงเปิดกล้องละครฟ้าจรดทรายอย่างเป็นทางการ พร้อมกับละครทวิภพ ซึ่งนำแสดงโดย ธีรภัทร์ สัจจกุลในบท"ชารีฟ" อุษามณี ไวทยานนท์ในบท"มิเชลล์" ส่วนบท"แคชฟีย่า"แสดงโดยมรกต กิตติสาระ และมีนักแสดงอีกมากมายเช่น ฐสิษฐ์ สินคณาวิวัฒน์,อานัส ฬาพานิช,อุษณีย์ วัฒฐานะ,สุรศักดิ์ โชติทินวัฒน์,แซมมี่ เคาวเวลล์ เป็นต้น
และการนำฟ้าจรดทราย มาทำเป็นละครโทรทัศน์ครั้งนี้ก็ได้ผู้บริหารและอดีตผู้กำกับของดาราวิดีโอ อย่างคุณหลุยส์ สยาม สังวริบุตร กลับมากำกับละครโทรทัศน์อีกครั้ง[4] โดยการถ่ายบางส่วนของละครเรื่องนี้ มีการไปถ่ายทำที่ประเทศอียิปต์และนอกจากนี้มีการถ่ายทำละครด้วยกล้องระบบ HD (High Definition)
ละครฟ้าจรดทราย ถือว่าเป็นละครโทรทัศน์ที่ใช้ระยะเวลาการถ่ายทำยาวนานอีกเรื่องหนึ่ง เพราะเริ่มงานสร้างและการถ่ายทำในปีพ.ศ. 2553จนถึงพ.ศ. 2556 รวมระยะเวลาในการสร้างเกือบ 3 ปีเต็ม โดยในครั้งนี้ได้มีปัญหาเนื่องจากมีกลุ่มผู้นับถือศาสนาอิสลามได้ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ถึงสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ให้ยุติการออกอากาศ เนื่องจากมีหลายฉากที่ผิดหลักคำสอนของศาสนา เสมือนการหมิ่นศาสนา เช่น ฉากการดื่มสุรา หรือการที่มีชายหญิงพลอดรักกัน แต่ท้ายที่สุดก็ได้มีการฉายต่อจนจบ เนื่องทางผู้สร้างและทางช่อง 7 ยืนยันว่ามิได้มีเจตนาเช่นนั้น