นิทานหิ่งห้อย เดอะมิวสิคัล คือการรีสเตจของเร่ขายฝัน เดอะมิวสิคัล มิวสิคัลรวมเพลงเฉลียง โดยทีมงานโต๊ะกลมเจ้าเดิม เพิ่มเติมคือแคสต์ใหม่ ฉากใหม่ คอสตูมใหม่
เร่ขายฝัน เป็นมิวสิคัลไทยที่เราชอบมากที่สุดเรื่องหนึ่ง กล่าวถึงเมืองสองเมืองที่มีความแตกต่างกันอย่างสุดขั้ว เมืองหนึ่งคือตรรกะนครที่ผู้คนใช้แต่เหตุผล ส่วนอีกเมืองหนึ่งคือเมืองเอกเขนกที่ผู้คนใช้แต่อารมณ์ความรู้สึก เมื่อเจ็ดปีที่แล้วเราดูไปถึงสามรอบ รอให้มีรีสเตจมานานมาก และในที่สุดฝันนั้นก็เป็นจริง
ด้วยความที่รักเรื่องนี้จึงจำบทได้แทบทุกฉาก ในนิทานหิ่งห้อยนั้นตัวบทเดิม(ซึ่งดีงามมากกก)ยังคงอยู่ มีเปลี่ยนแปลงบ้างเล็กน้อย เห็นได้ชัดสุดคือฉากเพลงเอกเขนก มีการใส่มุขเสียดสีเหตุการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน ล้อทั้งรัฐบาลทั้งผู้ว่า ซึ่งทำได้ฮามากๆตามมาตรฐานของโต๊ะกลม
เรื่องฉากและคอสตูมยังแบ่งชัดเจนเช่นเดิมระหว่างเมืองตรรกะนครและเมืองเอกเขนก แต่คราวนี้เมืองเอกเขนกมีความหลากสีสันขึ้นกว่าตอนเร่ขายฝันที่คุมแนวเอิร์ธโทนเป็นหลัก ชอบไปอีกแบบ การออกแบบแสงยังสวยและให้อารมณ์ได้ดีเหมือนเคย แต่ติดใจอยู่ตรงฉากเพลงเธอหมุนรอบฉัน ฉันหมุนรอบเธอ ไม่ชอบแสงฟ้าที่ส่องลงมาเป็นแฉกๆนั้นเลย รู้สึกมันไม่ธรรมชาติ ไม่เข้ากับเมืองเอกเขนก ถ้าตัดออกหรือเปลี่ยนให้ซอฟท์ลงน่าจะดี ที่เหลือคือดีงาม
นักแสดงหลักในนิทานหิ่งห้อยเป็นแคสต์ใหม่ทั้งหมด ยกเว้นเพียงบทยับยับ ประมุขของเมืองเอกเขนก ที่ยังรับบทโดยพี่เหมี่ยว ปวันรัตน์เหมือนเดิม มากับนายเดอะคอมเมเดี้ยนในบทหัวเต่ง ฮากระจายสิคับ แคสต์โดยรวมทุกคนเหมาะสมกับบทและร้องเพลงดี แต่อาจจะต้องจูนเรื่องการรับส่งอีกนิด กับบทพายอาร์ที่คิดว่ายังต้องมีปรับเรื่องการแสดง
เนื่องจากเป็นการรีสเตจก็อดเปรียบเทียบกับแคสต์เดิมไม่ได้ ยังรู้สึกว่าแคสต์เดิมมีอินเนอร์มากกว่า รับส่งอารมณ์กันดีกว่า ไม่ใช่ว่าแคสต์ใหม่ไม่ดีแต่แคสต์เดิมทำไว้ดีมากๆ โดยเฉพาะบทปุยปุยที่แสดงโดยมิ้นท์ และบทแสนเก้าที่แสดงโดยต้อล และก็คิดถึงพ่ออี๊ดในบทชายตาบอดเช่นกัน
โดยรวมก็ยังเชียร์ให้ทุกคนไปดูกันนะ โดยเฉพาะคนที่พลาดเร่ขายฝันเดอะมิวสิคัลไป เพราะนี่เป็นมิวสิคัลรวมเพลงเฉลียง ที่ทุกเพลงสื่อความหมาย เข้ากับเนื้อเรื่องโดยไม่ยัดเยียดอย่าง jukebox musical บางเรื่อง และให้ข้อคิดที่ดีมากจริงๆ
[CR] Review นิทานหิ่งห้อย เดอะมิวสิคัล (เร่ขายฝัน Restage)
เร่ขายฝัน เป็นมิวสิคัลไทยที่เราชอบมากที่สุดเรื่องหนึ่ง กล่าวถึงเมืองสองเมืองที่มีความแตกต่างกันอย่างสุดขั้ว เมืองหนึ่งคือตรรกะนครที่ผู้คนใช้แต่เหตุผล ส่วนอีกเมืองหนึ่งคือเมืองเอกเขนกที่ผู้คนใช้แต่อารมณ์ความรู้สึก เมื่อเจ็ดปีที่แล้วเราดูไปถึงสามรอบ รอให้มีรีสเตจมานานมาก และในที่สุดฝันนั้นก็เป็นจริง
ด้วยความที่รักเรื่องนี้จึงจำบทได้แทบทุกฉาก ในนิทานหิ่งห้อยนั้นตัวบทเดิม(ซึ่งดีงามมากกก)ยังคงอยู่ มีเปลี่ยนแปลงบ้างเล็กน้อย เห็นได้ชัดสุดคือฉากเพลงเอกเขนก มีการใส่มุขเสียดสีเหตุการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน ล้อทั้งรัฐบาลทั้งผู้ว่า ซึ่งทำได้ฮามากๆตามมาตรฐานของโต๊ะกลม
เรื่องฉากและคอสตูมยังแบ่งชัดเจนเช่นเดิมระหว่างเมืองตรรกะนครและเมืองเอกเขนก แต่คราวนี้เมืองเอกเขนกมีความหลากสีสันขึ้นกว่าตอนเร่ขายฝันที่คุมแนวเอิร์ธโทนเป็นหลัก ชอบไปอีกแบบ การออกแบบแสงยังสวยและให้อารมณ์ได้ดีเหมือนเคย แต่ติดใจอยู่ตรงฉากเพลงเธอหมุนรอบฉัน ฉันหมุนรอบเธอ ไม่ชอบแสงฟ้าที่ส่องลงมาเป็นแฉกๆนั้นเลย รู้สึกมันไม่ธรรมชาติ ไม่เข้ากับเมืองเอกเขนก ถ้าตัดออกหรือเปลี่ยนให้ซอฟท์ลงน่าจะดี ที่เหลือคือดีงาม
นักแสดงหลักในนิทานหิ่งห้อยเป็นแคสต์ใหม่ทั้งหมด ยกเว้นเพียงบทยับยับ ประมุขของเมืองเอกเขนก ที่ยังรับบทโดยพี่เหมี่ยว ปวันรัตน์เหมือนเดิม มากับนายเดอะคอมเมเดี้ยนในบทหัวเต่ง ฮากระจายสิคับ แคสต์โดยรวมทุกคนเหมาะสมกับบทและร้องเพลงดี แต่อาจจะต้องจูนเรื่องการรับส่งอีกนิด กับบทพายอาร์ที่คิดว่ายังต้องมีปรับเรื่องการแสดง
เนื่องจากเป็นการรีสเตจก็อดเปรียบเทียบกับแคสต์เดิมไม่ได้ ยังรู้สึกว่าแคสต์เดิมมีอินเนอร์มากกว่า รับส่งอารมณ์กันดีกว่า ไม่ใช่ว่าแคสต์ใหม่ไม่ดีแต่แคสต์เดิมทำไว้ดีมากๆ โดยเฉพาะบทปุยปุยที่แสดงโดยมิ้นท์ และบทแสนเก้าที่แสดงโดยต้อล และก็คิดถึงพ่ออี๊ดในบทชายตาบอดเช่นกัน
โดยรวมก็ยังเชียร์ให้ทุกคนไปดูกันนะ โดยเฉพาะคนที่พลาดเร่ขายฝันเดอะมิวสิคัลไป เพราะนี่เป็นมิวสิคัลรวมเพลงเฉลียง ที่ทุกเพลงสื่อความหมาย เข้ากับเนื้อเรื่องโดยไม่ยัดเยียดอย่าง jukebox musical บางเรื่อง และให้ข้อคิดที่ดีมากจริงๆ