พรีเมียร์ลีคผ่านยุคที่เซอร์เฟอร์กี้รีไทร์มาสามปีเข้าปีที่สี่แล้ว มีทีมที่คว้าแชมป์ได้ในสามปีที่ผ่านมาคือ ซิตี้ เชลซี และเลสเตอร์
ยังไม่มีซ้ำทีมและยังไม่มีทีมไหนป้องกันแชมป์ได้ ในสามปีที่ผ่านมา ทีมที่คว้าแชมป์จะแพ้ 6 - 3 - 3 นัดตามลำดับ
คิดเป็นค่าเฉลี่ยสามปีก็ประมาณ 4 นัดต่อฤดูกาล มากสุดไม่เกิน 6 นัด เตะกันไปแล้ว 7 นัดครบทุกทีม ถ้าคิดที่มากสุด 6 นัด
ใน 7 นัดที่ผ่านมาใครแพ้ไม่เกิน 1 นัด ถือว่าทำได้ตามมาตราฐานของทีมแชมป์ในส่วนของการรักษาอัตราความพ่ายแพ้ไว้ได้ดี
ขอพูดถึงแค่ 4 ทีมที่รั้งตาราง 1 - 4 ในขณะที่พูดถึงสถิติในแต่ละครั้ง เพราะอยากเปรียบเทียบเฉพาะทีมที่อยู่ในพท.UCL
ผ่านไปเจ็ดนัด การรักษาอัตราความพ่ายแพ้ของ 4 ทีมแรกเป็นตามนี้
จะเห็นว่า 4 ทีมแรก ยังรักษาอัตราความพ่ายแพ้ไว้ได้ดี โดยเฉพาะสเปอร์ที่ทำได้ดีกว่าทุกทีมคือยังไม่แพ้เลย
ในสามปีที่ผ่านมาทีมแชมป์จะยิงประตูได้ 102 - 73 - 68 ประตูตามลำดับ ลดลงเรื่อยๆ มองได้ว่าการยิงได้เยอะไม่ใช่ปัจจัยทั้งหมดในการชี้ชัด
ว่าใครจะคว้าแชมป์ การรักษารูปสกอร์(คือยิงได้มากกว่าคู่แข่งแค่นั้นพอ)เพื่อให้ได้ผลอย่างที่ต้องการต่างหากคือปัจจัย
ในสามปีที่ผ่านมาทีมแชมป์จะเสียประตู 37 - 32 - 36 จะเห็นว่าประตูได้จะห่างกันอย่างมีนัยยะในแต่ละปี แต่ประตูเสียนั้นจะแทบไม่ห่างกันเลย
เมื่อเฉลี่ยประตูเสียทั้งสามปีที่ผ่านมาของแชมป์จะอยู่ที่ 35 ประตูต่อฤดูกาล ผ่านไป 7 นัด ไม่ควรเสียเกิน 7 ประตู
มาดูการรักษาอัตราการเสียประตูของ 4 ทีมแรกกัน
จะเห็นว่าลิเวอร์พูลจะหลุดมาตรฐานนี้ไป 10 ลูกที่เสีย ค่อนข้างเยอะไปนะครับ ถ้าเทียบ 38 นัด ลิเวอร์พูลจะเสียถึง 54-55 ประตูเลยทีเดียว
เสียมากกว่าปีที่ลุ้นแชมป์กับซิตี้เสียอีก ปีนั้นเสีย 50 ประตู ยังไม่ได้แชมป์เลยทั้งๆที่ยิงได้เกินร้อย แต่เสียประตูมากเกินไป
แล้วดูแล้วปัญหานี้จะเกาะลิเวอร์พูลไปทั้งฤดูกาลในความเห็นของผม เพราะเหลือบดูรายชื่อตัวสำรองของแผงหลังแล้ว
เซนเตอร์ยังไม่น่าห่วง แต่ฟูลแบคซ้ายขวาถ้ามิลเนอร์หรือไคลน์เจ็บ น่าเป็นห่วง และโกลก็ยังไม่ลงตัว ตำแหน่งนี้ต้องการความมั่นคงครับ
และเหมือนเดิมสเปอร์ทำได้เยี่ยมที่สุดอีกแล้วเมื่อมองในแง่นี้ประกอบไปด้วย
มาดูความสำคัญของการครองบอลกับการคว้าแชมป์ สามปีที่ผ่านมา ทีมที่ครองบอลติดอันดับ 1 - 4 แล้วคว้าแชมป์ได้
มีเพียงซิตี้ทีมเดียวที่คว้าแชมป์ เชลซีของมูและเลสเตอร์ของรานิเอรี่ ไม่ติด 1-5 ของทีมที่ครองบอลเยอะด้วยซ้ำ
เพราะเชลซีและเลสเตอร์อาศับการเล่นแบบแพคแน่นแล้วโต้กลับ มองแล้วสิ่งสำคัญของการคว้าแชมป์คือการเล่นตามที่ผจก.และนักเตะถนัด
ไม่จำเป็นต้องเหมือนใครหรือต้องขึงเกมไว้ได้เยอะๆเข้าไว้ สำคัญคือการรักษาสกอร์ที่ต้องการไว้ได้ต่างหาก
แบบนั้นเกมรุกและรับต้องสมดุล ต้องเล่นดีกันทั้งทีม และเมื่อพูดถึงการเล่นดีทั้งทีม ในสามปีที่ผ่านมาทีมแชมป์จะมีค่าเฉลี่ยความสามารถทั้งทีม
ที่ 7.13 - 7.06 - 7.06 ตามลำดับ ผ่านไป 7 นัดมาดู 4 ทีมแรกกัน
จะเห็นว่าสี่ทีมแรกตอนนี้ ซิตี้กับน่อลทำได้มากกว่ามาตรฐาน แต่สเปอร์กับลิเวอร์พูลก็ไม่ได้น้อยกว่าอะไรมากมายเลย
กลับมาดูที่เกมรุกอีกครั้ง ถึงประตูที่ยิงได้จะดูแล้วไม่ได้มีผลอย่างมีนัยยะต่อการคว้าแชมป์เท่ากับประตูที่เสียและการรักษารูปสกอร์
และrating ความสามารถของทั้งทีม แต่สิ่งที่เห็นก็คือ ทีมแชมป์จะมีคนที่ยิงติดอันดับ 1 - 10 อย่างน้อยสองคนเสมอ
ปีที่ซิตี้คว้าแชมป์ ตูเร่ยิงได้ 20 ประตู เป็นอันดับ 3 และกุนยิงได้ 17 ประตูเป็นอันดับ 5 และเซโก้ยิงได้ 16 ประตูเป็นอันดับ 7
ปีที่เชลซีคว้าแชมป์ คอสต้ายิงได้ 20 ประตู เป็นอันดับ 3 และอาร์ซายิงได้ 14 ประตูเป็นอันดับ 7
ปีที่แล้วเลสเตอร์คว้าแชมป์ วาร์ดี้ยิงได้ 24 ประตู เป็นอันดับ 2 และมาร์เรซยิงได้ 17 ประตู เป็นอันดับ 5
เพราะการจะคว้าแชมป์จะพึ่งการยิงของนักเตะคนเดียว ยากมากในการคว้าแชมป์
สรุปคือสถิติสามปีหลังบอกว่า ต้องมีคนยิงได้ 20 ประตู เฉลี่ย 7 นัดจะอยู่ที่ 4 ประตูขึ้นไป
และคนที่ช่วยยิงต่อมาจะยิงได้ 14 ประตูขึ้นไป เฉลี่ย 7 นัดจะอยู่ที่ 3 ประตูขึ้นไป
มาดู 4 ทีมแรกเป็นยังงัยตอนนี้
จะเห็นว่าชิตี้เข้าเกณฑ์คือ กุนยิงไป 5 และ ริ่งยิ่งไป 4
ปีนี้ซิตี้คงต้องลุ้นให้ริ่งช่วยกุนเยอะๆในการผลิตสกอร์เพราะดูแล้วเดอบรอยน์จะออกแนวแอสซิทซะมากกว่า
และอิเฮียนาโช่ก็น่าจะช่วยได้ดีเหมือนกันยามได้ลงสนาม
สเปอร์มีซนคนเดียวที่เข้าเกณฑ์ในตอนนี้ และซนก็ไม่ใช่หน้าเป้าด้วย ผมคิดว่าสเปอร์ต้องไปลุ้นว่าแยนเซ่นจะทำได้ดีขนาดไหนยามที่ไม่มีเคน
เพราะตอนนี้ก็ยังยิงในลีคไม่ได้เลย และลุ้นให้เคนกลับมาได้ไวๆ สเปอร์ดูจะมีปัญหาที่หน้าเป้า
น่อลมีสองคนที่เข้าเกณฑ์คือชายเล็กกับวัลคอตต์ ก็คงต้องลุ้นให้วัลคอตต์ท๊อปฟอร์มแบบนี้ไปเรื่อยๆ ที่ผ่านมาคอตต์บอกว่าไม่เอาจริง
ปีนี้เอาจริงแล้ว และดูบึกขึ้นด้วย ได้ข่าวว่าเข้าเวทเพิ่มเติม ดูเล่นมีพลังขึ้นและมั่นใจขึ้น
ลิเวอร์พูลเข้าเกณฑ์เยอะหลายคน ทั้งมิลเนอร์ มาเน่ ลัลลาน่า คูตี้และเฟอร์มิโน่ ยิงได้กระจายดีจริงๆ ซึ่งถึงแม้ควรจะตัดมิลเนอร์ออกไป
เพราะเป็นกองหลังไปซะแล้วและมาจากจุดโทษซะเยอะ แต่ที่เหลือผมว่าทดแทนกันได้ เพราะเฟอร์มิโน่หน้าเป้ายิงต่ำกว่าเกณฑ์แค่ลูกเดียว
เมื่อดูจากที่เทียบสถิติมาใน 4 อันดับแรกบอกได้ว่า
ซิตี้กับน่อลเข้าข่ายคุณสมบัติแชมป์อย่างครบถ้วนในตอนนี้ สองทีมนี้เข้าเกณฑ์หมด คงได้ลุ้นกันยาวๆถ้ายังรักษามาตรฐานตัวเองไว้ได้ต่อไป
ส่วนสเปอร์ถ้าแก้ปัญหาหน้าเป้าไม่ได้ ก็จะลำบาก
เช่นเดียวกับลิเวอร์พูลที่ยังมีปัญหาในการเสียประตูเยอะเกินไป ถ้ายังไม่แก้ปัญหานี้ ก็อาจะหลุดไปในระยะยาว
สเปอร์ยังแก้ปัญหาได้ง่ายกว่าเพราะเพียงรอเคนกลับมา
แต่ลิเวอร์พูลต้องมีตัวสำรองที่ไว้ใจได้ในตำแหน่งฟูลแบคและโกลที่ดูแล้วยังลังเลกันอยู่ว่าใครดีกว่า และต้องไว้ใจอุ่นใจได้ด้วย
เอามาเทียบให้อ่านให้ดูกันครับ ใครอยากสนทนาหรือแสดงความคิดเห็นได้เลยนะครับ แฟนพรีเมียร์เหมือนกัน
ไว้ผ่านไปซักนัดที่ 15 ขึ้นไป มาดูกันอีกครั้งว่าแต่ละทีมยังทำได้ดีขนาดไหน และปัญหาที่เห็นแก้ไขได้ดีขึ้นจนเข้ามาตรฐานแชมป์หรือป่าว
และมีทีมอื่นขึ้นมาสอดแทรกได้หรือป่าว
ปล. สถิติเอามาจาก whoscored.com นะครับ
กระทู้สนทนาแฟนพรีเมียร์ลีค มาตรฐานทีมแชมป์สามปีหลัง
ยังไม่มีซ้ำทีมและยังไม่มีทีมไหนป้องกันแชมป์ได้ ในสามปีที่ผ่านมา ทีมที่คว้าแชมป์จะแพ้ 6 - 3 - 3 นัดตามลำดับ
คิดเป็นค่าเฉลี่ยสามปีก็ประมาณ 4 นัดต่อฤดูกาล มากสุดไม่เกิน 6 นัด เตะกันไปแล้ว 7 นัดครบทุกทีม ถ้าคิดที่มากสุด 6 นัด
ใน 7 นัดที่ผ่านมาใครแพ้ไม่เกิน 1 นัด ถือว่าทำได้ตามมาตราฐานของทีมแชมป์ในส่วนของการรักษาอัตราความพ่ายแพ้ไว้ได้ดี
ขอพูดถึงแค่ 4 ทีมที่รั้งตาราง 1 - 4 ในขณะที่พูดถึงสถิติในแต่ละครั้ง เพราะอยากเปรียบเทียบเฉพาะทีมที่อยู่ในพท.UCL
ผ่านไปเจ็ดนัด การรักษาอัตราความพ่ายแพ้ของ 4 ทีมแรกเป็นตามนี้
จะเห็นว่า 4 ทีมแรก ยังรักษาอัตราความพ่ายแพ้ไว้ได้ดี โดยเฉพาะสเปอร์ที่ทำได้ดีกว่าทุกทีมคือยังไม่แพ้เลย
ในสามปีที่ผ่านมาทีมแชมป์จะยิงประตูได้ 102 - 73 - 68 ประตูตามลำดับ ลดลงเรื่อยๆ มองได้ว่าการยิงได้เยอะไม่ใช่ปัจจัยทั้งหมดในการชี้ชัด
ว่าใครจะคว้าแชมป์ การรักษารูปสกอร์(คือยิงได้มากกว่าคู่แข่งแค่นั้นพอ)เพื่อให้ได้ผลอย่างที่ต้องการต่างหากคือปัจจัย
ในสามปีที่ผ่านมาทีมแชมป์จะเสียประตู 37 - 32 - 36 จะเห็นว่าประตูได้จะห่างกันอย่างมีนัยยะในแต่ละปี แต่ประตูเสียนั้นจะแทบไม่ห่างกันเลย
เมื่อเฉลี่ยประตูเสียทั้งสามปีที่ผ่านมาของแชมป์จะอยู่ที่ 35 ประตูต่อฤดูกาล ผ่านไป 7 นัด ไม่ควรเสียเกิน 7 ประตู
มาดูการรักษาอัตราการเสียประตูของ 4 ทีมแรกกัน
จะเห็นว่าลิเวอร์พูลจะหลุดมาตรฐานนี้ไป 10 ลูกที่เสีย ค่อนข้างเยอะไปนะครับ ถ้าเทียบ 38 นัด ลิเวอร์พูลจะเสียถึง 54-55 ประตูเลยทีเดียว
เสียมากกว่าปีที่ลุ้นแชมป์กับซิตี้เสียอีก ปีนั้นเสีย 50 ประตู ยังไม่ได้แชมป์เลยทั้งๆที่ยิงได้เกินร้อย แต่เสียประตูมากเกินไป
แล้วดูแล้วปัญหานี้จะเกาะลิเวอร์พูลไปทั้งฤดูกาลในความเห็นของผม เพราะเหลือบดูรายชื่อตัวสำรองของแผงหลังแล้ว
เซนเตอร์ยังไม่น่าห่วง แต่ฟูลแบคซ้ายขวาถ้ามิลเนอร์หรือไคลน์เจ็บ น่าเป็นห่วง และโกลก็ยังไม่ลงตัว ตำแหน่งนี้ต้องการความมั่นคงครับ
และเหมือนเดิมสเปอร์ทำได้เยี่ยมที่สุดอีกแล้วเมื่อมองในแง่นี้ประกอบไปด้วย
มาดูความสำคัญของการครองบอลกับการคว้าแชมป์ สามปีที่ผ่านมา ทีมที่ครองบอลติดอันดับ 1 - 4 แล้วคว้าแชมป์ได้
มีเพียงซิตี้ทีมเดียวที่คว้าแชมป์ เชลซีของมูและเลสเตอร์ของรานิเอรี่ ไม่ติด 1-5 ของทีมที่ครองบอลเยอะด้วยซ้ำ
เพราะเชลซีและเลสเตอร์อาศับการเล่นแบบแพคแน่นแล้วโต้กลับ มองแล้วสิ่งสำคัญของการคว้าแชมป์คือการเล่นตามที่ผจก.และนักเตะถนัด
ไม่จำเป็นต้องเหมือนใครหรือต้องขึงเกมไว้ได้เยอะๆเข้าไว้ สำคัญคือการรักษาสกอร์ที่ต้องการไว้ได้ต่างหาก
แบบนั้นเกมรุกและรับต้องสมดุล ต้องเล่นดีกันทั้งทีม และเมื่อพูดถึงการเล่นดีทั้งทีม ในสามปีที่ผ่านมาทีมแชมป์จะมีค่าเฉลี่ยความสามารถทั้งทีม
ที่ 7.13 - 7.06 - 7.06 ตามลำดับ ผ่านไป 7 นัดมาดู 4 ทีมแรกกัน
จะเห็นว่าสี่ทีมแรกตอนนี้ ซิตี้กับน่อลทำได้มากกว่ามาตรฐาน แต่สเปอร์กับลิเวอร์พูลก็ไม่ได้น้อยกว่าอะไรมากมายเลย
กลับมาดูที่เกมรุกอีกครั้ง ถึงประตูที่ยิงได้จะดูแล้วไม่ได้มีผลอย่างมีนัยยะต่อการคว้าแชมป์เท่ากับประตูที่เสียและการรักษารูปสกอร์
และrating ความสามารถของทั้งทีม แต่สิ่งที่เห็นก็คือ ทีมแชมป์จะมีคนที่ยิงติดอันดับ 1 - 10 อย่างน้อยสองคนเสมอ
ปีที่ซิตี้คว้าแชมป์ ตูเร่ยิงได้ 20 ประตู เป็นอันดับ 3 และกุนยิงได้ 17 ประตูเป็นอันดับ 5 และเซโก้ยิงได้ 16 ประตูเป็นอันดับ 7
ปีที่เชลซีคว้าแชมป์ คอสต้ายิงได้ 20 ประตู เป็นอันดับ 3 และอาร์ซายิงได้ 14 ประตูเป็นอันดับ 7
ปีที่แล้วเลสเตอร์คว้าแชมป์ วาร์ดี้ยิงได้ 24 ประตู เป็นอันดับ 2 และมาร์เรซยิงได้ 17 ประตู เป็นอันดับ 5
เพราะการจะคว้าแชมป์จะพึ่งการยิงของนักเตะคนเดียว ยากมากในการคว้าแชมป์
สรุปคือสถิติสามปีหลังบอกว่า ต้องมีคนยิงได้ 20 ประตู เฉลี่ย 7 นัดจะอยู่ที่ 4 ประตูขึ้นไป
และคนที่ช่วยยิงต่อมาจะยิงได้ 14 ประตูขึ้นไป เฉลี่ย 7 นัดจะอยู่ที่ 3 ประตูขึ้นไป
มาดู 4 ทีมแรกเป็นยังงัยตอนนี้
จะเห็นว่าชิตี้เข้าเกณฑ์คือ กุนยิงไป 5 และ ริ่งยิ่งไป 4
ปีนี้ซิตี้คงต้องลุ้นให้ริ่งช่วยกุนเยอะๆในการผลิตสกอร์เพราะดูแล้วเดอบรอยน์จะออกแนวแอสซิทซะมากกว่า
และอิเฮียนาโช่ก็น่าจะช่วยได้ดีเหมือนกันยามได้ลงสนาม
สเปอร์มีซนคนเดียวที่เข้าเกณฑ์ในตอนนี้ และซนก็ไม่ใช่หน้าเป้าด้วย ผมคิดว่าสเปอร์ต้องไปลุ้นว่าแยนเซ่นจะทำได้ดีขนาดไหนยามที่ไม่มีเคน
เพราะตอนนี้ก็ยังยิงในลีคไม่ได้เลย และลุ้นให้เคนกลับมาได้ไวๆ สเปอร์ดูจะมีปัญหาที่หน้าเป้า
น่อลมีสองคนที่เข้าเกณฑ์คือชายเล็กกับวัลคอตต์ ก็คงต้องลุ้นให้วัลคอตต์ท๊อปฟอร์มแบบนี้ไปเรื่อยๆ ที่ผ่านมาคอตต์บอกว่าไม่เอาจริง
ปีนี้เอาจริงแล้ว และดูบึกขึ้นด้วย ได้ข่าวว่าเข้าเวทเพิ่มเติม ดูเล่นมีพลังขึ้นและมั่นใจขึ้น
ลิเวอร์พูลเข้าเกณฑ์เยอะหลายคน ทั้งมิลเนอร์ มาเน่ ลัลลาน่า คูตี้และเฟอร์มิโน่ ยิงได้กระจายดีจริงๆ ซึ่งถึงแม้ควรจะตัดมิลเนอร์ออกไป
เพราะเป็นกองหลังไปซะแล้วและมาจากจุดโทษซะเยอะ แต่ที่เหลือผมว่าทดแทนกันได้ เพราะเฟอร์มิโน่หน้าเป้ายิงต่ำกว่าเกณฑ์แค่ลูกเดียว
เมื่อดูจากที่เทียบสถิติมาใน 4 อันดับแรกบอกได้ว่า
ซิตี้กับน่อลเข้าข่ายคุณสมบัติแชมป์อย่างครบถ้วนในตอนนี้ สองทีมนี้เข้าเกณฑ์หมด คงได้ลุ้นกันยาวๆถ้ายังรักษามาตรฐานตัวเองไว้ได้ต่อไป
ส่วนสเปอร์ถ้าแก้ปัญหาหน้าเป้าไม่ได้ ก็จะลำบาก
เช่นเดียวกับลิเวอร์พูลที่ยังมีปัญหาในการเสียประตูเยอะเกินไป ถ้ายังไม่แก้ปัญหานี้ ก็อาจะหลุดไปในระยะยาว
สเปอร์ยังแก้ปัญหาได้ง่ายกว่าเพราะเพียงรอเคนกลับมา
แต่ลิเวอร์พูลต้องมีตัวสำรองที่ไว้ใจได้ในตำแหน่งฟูลแบคและโกลที่ดูแล้วยังลังเลกันอยู่ว่าใครดีกว่า และต้องไว้ใจอุ่นใจได้ด้วย
เอามาเทียบให้อ่านให้ดูกันครับ ใครอยากสนทนาหรือแสดงความคิดเห็นได้เลยนะครับ แฟนพรีเมียร์เหมือนกัน
ไว้ผ่านไปซักนัดที่ 15 ขึ้นไป มาดูกันอีกครั้งว่าแต่ละทีมยังทำได้ดีขนาดไหน และปัญหาที่เห็นแก้ไขได้ดีขึ้นจนเข้ามาตรฐานแชมป์หรือป่าว
และมีทีมอื่นขึ้นมาสอดแทรกได้หรือป่าว
ปล. สถิติเอามาจาก whoscored.com นะครับ