ขอเล่าเหตุผลของตัวเองก่อนนะคะ เกริ่นก่อนว่าเดิมทีเราเป็นคนแทบไม่ทานผักเลย คือทานนะคะแต่ทานแค่บางอย่างและทานค่อนข้างน้อย ทานแต่เนื้อสัตว์ตลอดๆ โดยเฉพาะไส้กรอก แฮมจะทานบ่อยมาก แล้วโรคประจำตัวเราก็คือท้องผูกค่ะ เราเป็นคนที่ไม่เคยกินเจเลย ไม่ว่าที่บ้านจะกินกัน แล้วที่บ้านคุณแม่นับถือเจ้าแม่กวนอิมก็จะไม่ทานเนื้อวัว พี่สาวก็ไม่ทาน แฟนพี่สาวก็ไม่ทานเพราะเห็นพี่เราไม่ทาน มีแต่เรานี่แหลค่ะ ใครจะลด ละ เลิกยังไงก็ไม่สนใจค่ะ ทานตลอดๆ แต่ก็ไม่ได้บ่อยมาก และพูดตรงๆ ในหัวไม่เคยคิดว่าจะต้องมาทานมังสวิรัติตลอดชีวิตแบบนี้ เป็นคนห่างไกลศาสนามากค่ะ บุญก็ทำบ้างนะคะ แต่ต้องมีคนชวนไป ไม่เคยคิดไปเอง ไม่ค่อยสนใจในธรรมมะเลย ตอนนั้นคิดแค่เที่ยวเล่นไปวันๆ
จุดเปลี่ยนมันเป็นเรื่องที่แปลกมากสำหรับเราค่ะ คืออยู่ดีๆมันก็เป็นของมันเองค่ะ เริ่มตั้งแต่ตอนเลิกทานเนื้อวัวมันก็แปลกนะคะ คือมีอยู่วันหนึ่งเรานัดเดทกับผู้ชายคนหนึ่งแล้วไปทานปิ้งย่างที่เป็นเนื้อวัว ปกติจะทานเนื้อหมูเป็นส่วนใหญ่ แต่ครั้งนั้นทานเนื้อวัว แล้วเรารู้สึกว่าเนื้อวัวนี่มันอร่อยมากๆ เสียดายแทนคนที่ไม่ทานเนื้อวัวจริงๆที่ไม่ได้ทานของอร่อยขนาดนี้ (ในความคิดของเราคือแม่กับพี่สาว) และนั่นแหละค่ะ จุดเริ่มต้น หลังจากวันนั้นเวลาที่เราจะทานเนื้อวัวทีไร มักจะมีอุปสรรค หรือมีเหตุให้ไม่ได้ทานอยู่เสมอ จนเราชักจะสังหรณ์ใจแปลกๆ ตอนแรกก็คิดว่าคิดมากไปเอง แต่หลายๆครั้งเข้าเราก็ชักตงิดใจ ถึงขนาดที่ว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งเราเห็นร้านขายก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋น เราชอบทานเนื้อตุ๋นมาก แล้วนานๆถึงจะได้ทานสักที รีบเดินเข้าไปซื้อ แต่ช่วงที่เดินเข้าไป ดันไปเห็นป้ายเล็กๆเขียนว่า หมูตุ๋น 30 บาท คือเหมือนเป็นป้ายที่ลดราคาพิเศษ เอาไว้สำหรับคนอยากทานราคาถูก คือพอเราอ่านป้ายปุ๊บ เราก็สั่งปั๊บว่าหมูตุ๋นหนึ่งชาม
พอเราได้ก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นมาอยู่ในมือแล้วเดินออกจากหน้าร้าน เราก็ตกใจ เฮ้ย สั่งไปได้ไงหมูตุ๋น เพราะเราตั้งใจมากว่าจะไปสั่งเนื้อตุ๋น นึกแล้วก็อยากเขกกะโหลกตัวเองมาก แล้วก็ยังมีอีกหลายเหตุการณ์ที่ทำให้เราคลาดกับการทานเนื้อวัว จนเรามาทำงานที่โรงแรมแห่งหนึ่ง แล้วเขามีบุฟเฟ่ท์ของโรงแรมเราก็เข้าไปทาน และแน่นอนมีเมนูเนื้อผัดน้ำมันหอยด้วย เราก็เข้าไปตักมาทานเลยค่ะ แต่เนื้อวันนั้นมันช่างเหนียวเหลือเกิน ไม่ได้อร่อยเหมือนวันไปทานปิ้งย่างวันนั้นเลย เราก็เลยคิด ถ้าเนื้อมันไม่อร่อยเราจะกินทำไม หากินก็ยาก แพงก็แพงกว่าเนื้อหมู อยู่ดีๆมันเป็นความคิดประหลาดๆของเราคิดออกมาเองค่ะ เพราะเราตงิดใจหลายครั้งเรื่องคลาดกับการกินเนื้อวัวหลายครั้ง เราก็คิดในใจว่าถ้าเราได้กินเมนูเนื้อวัวอีกครั้งหนึ่งแล้วมันไม่อร่อยนะ เราจะเลิกกินเนื้อวัวตลอดชีวิต
ตอนที่เรากินอาหารที่โรงแรมเป็นมือกลางวันค่ะ มื้อเย็นวันนั้นเราก็เอาเลย ออกไปหาเมนูเนื้อวัวทานนอกโรงแรม แล้วก็ไปเจอพอดี เป็นก๋วยเตี๋ยวรถเข็นที่เป็นก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นเนื้อชื่อดัง ยี่ห้อนี้เราเคยกินนะคะ อร่อยด้วย เราก็สั่งเลยค่ะ สั่งมาทานหนึ่งชาม มันมีทั้งลูกชิ้นเนื้อแล้วก็เนื้อวัวด้วย พอเรากินเข้าไปคำแรกเท่านั้นค่ะ ขอบอกเลยว่าไม่เคยกินเนื้อวัวที่ไหนที่รสชาติแย่เท่านี้มาก่อนในชีวิต คือมันทั้งเหนียว ทั้งเหม็น มันเหม็นแบบเหม็นมากเลยค่ะ จนเราเลิกกินเลย พร้อมคิดในใจว่า เอาเนื้อแย่ๆขนาดนี้มาขายไม่เจ๊งหรือไง ว่าแล้วคือเราก็เลยต้องทำตามที่คิดไว้ค่ะ เพราะเราเป็นคนที่ถือเรื่องสัจจะมาก ถึงจะแค่คิดก็ตาม เราถือว่านี่คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ก็เลยเลิกทานเนื้อวัวตั้งแต่นั้น สำหรับเราเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องแปลกแล้วนะคะ แต่เรื่องที่ทำให้เราต้องทานมังสวิรัติตลอดชีวิตกลับเป็นเรื่องที่แปลกกว่า
หลายปีต่อมาเราก็มีอาการแปลกๆ เรียกว่าอยู่ดีๆก็เห็นสภาวธรรมทั้งๆที่ไม่เคยปฏิบัติภาวนาใดๆมาก่อน เนื้อหาตามกระทู้นี้
http://pantip.com/topic/35656186 แต่ถ้าใครไม่สนใจเรื่องนี้ก็ข้ามๆไปก็ได้นะคะ หลังจากนั้นชีวิตเราก็เปลี่ยนไปเยอะ เจออะไรแปลกๆเยอะ หนึ่งในนั้นคือสิ่งที่ทำให้เราต้องเลิกทานเนื้อสัตว์ มีอยู่วันหนึ่งเราไปเดินซุปเปอร์มาเก็ตกับคุณแม่ ตรงที่เป็นส่วนที่ขายเนื้อสัตว์ มันจะเป็นแผงขายเนื้อไก่ ปลา อาหารทะเลสดๆ โดยปกติเราก็จะเห็นว่าสิ่งพวกนี้เป็นอาหาร เราก็จะคิดว่าให้คุณแม่ซื้ออันนั้นอันนี้นะ จะได้เอากลับไปทำเป็นอาหารจานั้นจานนี้ แต่วันนั้นเป็นวันที่แปลกประหลาดที่สุดของเรา คือเรากลับไม่มีความยินดีที่จะได้เห็นหรืออยากจะซื้ออาหารสดพวกนี้เลย
เราเห็นว่าไก่ เป็ด ปลา กุ้ง ฯลฯ พวกนี้ไม่ใช่อาหาร แต่เราเห็นว่ามันคือซากศพ เราเห็นว่าซุปเปอร์มาเก็ตแห่งนี้ไม่ใช่ที่ขายอาหาร แต่เป็นเหมือนสุสาน เรารู้สึกสลดหดหู่ใจอย่างมาก ความรู้สึกของเราเวลาที่มองเจ้าพวกซากสัตว์พวกนี้ไม่ได้แตกต่างจากความรู้สึกที่เห็นภาพข่าวตอนที่เกิดการสังหารหมู่ ที่เห็นศพคนนอนตายแล้วถูกนำมากองรวมกัน ภาพข่าวที่เห็นศพเป็นสิบเป็นร้อยโดนโยนทิ้งน้ำตอนที่มีการปฏิวัติหรือที่ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ มันเป็นอะไรที่สลดหดหู่มากๆ และหลังจากนั้นเป็นต้นมา เราไม่สามารถกินเนื้อสัตว์ได้ด้วยความสบายใจเหมือนเดิม
รสชาติอาหารนั้นเหมือนเดิมแต่สภาพจิตใจเราไม่เหมือนเดิม เรารู้สึกแย่ทุกครั้งที่กินเนื้อสัตว์ มันเป็นความเศร้า ความสงสาร ความรู้สึกผิดผสมปนเปไปหมด ยิ่งเราไปดูสารคดีที่เขาไปถ่ายตลาดปลาของญี่ปุ่น ที่เขาจะมีประมูลปลาทูน่าทะเลตัวใหญ่ๆ เราเห็นปลาทูน่าโดนตัดหัวแล้วมาวางเรียงกันเยอะมาก สุดลูกหูลูกตา แป๊บเดียวมีการประมูลกันไปไม่นานก็ขายจนหมด เราเห็นแล้วรู้สึกอนาถใจมากว่าทำไมวันๆหนึ่งคนเราถึงฆ่าสิ่งมีชีวิตอื่นได้มากมายขนาดนี้ แค่ดูสารคดีธรรมดาๆแต่เรากลับนั่งร้องไห้ รู้สึกเหมือนตัวเองบ้าไปแล้ว จนเราคิดว่าเราคงอยู่แบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว เรากินเนื้อสัตว์เหมือนเดิมไม่ได้แล้ว มันไม่อร่อยเหมือนเดิม เพราะสภาพจิตใจเราไม่เหมือนเดิม เราไม่ได้ดัดจริตนะคะ แต่มันเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นเองที่เราก็ควบคุมมันไม่ได้
แต่เราเข้าใจว่าทุกอย่างมันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เราคิดว่าไม่นานความรู้สึกแบบนี้ก็คงจางหายไป แต่ในเมื่อเรารู้แล้วว่าสัตว์พวกนี้น่าสงสารขนาดไหน เราก็เลยคิดว่าเราอยากจะเลิกทานเนื้อสัตว์ตลอดชีวิต แต่เรากลัวว่าเราจะทำไม่ได้ หรือเลิกไปไม่ได้นานก็กลับมากินใหม่ เราเลยไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมแล้วบอกท่านว่าเราอยากเลิกกินเนื้อสัตว์ ให้ท่านช่วยเราด้วย ช่วยให้กำลังใจเราด้วยให้เราทำสิ่งนี้ได้ ตอนนั้นเรามองว่าสิ่งมีชีวิตอื่นที่ไม่ใช่คนเขาก็ไม่ได้ต่างจากเรา เรามองว่าเขาก็คือจิตจิตหนึ่ง เราก็คือจิตจิตหนึ่ง เพียงแต่เขาอาจจะพลาดมากกว่าเราเลยต้องไปเกิดไปสัตว์เดรัจฉานในชาตินี้ เราเองก็เคยเวียนว่ายตายเกิดเป็นสัตว์อื่นไม่รู้เท่าไหร่ เรากับเขาก็ไม่ได้ต่างกัน หากเรามองว่าเขากับเราไม่ต่างกัน เราจะมีความเห็นใจเขามากขึ้น
นอกจากเรื่องนี้ยังมีเรื่องแปลกอีกเรื่องคือช่วงนั้นที่เรากำลังตัดสินใจว่าจะเลิกกินดีไหม หนังสือเล่มหนึ่งในห้องเรามันก็ตกลงมาจากชั้น ทั้งๆที่ห้องเราเป็นห้องแอร์ไม่เคยมีลมพัดแรง และตั้งแต่มีชั้นหนังสือมันไม่เคยมีหนังสือตก เพราะเราจัดหนังสือวางดีไม่มีหมิ่นเหม่ แต่วันนั้นหนังสือมันตกลงมา เล่มนั้นเป็นเล่มที่คนอื่นให้มาแล้วเราไม่เคยเปิดอ่านเลย วางไว้จนลืมว่ามันเป็นหนังสืออะไรก็ไม่รู้ สรุปหนังสือเล่มนั้นตกลงมาพร้อมกับเล่มอื่นอีกสองเล่ม และเล่มอื่นเราไม่สนใจเพราะเราอ่านจบแล้ว แต่เล่มนี้เราเพิ่งได้เห็นว่ามันเป็นเรื่องเกี่ยวกับการกินเจ เราก็ตงิดใจอีกแล้ว
เราเก็บหนังสือกลับคืนชั้นวาง แล้วตรวจอย่างแน่ใจว่าวางไว้อย่างดีไม่มีตกอีกแน่นอน แต่หลังจากนั้นอีกสองวันมันก็ตกลงมาอีก คราวนี้ตกลงมาเล่มเดียวและเป็นเล่มเดิมคือเล่มที่เกี่ยวกับการกินเจ คราวนี้เราค่อนข้างแน่ใจว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แล้วหลังจากนั้นไม่นานก็มีคนเอาหนังสือเกี่ยวกับการกินเจมาให้อ่านอีก เราก็เลยอ่าน ตอนที่เราไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมตอนนั้นเราก็ตั้งใจค่อยๆลดกินเนื้อสัตว์ลงนะคะ แต่....อย่างที่เราคิด ความรู้สึกนั้นค่อยๆเลือนหายไป พร้อมกับการเริ่มทานเนื้อสัตว์มากขึ้น
เรากลับมาทานเนื้อสัตว์เหมือนเดิมอย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ จนหนึ่งปีผ่านไป เราไปดูหมอ ซึ่งหมอดูคนนี้เราดูประจำทุกปี เป็นการตรวจดวงประจำปี เขาก็ทักเราว่าติดค้างอะไรสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่นะ ให้ไปทำ ไม่งั้นจะไม่ดีนะ คือปกติเราไม่ใช่คนบนบานอะไรอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นคิดได้ทันทีว่ามีแค่เรื่องเดียว แล้วก่อนหน้านี้เราไปดูหมอคนอื่นก็โดนทักเป็นเสียงเดียวกันมาสองสามหมอว่า ติดค้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้ไปแก้เสีย ไม่งั้นจะไม่ดีกับชีวิตตัวเอง หลังจากนั้นไม่นานอยู่ดีๆความรู้สึกเดิมๆก็กลับมาอีก มันเหมือนเป็นตัวช่วยเราได้มาก ก็นั่นแหละค่ะ เลยทำให้เราคิดจะเลิกอย่างจริงจังและจะไม่ทำอย่างคราวที่แล้วแล้วที่ค่อยๆลด เราเลยทำแบบที่ตัวเองถนัด นั่นคือการหักดิบเลย เลิกคือเลิกเลย แล้วก็เลิกแบบเคร่งครัดด้วย ไม่มีการเจเขี่ย น้ำซุปน้ำต้มกระดูก น้ำปลาก็ไม่กิน ยกเว้นกรณีที่มันลำบากจริงๆ หรือไม่รู้ว่ามีส่วนผสมอะไรเล็กๆน้อยๆที่เป็นเนื้อสัตว์
สิ่งที่ตามมาหลังจากเลิกทานไม่นานเราเริ่มเหม็นเนื้อสัตว์ ไม่ว่าจะสุกหรือดิบ บางทีเราไม่รู้ว่ามันมีส่วนผสมของเนื้อสัตว์ทานเข้าไปก็รู้เลยเพราะเหม็นคาวมาก ก็จะไม่กินเลยเพราะกินไม่ได้ แม้แต่บางทีอาหารไม่มีเนื้อสัตว์นะคะแต่กระทะเพิ่งทำอาหารที่เป็นเนื้อสัตว์แล้วไม่ได้ล้าง แล้วมาทำอาหารของเรา เราจะรู้ทันทีว่ากลิ่นคาวมันแรงมาก นั่นทำให้เราไม่สามารถกลับไปทานเนื้อสัตว์ได้อีก ทั้งๆที่บางคนทานเจหรือมังฯมานานกว่าเรากลับไม่มีอาการนี้ เราว่าคงเป็นเพราะเราขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยด้วยส่วนหนึ่ง นับแต่นั้นมาเราก็ทานมังสวิรัติมาปีนี้ก็จะห้าปีแล้วค่ะ เราอยากทราบเหตุผลของคนอื่นๆที่ทานเจหรือทานมังฯตลอดชีวิตค่ะ ว่าแต่ละคนเริ่มจากอะไรถึงเลิกทานเนื้อสัตว์คะ
(คำถามเข้ากับเทศกาลกินเจ) อยากถามคนที่กินเจหรือกินมังสวิรัติแบบตลอดชีวิตแต่ละท่านมีเหตุผลอะไรกันบ้างคะ
จุดเปลี่ยนมันเป็นเรื่องที่แปลกมากสำหรับเราค่ะ คืออยู่ดีๆมันก็เป็นของมันเองค่ะ เริ่มตั้งแต่ตอนเลิกทานเนื้อวัวมันก็แปลกนะคะ คือมีอยู่วันหนึ่งเรานัดเดทกับผู้ชายคนหนึ่งแล้วไปทานปิ้งย่างที่เป็นเนื้อวัว ปกติจะทานเนื้อหมูเป็นส่วนใหญ่ แต่ครั้งนั้นทานเนื้อวัว แล้วเรารู้สึกว่าเนื้อวัวนี่มันอร่อยมากๆ เสียดายแทนคนที่ไม่ทานเนื้อวัวจริงๆที่ไม่ได้ทานของอร่อยขนาดนี้ (ในความคิดของเราคือแม่กับพี่สาว) และนั่นแหละค่ะ จุดเริ่มต้น หลังจากวันนั้นเวลาที่เราจะทานเนื้อวัวทีไร มักจะมีอุปสรรค หรือมีเหตุให้ไม่ได้ทานอยู่เสมอ จนเราชักจะสังหรณ์ใจแปลกๆ ตอนแรกก็คิดว่าคิดมากไปเอง แต่หลายๆครั้งเข้าเราก็ชักตงิดใจ ถึงขนาดที่ว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งเราเห็นร้านขายก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋น เราชอบทานเนื้อตุ๋นมาก แล้วนานๆถึงจะได้ทานสักที รีบเดินเข้าไปซื้อ แต่ช่วงที่เดินเข้าไป ดันไปเห็นป้ายเล็กๆเขียนว่า หมูตุ๋น 30 บาท คือเหมือนเป็นป้ายที่ลดราคาพิเศษ เอาไว้สำหรับคนอยากทานราคาถูก คือพอเราอ่านป้ายปุ๊บ เราก็สั่งปั๊บว่าหมูตุ๋นหนึ่งชาม
พอเราได้ก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นมาอยู่ในมือแล้วเดินออกจากหน้าร้าน เราก็ตกใจ เฮ้ย สั่งไปได้ไงหมูตุ๋น เพราะเราตั้งใจมากว่าจะไปสั่งเนื้อตุ๋น นึกแล้วก็อยากเขกกะโหลกตัวเองมาก แล้วก็ยังมีอีกหลายเหตุการณ์ที่ทำให้เราคลาดกับการทานเนื้อวัว จนเรามาทำงานที่โรงแรมแห่งหนึ่ง แล้วเขามีบุฟเฟ่ท์ของโรงแรมเราก็เข้าไปทาน และแน่นอนมีเมนูเนื้อผัดน้ำมันหอยด้วย เราก็เข้าไปตักมาทานเลยค่ะ แต่เนื้อวันนั้นมันช่างเหนียวเหลือเกิน ไม่ได้อร่อยเหมือนวันไปทานปิ้งย่างวันนั้นเลย เราก็เลยคิด ถ้าเนื้อมันไม่อร่อยเราจะกินทำไม หากินก็ยาก แพงก็แพงกว่าเนื้อหมู อยู่ดีๆมันเป็นความคิดประหลาดๆของเราคิดออกมาเองค่ะ เพราะเราตงิดใจหลายครั้งเรื่องคลาดกับการกินเนื้อวัวหลายครั้ง เราก็คิดในใจว่าถ้าเราได้กินเมนูเนื้อวัวอีกครั้งหนึ่งแล้วมันไม่อร่อยนะ เราจะเลิกกินเนื้อวัวตลอดชีวิต
ตอนที่เรากินอาหารที่โรงแรมเป็นมือกลางวันค่ะ มื้อเย็นวันนั้นเราก็เอาเลย ออกไปหาเมนูเนื้อวัวทานนอกโรงแรม แล้วก็ไปเจอพอดี เป็นก๋วยเตี๋ยวรถเข็นที่เป็นก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นเนื้อชื่อดัง ยี่ห้อนี้เราเคยกินนะคะ อร่อยด้วย เราก็สั่งเลยค่ะ สั่งมาทานหนึ่งชาม มันมีทั้งลูกชิ้นเนื้อแล้วก็เนื้อวัวด้วย พอเรากินเข้าไปคำแรกเท่านั้นค่ะ ขอบอกเลยว่าไม่เคยกินเนื้อวัวที่ไหนที่รสชาติแย่เท่านี้มาก่อนในชีวิต คือมันทั้งเหนียว ทั้งเหม็น มันเหม็นแบบเหม็นมากเลยค่ะ จนเราเลิกกินเลย พร้อมคิดในใจว่า เอาเนื้อแย่ๆขนาดนี้มาขายไม่เจ๊งหรือไง ว่าแล้วคือเราก็เลยต้องทำตามที่คิดไว้ค่ะ เพราะเราเป็นคนที่ถือเรื่องสัจจะมาก ถึงจะแค่คิดก็ตาม เราถือว่านี่คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ก็เลยเลิกทานเนื้อวัวตั้งแต่นั้น สำหรับเราเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องแปลกแล้วนะคะ แต่เรื่องที่ทำให้เราต้องทานมังสวิรัติตลอดชีวิตกลับเป็นเรื่องที่แปลกกว่า
หลายปีต่อมาเราก็มีอาการแปลกๆ เรียกว่าอยู่ดีๆก็เห็นสภาวธรรมทั้งๆที่ไม่เคยปฏิบัติภาวนาใดๆมาก่อน เนื้อหาตามกระทู้นี้ http://pantip.com/topic/35656186 แต่ถ้าใครไม่สนใจเรื่องนี้ก็ข้ามๆไปก็ได้นะคะ หลังจากนั้นชีวิตเราก็เปลี่ยนไปเยอะ เจออะไรแปลกๆเยอะ หนึ่งในนั้นคือสิ่งที่ทำให้เราต้องเลิกทานเนื้อสัตว์ มีอยู่วันหนึ่งเราไปเดินซุปเปอร์มาเก็ตกับคุณแม่ ตรงที่เป็นส่วนที่ขายเนื้อสัตว์ มันจะเป็นแผงขายเนื้อไก่ ปลา อาหารทะเลสดๆ โดยปกติเราก็จะเห็นว่าสิ่งพวกนี้เป็นอาหาร เราก็จะคิดว่าให้คุณแม่ซื้ออันนั้นอันนี้นะ จะได้เอากลับไปทำเป็นอาหารจานั้นจานนี้ แต่วันนั้นเป็นวันที่แปลกประหลาดที่สุดของเรา คือเรากลับไม่มีความยินดีที่จะได้เห็นหรืออยากจะซื้ออาหารสดพวกนี้เลย
เราเห็นว่าไก่ เป็ด ปลา กุ้ง ฯลฯ พวกนี้ไม่ใช่อาหาร แต่เราเห็นว่ามันคือซากศพ เราเห็นว่าซุปเปอร์มาเก็ตแห่งนี้ไม่ใช่ที่ขายอาหาร แต่เป็นเหมือนสุสาน เรารู้สึกสลดหดหู่ใจอย่างมาก ความรู้สึกของเราเวลาที่มองเจ้าพวกซากสัตว์พวกนี้ไม่ได้แตกต่างจากความรู้สึกที่เห็นภาพข่าวตอนที่เกิดการสังหารหมู่ ที่เห็นศพคนนอนตายแล้วถูกนำมากองรวมกัน ภาพข่าวที่เห็นศพเป็นสิบเป็นร้อยโดนโยนทิ้งน้ำตอนที่มีการปฏิวัติหรือที่ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ มันเป็นอะไรที่สลดหดหู่มากๆ และหลังจากนั้นเป็นต้นมา เราไม่สามารถกินเนื้อสัตว์ได้ด้วยความสบายใจเหมือนเดิม
รสชาติอาหารนั้นเหมือนเดิมแต่สภาพจิตใจเราไม่เหมือนเดิม เรารู้สึกแย่ทุกครั้งที่กินเนื้อสัตว์ มันเป็นความเศร้า ความสงสาร ความรู้สึกผิดผสมปนเปไปหมด ยิ่งเราไปดูสารคดีที่เขาไปถ่ายตลาดปลาของญี่ปุ่น ที่เขาจะมีประมูลปลาทูน่าทะเลตัวใหญ่ๆ เราเห็นปลาทูน่าโดนตัดหัวแล้วมาวางเรียงกันเยอะมาก สุดลูกหูลูกตา แป๊บเดียวมีการประมูลกันไปไม่นานก็ขายจนหมด เราเห็นแล้วรู้สึกอนาถใจมากว่าทำไมวันๆหนึ่งคนเราถึงฆ่าสิ่งมีชีวิตอื่นได้มากมายขนาดนี้ แค่ดูสารคดีธรรมดาๆแต่เรากลับนั่งร้องไห้ รู้สึกเหมือนตัวเองบ้าไปแล้ว จนเราคิดว่าเราคงอยู่แบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว เรากินเนื้อสัตว์เหมือนเดิมไม่ได้แล้ว มันไม่อร่อยเหมือนเดิม เพราะสภาพจิตใจเราไม่เหมือนเดิม เราไม่ได้ดัดจริตนะคะ แต่มันเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นเองที่เราก็ควบคุมมันไม่ได้
แต่เราเข้าใจว่าทุกอย่างมันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เราคิดว่าไม่นานความรู้สึกแบบนี้ก็คงจางหายไป แต่ในเมื่อเรารู้แล้วว่าสัตว์พวกนี้น่าสงสารขนาดไหน เราก็เลยคิดว่าเราอยากจะเลิกทานเนื้อสัตว์ตลอดชีวิต แต่เรากลัวว่าเราจะทำไม่ได้ หรือเลิกไปไม่ได้นานก็กลับมากินใหม่ เราเลยไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมแล้วบอกท่านว่าเราอยากเลิกกินเนื้อสัตว์ ให้ท่านช่วยเราด้วย ช่วยให้กำลังใจเราด้วยให้เราทำสิ่งนี้ได้ ตอนนั้นเรามองว่าสิ่งมีชีวิตอื่นที่ไม่ใช่คนเขาก็ไม่ได้ต่างจากเรา เรามองว่าเขาก็คือจิตจิตหนึ่ง เราก็คือจิตจิตหนึ่ง เพียงแต่เขาอาจจะพลาดมากกว่าเราเลยต้องไปเกิดไปสัตว์เดรัจฉานในชาตินี้ เราเองก็เคยเวียนว่ายตายเกิดเป็นสัตว์อื่นไม่รู้เท่าไหร่ เรากับเขาก็ไม่ได้ต่างกัน หากเรามองว่าเขากับเราไม่ต่างกัน เราจะมีความเห็นใจเขามากขึ้น
นอกจากเรื่องนี้ยังมีเรื่องแปลกอีกเรื่องคือช่วงนั้นที่เรากำลังตัดสินใจว่าจะเลิกกินดีไหม หนังสือเล่มหนึ่งในห้องเรามันก็ตกลงมาจากชั้น ทั้งๆที่ห้องเราเป็นห้องแอร์ไม่เคยมีลมพัดแรง และตั้งแต่มีชั้นหนังสือมันไม่เคยมีหนังสือตก เพราะเราจัดหนังสือวางดีไม่มีหมิ่นเหม่ แต่วันนั้นหนังสือมันตกลงมา เล่มนั้นเป็นเล่มที่คนอื่นให้มาแล้วเราไม่เคยเปิดอ่านเลย วางไว้จนลืมว่ามันเป็นหนังสืออะไรก็ไม่รู้ สรุปหนังสือเล่มนั้นตกลงมาพร้อมกับเล่มอื่นอีกสองเล่ม และเล่มอื่นเราไม่สนใจเพราะเราอ่านจบแล้ว แต่เล่มนี้เราเพิ่งได้เห็นว่ามันเป็นเรื่องเกี่ยวกับการกินเจ เราก็ตงิดใจอีกแล้ว
เราเก็บหนังสือกลับคืนชั้นวาง แล้วตรวจอย่างแน่ใจว่าวางไว้อย่างดีไม่มีตกอีกแน่นอน แต่หลังจากนั้นอีกสองวันมันก็ตกลงมาอีก คราวนี้ตกลงมาเล่มเดียวและเป็นเล่มเดิมคือเล่มที่เกี่ยวกับการกินเจ คราวนี้เราค่อนข้างแน่ใจว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แล้วหลังจากนั้นไม่นานก็มีคนเอาหนังสือเกี่ยวกับการกินเจมาให้อ่านอีก เราก็เลยอ่าน ตอนที่เราไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมตอนนั้นเราก็ตั้งใจค่อยๆลดกินเนื้อสัตว์ลงนะคะ แต่....อย่างที่เราคิด ความรู้สึกนั้นค่อยๆเลือนหายไป พร้อมกับการเริ่มทานเนื้อสัตว์มากขึ้น
เรากลับมาทานเนื้อสัตว์เหมือนเดิมอย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ จนหนึ่งปีผ่านไป เราไปดูหมอ ซึ่งหมอดูคนนี้เราดูประจำทุกปี เป็นการตรวจดวงประจำปี เขาก็ทักเราว่าติดค้างอะไรสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่นะ ให้ไปทำ ไม่งั้นจะไม่ดีนะ คือปกติเราไม่ใช่คนบนบานอะไรอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นคิดได้ทันทีว่ามีแค่เรื่องเดียว แล้วก่อนหน้านี้เราไปดูหมอคนอื่นก็โดนทักเป็นเสียงเดียวกันมาสองสามหมอว่า ติดค้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้ไปแก้เสีย ไม่งั้นจะไม่ดีกับชีวิตตัวเอง หลังจากนั้นไม่นานอยู่ดีๆความรู้สึกเดิมๆก็กลับมาอีก มันเหมือนเป็นตัวช่วยเราได้มาก ก็นั่นแหละค่ะ เลยทำให้เราคิดจะเลิกอย่างจริงจังและจะไม่ทำอย่างคราวที่แล้วแล้วที่ค่อยๆลด เราเลยทำแบบที่ตัวเองถนัด นั่นคือการหักดิบเลย เลิกคือเลิกเลย แล้วก็เลิกแบบเคร่งครัดด้วย ไม่มีการเจเขี่ย น้ำซุปน้ำต้มกระดูก น้ำปลาก็ไม่กิน ยกเว้นกรณีที่มันลำบากจริงๆ หรือไม่รู้ว่ามีส่วนผสมอะไรเล็กๆน้อยๆที่เป็นเนื้อสัตว์
สิ่งที่ตามมาหลังจากเลิกทานไม่นานเราเริ่มเหม็นเนื้อสัตว์ ไม่ว่าจะสุกหรือดิบ บางทีเราไม่รู้ว่ามันมีส่วนผสมของเนื้อสัตว์ทานเข้าไปก็รู้เลยเพราะเหม็นคาวมาก ก็จะไม่กินเลยเพราะกินไม่ได้ แม้แต่บางทีอาหารไม่มีเนื้อสัตว์นะคะแต่กระทะเพิ่งทำอาหารที่เป็นเนื้อสัตว์แล้วไม่ได้ล้าง แล้วมาทำอาหารของเรา เราจะรู้ทันทีว่ากลิ่นคาวมันแรงมาก นั่นทำให้เราไม่สามารถกลับไปทานเนื้อสัตว์ได้อีก ทั้งๆที่บางคนทานเจหรือมังฯมานานกว่าเรากลับไม่มีอาการนี้ เราว่าคงเป็นเพราะเราขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยด้วยส่วนหนึ่ง นับแต่นั้นมาเราก็ทานมังสวิรัติมาปีนี้ก็จะห้าปีแล้วค่ะ เราอยากทราบเหตุผลของคนอื่นๆที่ทานเจหรือทานมังฯตลอดชีวิตค่ะ ว่าแต่ละคนเริ่มจากอะไรถึงเลิกทานเนื้อสัตว์คะ