ก่อนอื่นขอฝากตัวก่อนนะคะ เราเขียนครั้งแรกเลย ^^
ทริปนี้เป็นทริปที่เรียกได้ว่า
"จะไหวเหรอวะ" 55 เพราะประเทศที่เรากำลังจะไปเยือนครั้งนี้คือ
ประเทศเวียดนาม เป็นประเทศที่ไม่มีในลิสต์ของการเดินทางของเราก่อนเลย "ซาปา" คืออะไร ที่ไหน ไม่รู้จัก แต่เพื่อนชวนก็ไม่พลาด แต่ก่อนถึงวันเดินทางเราอ่านกระทู้ ศึกษาข้อมูลแล้วทำให้เรารู้ว่า อ้าวเฮ้ย...ไปเองจะไหวเหรอฟระ เราเลยตัดสินใจจองผ่าน Agency ที่รู้จัก
แล้ววันเดินก็ทางมาถึง เราตื่นออกจากบ้านเพื่อไปถึงสนามบินตอนตี 5 เพราะไฟล์ทออกตอน 06:45น.
แล้วพวกเราก็เดินทางถึงเวียดนามในเวลา 8:30น. ใช้เวลาเดินทางก็ราวๆ ชั่วโมงครึ่ง ลงที่สนามบินนอยไบ สนามบินแห่งใหม่ของฮานอย พวกเราผ่านด่านออกมาได้ด้วยดี ลืมบอกไป ทริปนี้มีผู้ร่วมชะตากรรมทั้งหมด 6 คน พอออกมาก็เจอคนขับรถยืนถือป้ายรอเรียบร้อย ตอนแรกเราก็คิดสารพัดว่าจะพาพวกกรูไปตุ๋นมั๊ยหนอ แต่พอเห็นรถที่มารับ โอเคร ทริปนี้ท่าทางจะออกมาสวย
รถที่มารับดูดีและถูกใจพวกเรามาก กว้างและก็สะอาด (ปลื้มกันไป)

วิวระหว่างทางจากสนามบินมาโรงแรม บ้านหรือที่พักของคนเวียดนามเค้าก็นิยมสร้างเป็นทรงสูงประมาณ 3-4 ชั้น ตามรูป
อีกไม่นานก็ถึงโรงแรมที่เราจองห้องพัก 1 ห้อง สำหรับเก็บกระเป๋าและอาบน้ำก่อนขึ้นรถไฟคืนนี้ พอถึงที่พัก เราทั้งหมดเรียกได้ว่าหิวโซเลยทีเดียว พูดแล้วไม่รอช้า เดินค่าเดิน เดินไปหาของกิน

สิ่งแรกที่เราต้องทำความคุ้นเคยกับเวียดนามคือ “การข้ามถนน” การข้ามถนนที่นี่ทำให้เรารู้ว่า เดินหน้าแล้วต้องไม่หันหลังกลับ 55 ที่สำคัญการจราจรของเวียดนามจะมีไฟแดงน้อยส่วนมากจะมีตามแยกใหญ่ๆ ใครจะไปทางไหนก็บีบแตรกันไปปปปป ฉนั้นเสียงแตรจะดังมากกกก นึกภาพก็เหมือนเสียงจิ้งหรีดหน้าฝนอ่าคะ 555

และแล้วก็มาถึงร้านอาหาร มื้อแรกของเราคือ เฝอไก่
หน้าตาจืดๆ แต่รสชาติอร่อยใช้ได้เลยทีเดียว (หรือหิวก็ไม่รู้ 55)

จากนั้นเราก็เดินทางต่อ เพราะร่างกายต้องการคาเฟอีน พวกเราเลยแวะร้าน “The Hanoi Social Club” เมนูแนะนำที่เราเองก็ไม่พลาด “กาแฟไข่” งงใช่มะ

หน้าตาเป็นแบบนี้ รสชาติละมุนลิ้น อร่อยแปลกๆ แต่กาแฟเวียดนามขอบอกว่าแก้วเดียวจอด เข้มข้นมากมาย
บรรยากาศภายในร้านก็ประมาณนี้ค่ะ
อากาศวันนี้ร้อนจนอยากถอดเสื้อเดิน ระหว่างทางก็ผ่านร้านต่างๆ ที่นั่งเก้าอี้ซักผ้าพร้อมโต๊ะเตี้ยๆ พวกเราไม่คิดมาก นั่งเลยจ้า สั่งน้ำเย็นเบาๆ กินแก้กระหาย บอกเลย ผุชายเวียดนามงานดีมากมายแต่เดี๋ยวก่อนไม่ใช่อีตาที่นั่งตรงนั้นนะคะ เป็นเด็กที่ร้านนี้คะ มองด้วยตาแต่ดันลืมแอบถ่ายรูปมาฝาก555
ระหว่างนั่งรอน้ำดื่มก็กางแผนที่กันไปค่ะ

หลังจากพักผึ่งพุงเราก็เดินทางต่อไปยัง “วิหารวรรณกรรม” โรงเรียนแห่งแรกของเวียดนาม ที่สอนวิชาทางการแพทย์


เดินต่อไปข้างในเพื่อกราบไหว้ขอพรเทพอันศักดิ์สิทธิ์ รวมไปถึงรูปปั้นนกกระเรียนเหยียบหลังเต่าที่ชาวเวียดนามมีความเชื่อว่า ช่วยเสริมสิริมงคล

ต่อจากนั้นเราก็ไปเยี่ยมลุงโฮที่ “สุสานโฮจิมินห์” ก่อนเข้าไปถึงเราเจอ “เจดีย์เสาเดียว” ที่อยู่บริเวณนั้นพอดี เราไปถึงบริเวณนั่นประมาณบ่าย 3 โมงเย็น ทำให้เราได้แค่เดินในพิพิธภัณฑ์อย่างเดียว พอจะมาถ่ายรูปที่หน้าสุสานโดนทหารไล่จ้า สรุปเราก็หันหลังกลับ และแล้วสิ่งที่เรากลัวก็โดนจนได้ “แท็กซี่เวียดนาม” เป็นสิ่งที่น่ากลัวมากสำหรับพวกเรา เพราะเค้าจะมีกลโกงหลายรูปแบบ ระยะทาง 3 กิโลเมตร จากสุสานกลับมาที่โรงแรมถ้าสภาพอากาศปกติ เราก็จะเดินกันกลับ แต่นี่ร้อนมาก ทำให้พวกเราตัดสินใจนั่ง TAXI แถวบริเวณนั้น ระหว่างที่เรานั่งอยู่ก็เม้ามอยกันไป เงยหน้ามาดูมิเตอร์อีกทีสงสัยเบาๆว่าทำไม มิเตอร์วิ่งเร็วมาก สรุปเราต้องจ่ายค่า TAXI คันละ 200 บาท กับระยะทาง 3 กิโลเมตร T_T ทำให้พวกเราระแวงการนั่ง TAXI ที่นี่ไปเลย
เรากลับมาโรงแรมตอน 5 โมงเย็น รถจะมารับเราไปสถานีรถไฟตอน 2 ทุ่ม ทำให้เราต้องรีบกินมื้อเย็นเพื่อไปอาบน้ำและเตรียมตัวเดินทาง

ร้านที่เราแวะไปทานเป็นร้าน 3 ชั้น สภาพดูดี อ่อที่สำคัญมีราคาบอก เพราะถ้าร้านไหนไม่มีราคาไม่แนะนำให้เข้าไปทาน คุณอาจจะโดนฟันหัวแบะออกมาได้

กินคาวไม่กินหวานไม่ได้นะคะ ไปเจอร้านขายขนมก็เลยจัดไป (ไม่อร่อย เสียดายเงิน)

พอเราเตรียมตัวอาบน้ำ เก็บกระเป๋าเรียบร้อย Agancy ที่เราจองผ่านมาก็มารับเราที่โรงแรมเพื่อไปส่งที่สถานีรถไฟ

รถไฟออกตรงเวลามาก ที่สำคัญนอนหลับสบายมากด้วย 55 พอใกล้ถึงจะมีเจ้าหน้าที่มาเคาะห้องว่าใกล้ถึงแล้วให้เตรียมตัว
ลงจากรถไฟที่สถานที Lao Cai ก็เจอเลยค่า แท็กซี่จะมาออกันที่ทางลงเพื่อถามว่าคุณมีรถหรือยัง แต่เรามีรถมารอรับเรียบร้อยแล้ว เป็นรถตู้คันใหญ่ที่เหมือนกับตอนที่ไปรับที่สนามบินเลย เราจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงจาก Lao Cai ไป Sapa
***มาต่อพรุ่งนี้นะคะ***
มาแล้วจ้าาาาาาาา....
และแล้วพวกเราก็เดินทางมาถึง Lao Cai ด้วยใจมุ่งมั่น ซาปาอยู่อีกไม่ไกล พอออกจากสถานีรถไฟเราก็เจอคนขับรถตู้ชูป้ายชื่อของเราเรียบร้อย
วิวแรกที่เราเจอที่นี่ สวยงามแบบที่เรียกว่า นี่คือเวียดนามจริงๆเหรอ

พวกเราก็รีบขึ้นรถตู้เพื่อเดินทางต่อไปซาปา

รูปนี้มีที่มา คือว่า...เพื่อนของเราปวดฉี่พอดี เห็นหลักกิโลก็พอจะเข้าใจว่าไม่ไหวแน่ๆ เราเลยต้องให้รถจอดไปเด็ดดอกไม้ แล้วนั่นรถแบบที่เรานั่งจาก Lao Cai ไป Sapa
พอถึงโรงแรมพวกเราเช็คอินเข้าโรงแรมก็ไปอาบน้ำและทานอาหารเช้าที่เค้าจัดเตรียมให้ พร้อมออกเดินทางเพราะไกด์ท้องถิ่นรอพาเราไป Cat Cat Village

ถึงเวลาเราก็เดินซิคะ รออะไร ระหว่างทางวิวสวย และเดินช้อปปิ้งจนหายเหนื่อยกันเลยทีเดียว ร้านค้าที่ขายส่วนมากเป็นผ้าทอมือ และงานฝีมือต่างๆ ที่ชาวบ้านทำขึ้นมาขายให้กับนักท่องเที่ยว


เราลืมบอกไประหว่างทางที่เราเดินไปนั้นมีเพื่อนร่วมเดินทาง เป็นชาวบ้านละแวกนั้นที่ทำของมาขายให้กับนักท่องเที่ยว แต่ต้องบอกว่าค่อนข้างตื้อมากมาย กว่าจะหลุดมาได้ทำเอาเหนื่อยเอาการ

วันนี้เป็นการ Trekking แบบครึ่งวันทำให้ช่วงบ่ายเรายังมีเวลา เลยได้คุยกับไกด์ให้ช่วยหารถ Taxi ให้เราเพื่อไปเที่ยวต่อ เราตัดสินใจกันอยู่นานว่าจะไปน้ำตก Silver หรือไปขึ้นกระเช้าที่ยอดเขาฟานซีปัน เพราะระหว่างทางที่เราเดินที่ Cat Cat Village นั้น เรามองเห็นเคเบิ้ลคาร์ที่ดึงดูดใจพวกเรามาก สุดท้ายเราก็เลือกไปยอดเขาฟานซีปัน ซึ่งเป็นภูเขาที่มีความสูงที่สุดในประเทศเวียดนามด้วยความสูง 3,143 เมตร โดยได้ฉายาว่า "หลังคาแห่งอินโดจีน" ลืมบอกไป!!! เรามีเวลาคืนเดียวที่ซาปา วันพรุ่งนี้เราก็มีแพลนที่จะไปเดินหมู่บ้านต่าฟาน เราเลยต้องโหวตว่าเราจะไปที่ไหนในช่วงบ่ายของวันนี้

เราจะนั่งเคเบิ้ลคาร์แบบนี้ไปยอดเขา

ภายในเคเบิ้ลคาร์นี้ใหญ่มาก นั่งได้ประมาณ 15 คนเลยทีเดียว ทำให้เราไม่รู้สึกกลัวมากนัก

วิวที่มองลงมาจากเคเบิ้ล สวยและสูงเช่นกัน แอบเสียวเบาๆ 55

พอลงจากเคเบิ้ลคาร์ เราก็จะเดินมาเจอวิวแบบนี้ อากาศข้างบนตอนที่เราไปประมาณ 12 องศา (ไร้เสื้อคลุม) สั่นเล็กๆ พอเป็นพิธี เรามาถึงที่นี่สูงแล้วแต่ยังไม่สุด เราต้องเดินขึ้นบันไดต่อไปเพื่อไปยังยอดเขา

ผู้พิชิตยอดเขา 55 แล้วพวกเราก็นั่งเคเบิ้ลคาร์กลับลงมา มาเจอศาลเจ้า

แวะไหว้พระขอพรกันซักหน่อย เพื่อความเป็นสิริมงคล แล้วพวกเราก็กลับมาเพื่อให้ทันอาหารเย็นที่โรงแรมได้เตรียมไว้ให้

ทานอาหารเสร็จเราก็ออกเดินไปในตัวเมืองซาปากันต่อ เราจะไปดู Night Life กัน

โบสถ์สีสรรสวยงาม

พรุ่งนี้ไกด์บอกว่าเราต้องเดินไปเยี่ยมบ้านของนาง คืนนี้เราขอนอนพักเอาแรงกันก่อนนะคะ
วันนี้ไกด์มารอเราตั้งแต่ 8.30 น. เราออกเดินจากโรงแรมไปเยี่ยมบ้านไกด์ที่ Ta Van Village

วิวระหว่างทาง

เดิน เดิน แล้วก็เดิน

หันมาอีกที อุ๊ยน้ำตกเล็กๆ ตลอดเส้นทาง ทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมา

[img]http://f.ptcdn.info/513/046/00
ฮานอย ซาปา ฮาลองเบย์ สนุกกว่าที่คิด
ทริปนี้เป็นทริปที่เรียกได้ว่า "จะไหวเหรอวะ" 55 เพราะประเทศที่เรากำลังจะไปเยือนครั้งนี้คือ ประเทศเวียดนาม เป็นประเทศที่ไม่มีในลิสต์ของการเดินทางของเราก่อนเลย "ซาปา" คืออะไร ที่ไหน ไม่รู้จัก แต่เพื่อนชวนก็ไม่พลาด แต่ก่อนถึงวันเดินทางเราอ่านกระทู้ ศึกษาข้อมูลแล้วทำให้เรารู้ว่า อ้าวเฮ้ย...ไปเองจะไหวเหรอฟระ เราเลยตัดสินใจจองผ่าน Agency ที่รู้จัก
แล้วพวกเราก็เดินทางถึงเวียดนามในเวลา 8:30น. ใช้เวลาเดินทางก็ราวๆ ชั่วโมงครึ่ง ลงที่สนามบินนอยไบ สนามบินแห่งใหม่ของฮานอย พวกเราผ่านด่านออกมาได้ด้วยดี ลืมบอกไป ทริปนี้มีผู้ร่วมชะตากรรมทั้งหมด 6 คน พอออกมาก็เจอคนขับรถยืนถือป้ายรอเรียบร้อย ตอนแรกเราก็คิดสารพัดว่าจะพาพวกกรูไปตุ๋นมั๊ยหนอ แต่พอเห็นรถที่มารับ โอเคร ทริปนี้ท่าทางจะออกมาสวย
รถที่มารับดูดีและถูกใจพวกเรามาก กว้างและก็สะอาด (ปลื้มกันไป)
อีกไม่นานก็ถึงโรงแรมที่เราจองห้องพัก 1 ห้อง สำหรับเก็บกระเป๋าและอาบน้ำก่อนขึ้นรถไฟคืนนี้ พอถึงที่พัก เราทั้งหมดเรียกได้ว่าหิวโซเลยทีเดียว พูดแล้วไม่รอช้า เดินค่าเดิน เดินไปหาของกิน
สิ่งแรกที่เราต้องทำความคุ้นเคยกับเวียดนามคือ “การข้ามถนน” การข้ามถนนที่นี่ทำให้เรารู้ว่า เดินหน้าแล้วต้องไม่หันหลังกลับ 55 ที่สำคัญการจราจรของเวียดนามจะมีไฟแดงน้อยส่วนมากจะมีตามแยกใหญ่ๆ ใครจะไปทางไหนก็บีบแตรกันไปปปปป ฉนั้นเสียงแตรจะดังมากกกก นึกภาพก็เหมือนเสียงจิ้งหรีดหน้าฝนอ่าคะ 555
และแล้วก็มาถึงร้านอาหาร มื้อแรกของเราคือ เฝอไก่
หน้าตาจืดๆ แต่รสชาติอร่อยใช้ได้เลยทีเดียว (หรือหิวก็ไม่รู้ 55)
จากนั้นเราก็เดินทางต่อ เพราะร่างกายต้องการคาเฟอีน พวกเราเลยแวะร้าน “The Hanoi Social Club” เมนูแนะนำที่เราเองก็ไม่พลาด “กาแฟไข่” งงใช่มะ
บรรยากาศภายในร้านก็ประมาณนี้ค่ะ
อากาศวันนี้ร้อนจนอยากถอดเสื้อเดิน ระหว่างทางก็ผ่านร้านต่างๆ ที่นั่งเก้าอี้ซักผ้าพร้อมโต๊ะเตี้ยๆ พวกเราไม่คิดมาก นั่งเลยจ้า สั่งน้ำเย็นเบาๆ กินแก้กระหาย บอกเลย ผุชายเวียดนามงานดีมากมายแต่เดี๋ยวก่อนไม่ใช่อีตาที่นั่งตรงนั้นนะคะ เป็นเด็กที่ร้านนี้คะ มองด้วยตาแต่ดันลืมแอบถ่ายรูปมาฝาก555
ระหว่างนั่งรอน้ำดื่มก็กางแผนที่กันไปค่ะ
หลังจากพักผึ่งพุงเราก็เดินทางต่อไปยัง “วิหารวรรณกรรม” โรงเรียนแห่งแรกของเวียดนาม ที่สอนวิชาทางการแพทย์
เดินต่อไปข้างในเพื่อกราบไหว้ขอพรเทพอันศักดิ์สิทธิ์ รวมไปถึงรูปปั้นนกกระเรียนเหยียบหลังเต่าที่ชาวเวียดนามมีความเชื่อว่า ช่วยเสริมสิริมงคล
ต่อจากนั้นเราก็ไปเยี่ยมลุงโฮที่ “สุสานโฮจิมินห์” ก่อนเข้าไปถึงเราเจอ “เจดีย์เสาเดียว” ที่อยู่บริเวณนั้นพอดี เราไปถึงบริเวณนั่นประมาณบ่าย 3 โมงเย็น ทำให้เราได้แค่เดินในพิพิธภัณฑ์อย่างเดียว พอจะมาถ่ายรูปที่หน้าสุสานโดนทหารไล่จ้า สรุปเราก็หันหลังกลับ และแล้วสิ่งที่เรากลัวก็โดนจนได้ “แท็กซี่เวียดนาม” เป็นสิ่งที่น่ากลัวมากสำหรับพวกเรา เพราะเค้าจะมีกลโกงหลายรูปแบบ ระยะทาง 3 กิโลเมตร จากสุสานกลับมาที่โรงแรมถ้าสภาพอากาศปกติ เราก็จะเดินกันกลับ แต่นี่ร้อนมาก ทำให้พวกเราตัดสินใจนั่ง TAXI แถวบริเวณนั้น ระหว่างที่เรานั่งอยู่ก็เม้ามอยกันไป เงยหน้ามาดูมิเตอร์อีกทีสงสัยเบาๆว่าทำไม มิเตอร์วิ่งเร็วมาก สรุปเราต้องจ่ายค่า TAXI คันละ 200 บาท กับระยะทาง 3 กิโลเมตร T_T ทำให้พวกเราระแวงการนั่ง TAXI ที่นี่ไปเลย
เรากลับมาโรงแรมตอน 5 โมงเย็น รถจะมารับเราไปสถานีรถไฟตอน 2 ทุ่ม ทำให้เราต้องรีบกินมื้อเย็นเพื่อไปอาบน้ำและเตรียมตัวเดินทาง
ลงจากรถไฟที่สถานที Lao Cai ก็เจอเลยค่า แท็กซี่จะมาออกันที่ทางลงเพื่อถามว่าคุณมีรถหรือยัง แต่เรามีรถมารอรับเรียบร้อยแล้ว เป็นรถตู้คันใหญ่ที่เหมือนกับตอนที่ไปรับที่สนามบินเลย เราจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงจาก Lao Cai ไป Sapa
***มาต่อพรุ่งนี้นะคะ***
มาแล้วจ้าาาาาาาา....
และแล้วพวกเราก็เดินทางมาถึง Lao Cai ด้วยใจมุ่งมั่น ซาปาอยู่อีกไม่ไกล พอออกจากสถานีรถไฟเราก็เจอคนขับรถตู้ชูป้ายชื่อของเราเรียบร้อย
วิวแรกที่เราเจอที่นี่ สวยงามแบบที่เรียกว่า นี่คือเวียดนามจริงๆเหรอ
พอถึงโรงแรมพวกเราเช็คอินเข้าโรงแรมก็ไปอาบน้ำและทานอาหารเช้าที่เค้าจัดเตรียมให้ พร้อมออกเดินทางเพราะไกด์ท้องถิ่นรอพาเราไป Cat Cat Village
วันนี้ไกด์มารอเราตั้งแต่ 8.30 น. เราออกเดินจากโรงแรมไปเยี่ยมบ้านไกด์ที่ Ta Van Village