คืนหลอน นอนคนเดียว

กระทู้สนทนา
สวัสดีค่ะ
กระทู้นี้เราจะเอาเรื่องที่เกิดขึ้นสดๆร้อนๆมาเล่าให้ฟัง เป็นเรื่องที่หลานสาวของเราเจอมากับตัวเอง  ขอใช้ชื่อแทนตัวเองว่าเอม และหลานชื่อแอนค่ะ แอนอายุ15ย่าง16ปี เอมและแอนสนิทกันมาก แต่เอมต้องมาทำงานต่างจังหวัดพอนานเข้าก็ไม่ค่อยได้คุยกันบ่อยเหมือนเมื่อก่อน เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาทางครอบครัวเราทั้งหมดต้องเดินทางไปต่างจังหวัดเพื่อร่วมงานแต่งงานของอา ยกเว้นก็แต่เจ้าแอนที่ต้องอยู่บ้านคนเดียวเพราะติดสอบพอดีจึงไม่ได้เดินทางไปด้วย ขอนอกเรื่องอธิบายลักษณะตัวบ้านที่เจ้าแอนอาศัยอยู่กับปู่และย่าก่อนนะคะ บ้านเป็นบ้านยกสูงสองชั้น ข้างบนเป็นไม้โครงเดิมเก่ามากเพราะไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลยตั้งแต่รุ่นทวดของทวดมีทั้งหมด2ห้องนอน ส่วนด้านล่างเป็นปูน มีทั้งหมด 2ห้องนอน 1 ห้องครัว และ1 ห้องน้ำนอกบ้าน  เจ้าแอนเป็นลูกลุงกับป้าเราค่ะแต่เพราะปู่กับย่าเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กแกเลยหวงมากไม่ยอมให้ไปอยู่กับพ่อแม่ เจ้าแอนเองมันก็ชอบเหมือนกัน เพราะปู่ย่าตามใจ ไปไหนไม่เคยห้าม แถมขอเงินแกได้ตลอด
เรื่องมันเกิดขึ้นในคืนที่2ที่แอนนอนคนเดียว ในห้องแอนจะมีหน้าต่างข้างเตียง ซึ่งนิสัยส่วนตัวของแอนเวลานอนคือชอบเปิดหน้าต่างสองบานนี้เอาไว้รับลม ถัดจากหน้าต่างลงมาประมาน30เซน จะเป็นหลังคาครัวที่ต่อออกไป ทำให้แอนกล้าเปิดหน้าต่างนอนได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครปีนขึ้นมาได้ หรือต่อให้ปีนขึ้นมาก็จะได้ยินเสียงของสังกะสีดัง ทำให้รู้สึกตัวได้ก่อน เวลาประมาณตีหนึ่งเห็นจะได้ แอนได้ยินเสียงเหมือนมีคนจามฟุดฟิดอยู่ใกล้ๆ แต่ตอนนั้นแอนหลับสนิทมากเลยไม่ได้สนใจ สักพักเสียงจามนั้นก็ดังขึ้นอีก
แอนลืมตาขึ้นมามองออกไปที่หน้าต่างก่อนเลยเพื่อให้ตาได้ปรับรับจุดที่มีแสงสว่างส่องเข้ามา และก็ต้องตัวร้อนวูบตั้งแต่ตาตุ่มขึ้นมายันหัว แอนเห็นเงาผู้ชายร่างผอมเหมือนจะหัวล้านด้วยยืนอยู่นอกหน้าต่างซึ่งก็ใกล้พอสมควรเพราะเตียงของแอนติดกับประตูประตูหน้าต่างบานนั้นเลย แอนหลับตาปี๋ก่อนจะกลั้นใจลืมตาอีกที แต่เงาของผู้ชายคนนั้นก็หายไปแล้ว  แอนบอกตัวเองว่าวันนี้เป็นคืนเดือนมืดสงสัยจะหลับเพลินจนเป็นบ้านอนล่ะมั้งเลยทำให้เห็นภาพหลอน จากนั้นแอนก็หลับต่อจนเช้า แอนเดินทางไปเรียนปรกติในใจก็พลางคิดว่าเรื่องเมื่อคืนเป็นความฝันหรือความจริงกันแน่ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจมาก พอเจอเพื่อนได้คุยเรื่องอื่นก็ลืมไปเอง คืนที่3 แอนก็ไปกินข้าวที่บ้านพ่อกับแม่แล้วก็กลับมานอนที่บ้านปู่กับย่าเหมือนเดิมโดยที่ไม่ได้เล่าเรื่องเมื่อคืนให้ฟัง เพราะตอนนั้นแอนก็มีหนุ่มเข้ามาคุยค่อนข้างเยอะพอสมควร เลยไม่อยากให้พ่อแม่รู้ แอนคุยเพลินจนหลับไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ มารู้ตัวอีกทีก็เกือบเที่ยงคืน เพราะเสียงเพลงในโทรศัพท์มันดังขึ้นเอง เป็นเพลงร็อคของวงต่างชาติวงหนึ่งที่น้องชอบมาก แอนสะดุ้งสุดตัวลุกขึ้นมาปิด ตอนนั้นก็แปลกใจที่โทรศัพท์มันดังจนสุดเสียงทั้งที่แอนเป็นคนไม่ชอบฟังเพลงเสียงดัง แอนปิดมือถือและล้มตัวลงนอนต่อ แต่ไม่ทันที่จะผอยหลับ แอนก็ได้ยินเสียงแหบซ่านดังขึ้นมาจากข้างบ้าน “แอน...... แอน...... อยู่ในส่าง กูอยู่ในส่าง กูอยู่ในส่าง”(ส่างเป็นภาษาอีสานแปลว่าบ่อน้ำ) แอนได้ยินเสียงนั้นดังขึ้นมาก็ใจหาย หัวใจเต้นเร็วไม่เป็นจังหวะ บวกกับบรรยากาศตอนกลางคืนบ้านนอกที่เงียบสงัด แอนไม่สามรถกระดุกกระดิกตัวได้เลยเพราะกลัว ไม่ทันไรเสียงนั้นก็ดังใกล้เข้าและเหมือนจะลอยสูงขึ้นมาเรื่อยๆๆ บวกกับกลิ่นเหม็นเน่าที่ลอยมาตามลมและชัดเจนพอๆกับเสียงที่ที่กำ
ลอยลอยสูงและดังชัดเจนขึ้น เจ้าแอนเล่าว่าตอนนั้นทั้งร้อนทั้งหนาวสลับกัน เสียงดังประโยคเดิมซ้ำไปซ้ำมายังคงดังอยู่เรื่อยๆ ส่วนกลิ่นนี่ไม่ต้องพูดถึงเลยค่ะ มันเหม็นเข้าไปในปอดเลย ไม่สามารถทนได้จริงๆ เหม็นเหมือนกลิ่นหมาตายตามข้างทาง แอนนอนตัวแข็ง เสียงนั้นดังมาหยุดที่หน้าต่าง แล้วก็นิ่งไปสักพัก จนแอนมั่นใจว่าหายไปแล้ว เลยจะเอามือเปิดมาผ้าห่มที่คลุมโปงอยู่ แต่ไม่ทันที่จะขยับผ้าห่มไปไหน แอนก็ได้ยินเสียงจาม จามอย่างต่อเนื่องแบบไม่หยุดหายใจหายคอเลยค่ะ ซึ่งถ้าเป็นคนปรกติจะไม่สามารถจามต่อเนื่องแบบนั้นได้เลย แอนปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาแข่งกับเสียงจามเพราะตอนนั้นไม่รู้แล้วว่าจะทำยังไงดี เสียงจามนั้นดังอยู่ประมาณเกือบ2นาทีก่อนจะพูดอย่างดังออกมา “กูอยู่ในส่าง”
เจ้าแอนอ้วกออกมาหลังจากที่เสียงนั้นสิ้นสุดลง แอนร้องไห้เหมือนคนบ้าพลางตะโกนผีหลอกผีหลอก ก่อนจะตัดสินใจวิ่งลงไปหาเพื่อนบ้านที่อยู่ตรงข้ามกัน ซึ่งตอนนั้นเขาก็เปิดไฟพอดีเพราะได้ยินเสียงน้องร้อง แอนพูดไม่มีสติ ได้แต่บอกว่าผีหลอก ผีหลอก ส่วนเพื่อบ้านก็ปลอบใจว่าไม่เป็นไร มันเป็นคืนเดือนดับลูก ผีมันมักจะออกมาไม่เป็นไร เราดวงดีนะได้เจอเขามาหา แสดงว่าเรามีบุญเยอะ เพื่อนบ้านช่วยปลอบใจและพาแอนไปส่งที่บ้านหาพ่อกับแม่  เช้าวันต่อมาพ่อแม่แอนและเพื่อนบ้านอีก2คนผัวเมีย พาแอนไปดูที่บ่อน้ำ ของลุงกิจ(นามสมมุติ) บ้านลุงกิจอยู่ติดกับบ้านปู่ย่าเอมค่ะ คือบ้านที่แอนอยู่ตอนนี้นั่นเอง ปู่กิจแกอยู่ตัวคนเดียว ตัวผอม เตี้ย หัวล้าน ลูกกับเมียแกก็แยกย้ายไปมีครอบครัวใหม่กันหมด เลยไม่มีใครมาดูแล ปีหนึ่งจะมาอยู่แค่ครั้งสองครั้ง แกก็อาศัยปู่ยาเอมบ้าง ญาติบ้าง ลุงกิจเป็นคนเก็บตัวค่ะ ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร หลังบ้านแกจะปลูกต้นไม้ ผักสวนครัว และแกจะมีบ่อน้ำเล็กๆ  ขนาดความกว้างของบ่อนี่เอมเองก็ระบุไม่ถูกเหมือนกันค่ะ ตอนนั้นทุกคนที่ไปกับแอนต่างก็เข้าไปหาแกที่บ้านแต่ก็ไม่เห็นแก จากนั้นทุกคนต่างแยกย้ายกันหา เจ้าแอนบอกเราว่าตอนนั้นเสียงในหูมันดังตลอดด้วยประโยคสยองเดิมๆว่า “กูอยู่ในส่าง กูอยู่ส่าง”แอนมันก็เดินตรงไปที่บ่อน้ำนั้นทันทีเลยค่ะ พอเดินไปก้มลงดู(อ่อลืมบอก บ่อนี้จะลึกประมาณ3-4เมตรได้มั้งค่ะ) แอนมันถึงกับผงะเลยค่ะ กลิ่นเหม็นนี่ลอยคละคลุ้งขึ้นมาเลย แอนมันก็ตะโกนเรียกพ่อกับแม่ด้วยเสียงตกใจ พ่อ แม่ พ่อแม่ จากนั้นทั้งพ่อแม่และเพื่อนบ้านก็วิ่งมา ทุกคนพร้อมใจกันก้มมองแล้วก็ต้องผละพร้อมกัน  แม่กับป้าข้างบ้านถึงกับอุทานออกมาว่า “แม่เอ้ย ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ ไปเรียกชาวบ้านมาแหมะ มาเอาแกขึ้นจากบ่อ”
ขออธิบายสภาพศพของลุงงกิจก่อนนะค่ะ สภาพศพเหมือนแกนั่งตัวขดอยู่ในบ่อเนื่องจากศพอืดเน่า ทำให้คับเต็มบ่อน้ำและลอยขึ้นมาเหนือผิวน้ำ ตัวลุงกิจแกว่ายน้ำไม่เป็นมือแกเลยตะเกียกตะกายเหมือนพยายามจะช่วยเหลือตัวเองแต่ก็ไม่ทัน ทางตำรวจที่มาตรวจสอบหลังจากได้รับแจ้งสันนิฐานว่าแกน่าจะตายมาแล้วอย่างน้อย4-5วัน ก็แสดงว่าลุงแกเสียตั้งแต่ก่อนที่บรรดาย่าและพ่อแม่เอมจะเดินทางไปต่างจังหวัดแล้ว ส่วนเจ้าแอนนี่ไม่ต้องถามเลยค่ะว่าเป็นยังไง มันช็อคอยู่เกือบอาทิตย์เพราะเจอมาเองคนเดียวกับตัวตั้งแต่แกมาบอกให้รู้ว่าแกตายที่ไหน คงจะยังไม่ลืมที่เอมเล่านะค่ะ ว่าแกจะมาด้วยเสียงจามบ่อยๆ และจามถี่ ก็เนื่องจากแกเป็นวันโรค จะไอจามตลอดเวลา พ่อและแม่หลังจากที่ได้ยินที่แอนเล่าก็สันนิฐานว่า โรคแกน่าจะกำเริบทำให้แกจามไอจนหมดสติตกลงไปในบ่อตอนที่จะตักน้ำรดต้นไม้ก็เป็นได้ เพราะตอนที่ทุกคนไปดูศพเห็นถังน้ำวางอยู่ข้างบ่อด้วย
ยังมีเรื่องหลอนตอนงานศพแกมาเล่าอีกนะค่ะ อันนี้ลุงกับป้าของเอมถ่ายทอดมา แกเฮี้ยนมาก แต่เดี๋ยวจะมาเล่าต่อ ขอทำงานก่อนนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่