กระทู้นี้เราตั้งใจบอกเล่าเรื่องราวที่เราได้ไปเจอมาให้เพื่อนๆได้อ่านสนุกๆนะคะ ไม่ได้ถ่ายรูปสวยเวอร์อะไร เดินทางก็คือแบ็คแพ็คจริงจังอ่ะ ไปแบบเตรียมตัวมาดีแล้วแต่ก็เจออะไรนอกเหนือแผนการตลอดทริป 555
เหนื่อยมาก ป่วยระหว่างทริปแต่ก็รอดมาได้ ถือเป็นประสบการณ์ที่เราอยากเล่าให้เพื่อนหลายๆคนอ่าน หากอ่านทำให้อยากไปเที่ยวจีนได้ก็จะดีใจมากๆค่ะ
เนื่องจากเราลาออกจากงานประจำมาสองเดือน มีเงินเก็บอยู่ก้อนนึงกระจุ๋มกระจิ๋ม ระหว่างรอคิดว่าจะทำไรต่อไปก็นอนอยู่บ้านดูซีรี่ย์จนเบื่อ เปิดคอมหาที่เที่ยวตามอินเตอร์เน็ตไปเรื่อยๆ เริ่มเจอว่าเมืองจีนสวยมากกกก ที่ผ่านมามองข้ามมาตลอดเพราะว่ากิตติศัพท์ความน่ากลัวของส้วมกับภาษา แล้วเจอราคาโปรโมชั่นได้ราคาไปกลับ 3,500 บาท เลยไปก็ไปชวนใครก็ไม่ไปเลยไปเองคนเดียวมันซะเลย
มานั่งหาวิธีเตรียมตัวจากรีวิวนับสิบ ซึ่งเกือบทุกอันจะคล้ายๆกัน ไปกลับรูทเดิมๆ แพทเทิร์นเดิมๆ ซึ่งตัวเราเองก็เพลย์เซฟ ก็เอาตามชาวบ้านเค้าละกันง่ายดี อย่างน้อยก็มีไกด์ไลน์ ซึ่งเส้นทางที่เราตัดสินใจเลือกคือ ฉางซา – เฟิ่งหวง – จางเจียเจี้ย –ฉางซา ไปทั้งหมด 9 วัน ซึ่งสำหรับเรา เราว่ามันนานไปนะ
เราเตรียมตัวไม่กี่วัน แต่หลักๆคือต้องมี ได้แก่
1. วีซ่าจีน เราเดินทางไปทำวีซ่าเองที่เชียงใหม่ ไม่อยากไปทิ้งพาสปอร์ตไว้ที่ใครสองสามวันเลยยอมลำบากไปทำเอง ตามกระทู้นี้ค่ะ
http://pantip.com/topic/33488580 (เพิ่มเติมคือต้องใช้สำเนาทะเบียนบ้านเพื่อยืนยันว่าบ้านอยู่จังหวัดแถบนี้ด้วยอ่ะค่ะ อันนี้พอดีเราเอาติดไปด้วย เลยได้ใช้พอดี)
2. ยารักษาโรค ตั้งแต่ activated charcoal , Norflox , ขมิ้นชัน , แซมบัค จนกระทั่งกอเอี๊ยะ เอาไปเถอะค่ะไม่กี่บาท
3. ทิชชู่เปียก อันนี้เราใช้ของเด็กอ่ะค่ะ ดีจริง ใช้แล้วสบายใจมากกกกกกกกกกกก ไม่ว่าจะหนักจะเบาคือดีค่ะ ว่างๆเอามาเช็ดหน้าก็หน้าแห้งเลย ไม่มีเมือกไม่มีมันอีกตะหาก อันนี้เราบ้าเตรียมไป 200 กว่าแผ่น แต่ใช้จริงแค่ 80 แผ่นเอง 555
4. ชื่อสถานที่ที่เป็นภาษาจีน หรือรูปภาพสถานที่นั้นๆ แคปจอเอาไว้เลยเอาไว้โชว์ให้คนขายตั๋วรถเค้าเห็นว่าเราจะไปไหน จะได้ไม่หลงผิด ปล.ชื่อรร.ก็ต้องหาภาษาจีนไว้นะคะ เผื่อหาไม่เจอก็จะได้ไปถามคนแถวนั้นได้
5. Application นำทาง ซึ่งเราใช้แบบ offline ค่ะ ซึ่งโอเคเลยนะไม่เคยพาเราหลงเลย Maps.me บางพื้นที่อาจจะไม่มีในระบบเค้าก็ต้องหาสถานที่ใกล้ๆแทน แต่เสิร์ชชื่อโฮสเทลคืนละร้อยสองร้อยก็ยังขึ้นนะ
6. Application VPN เอาไว้ใช้ไลน์กับเฟส ซึ่งเราโหลดมาสามแอป Super VPN , VPN master แล้วก็
betternet ในความคิดเรา เราว่า Super VPN เวิร์คสุดนะคะ แม้จะชอบค้างบ้าง
7.Appilcation แปลภาษาใช้ youdao ก็โอเคนะคะ พูดใส่ปุ๊บแปลงเป็นจีนเลย แม้จะมั่วๆไปบ้าง ใช้ตอนที่มีไวไฟอ่ะค่ะ หรือจะโหลด Pleco เอาไว้เปิดดิคคุยกับเค้าเป็นคำๆก็ได้
8.รองเท้า เราเอา nike air ไปเลยอ่ะค่ะ เอาแบบที่มีคุชชั่นเยอะๆ จะได้ไม่เมื่อย
ปล.เราไม่ได้เช่าไวไฟนะคะ เพราะว่าอยากประหยัดอ่ะค่ะ ถ้าเช่าไปราคาพอๆกับค่าตั๋วแน่นอน
วันที่ 13 กย. : วันแรก
จัดของเสร็จแล้วเตรียมตัวเดินทาง ตอนแรกจะเอากล้องไปด้วยแล้ว แต่เพื่อนที่เคยไปจีนแล้วโดนล้วงเป๋ามันก็เตือนว่าอย่าเอาของมีค่าไปเยอะ เราเลยเอาไปแต่มือถืออย่างเดียวแล้วกัน อย่างน้อยก็ถ่ายรุปได้โอเคอยู่นะ แม้ noise จะกระจายไปบ้าง แต่แลกกับการที่ของไม่พะรุงพะรังด้วย (เราเอาแบ็คแพ็คขนาดเล็กไปอันนึงกับกระเป๋าเป้อีกใบนึงสะพายหน้าหลังอ่ะค่ะ ตัวเราเป็นแซนด์วิช)
เราไปขึ้นเครื่องที่ดอนเมืองไฟลท์เจ็ดโมงกว่า ซึ่งก็ต้องไปก่อนเวลาประมาณสามชม. ประชากรจีนเยอะมากกกกกกกกกกกก ตะโกนข้ามหัวเยอะมากกก เราก็ทำใจไว้ละ ปรับ mindset ไว้เลย นี่ซ้อมอยู่จีนไงแกรๆๆๆ ส้วมเช้านั้นก็สกปรกได้ใจ อาจจะเพราะคนใช้หลายร้อยก็เป็นด้ายยยยย
ขึ้นเครื่องแล้วก็หลับไป ประมาณสามชม.ถึงเมืองฉางซาค่ะ ถึงแล้วก็เดินตามชาวบ้านไปเรื่อยๆ จนถึงด่านตม. ซึ่งเค้าดูอะไรไม่รู้นานมากๆ ใจแอบเสียว่าเค้าจะไม่ให้เราผ่านเหรอ หรือเพราะวีซ่าเราเคยเปียกน้ำอ่า ยืนพะวงอยู่ประมาณห้านาที คุณลุงตม.ก็ปั๊มตราให้ ปึ๊งงงง!!เย้ ผ่านเว้ยๆ
ผ่านตม.มาได้ก็ไปเข้าห้องน้ำก่อน (คือทั้งทริปเราค่อนข้างประสาทกับห้องน้ำมากๆ เจอที่ไหนค่อนข้างโอเคก็จะรีบเข้าไว้ก่อน) ซึ่งมีทั้งชักโครกที่มีฉี่นองบนฝารองนั่งทั้งสี่ทิศ หรือจะอึบนที่วางเท้าบนส้วมซึม เลยแบบทำใจข่ะ ขนาดในสนามบินยังขนาดนี้ แต่บางห้องยังโอเค รีบเข้าห้องน้ำแล้วออกมาถามเกี่ยวกับซิมการ์ด ไปที่ไหนเขาก็ไม่ขายให้ ต้องมี id card จีนซึ่งเราไม่มีไงคะ ก็เลยไม่ทู่ซี้ก็ได้ ซื้อตั๋วตามรีวิวที่อ่านมา จากสนามบินไปสถานีขนส่งตะวันตก Changsha west bus station ราคา 28.5 หยวน แล้วในตั๋วมีแต่ภาษาจีนอ่ะ งงมากกก
อันนี้ภาพข้างนอกสนามบินเวิ้งว้างมาก
เดินไปถามยามว่าต้องไปขึ้นตรงไหน ยื่นตั๋วไปให้แกดู พี่อปป้ายามก็ชี้บอกทางให้ สภาพในรถเก่ามาก ร้อนด้วย
แต่ก็นะนั่งแปปเดียวเอง เปิดแอปนำทางไปด้วยเพื่อดูว่าตอนนี้รถกำลังพาเราไปไหนอยู่ ซึ่งสภาพหลังออกจากสนามบินก็เจอแต่ดินแดง ทางก่อสร้าง ป่า จนพอเข้าเขตเมืองก็เจอตึกสูงเสียดฟ้าเต็มไปหมดเลยรถเยอะดี
ถึง Changsha west bus station แล้วเดินไปที่ขายตั๋วยื่นคำว่าเฟิ่งหวงให้คนขายดู เลือกรอบการเดินรถคือบ่ายสองครึ่งแล้ว ก็เดินไปสแกนกระเป๋าก่อนขึ้นไปชานชาลาที่อยู่ชั้นสอง ที่นี่ดีอยู่อย่างนึงมีสตาฟที่พูดภาษาอังกฤษได้นิดหน่อยค่ะ เราเดินไปถามว่าในตั๋วนี่มันแปลว่าอะไรบ้างคะ เค้าก็ค่อยๆบอกเราว่าตรงนี้คือชื่อสถานที่ปลายทาง ตรงนี้คือบริเวณที่นั่ง อะไรเงี้ยค่ะ คือใจดีมากกก ของเราคือเกท 6 ยืนรอจนถึงเวลาซึ่งจะมีจอทีวีแสดงให้เห็นว่ารถรอบนี้ๆมาถึงแล้วนะ สแกนตั๋วเข้าเกทมาขึ้นรถได้เลย เป็นการกันคนไม่ให้ขึ้นผิดคันได้ดีนะคะ
ตรงที่ซื้อตั๋ว
ตรงชานชาลาขึ้นรถค่ะ
รถออกตรงเวลาเป๊ะๆเลย รถบัสที่เรานั่งใช้เวลาประมาณ 5 ชม.จากฉางซาไปเมืองเฟิ่งหวง ซึ่งจะถึงเมืองเฟิ่งหวงประมาณสองทุ่มกว่าเราก็เลยหลับๆตื่นๆตลอดทางค่ะ ซึ่งเวลาตื่นมาบางครั้งจะเห็นว่าถนนค่อนข้างยกสูงจากพื้นข้างล่างเยอะเหมือนกัน ขอบทางจะมีที่กั้นตลอดแนว คนขับก็จะจอดให้เข้าห้องน้ำ 2 ครั้งค่ะ ซึ่งเราไม่กล้าลงทั้ง 2 ครั้งเพราะกลัวจะขึ้นรถผิดคัน
จนในที่สุดเมื่อถึงเมืองเฟิ่งหวง เราจะเจอไฟประดับตามข้างทางเยอะมากค่ะตอนนั้นไม่ได้ถ่ายเพราะมัวแต่ดูแผนที่อยู่ว่านี่อยู่ไหนแล้ว ไปโรงแรมยังไง แล้วเค้าก็มาปล่อยผู้โดยสารลงตรงหน้าสถานีขนส่งเมืองเฟิ่งหวง แท็กซี่ รถบัสในเมืองเต็มไปหมดเลยค่ะ แต่เราลองเดินไปเองดีกว่า เดินไปประมาณ โลกว่าๆก็ถึงโรงแรมค่ะ ซึ่งเราเลือกนอน Fenghuang jiejiao time hostel ซึ่งจองเป็นแบบห้องเดี่ยว ตกคืนละ 400 กว่าบาทห้องใหญ่มากกกกก เดินจากโรงแรมไปนิดเดียวก็เจอแม่น้ำใจกลางเมืองเฟิ่งหวงเลย เดินตามทางไปเรื่อยๆก็จะเจอบริเวณไฟประดับตรงสะพานกับเมืองเก่าค่ะ แต่ตอนเดินต้องระวังคนนิดนึงเพราะว่าเดินกันเบียดเสียดมากและจะมีพวกวัยรุ่นมาชวนไปกินเหล้าในผับข้างแม่น้ำตลอดทาง
อันนี้สภาพห้องนะคะ เจอชักโครกแล้วจะร้องไห้ ดีใจมากกกก
เดินไปถ่ายรูปถึงสะพานแล้วเหนื่อยเลยกลับมาแถวๆที่พักลองกินเต้าหู้เหม็นดู ไม่อร่อยอ่ะอันนี้ ก็ไปกินหมาล่าต่อ อร่อยมากกกกก เป็นของสดที่ให้เราเลือกๆให้เค้า แล้วเค้าก็จะปิ้งๆทาๆน้ำมันงา เครื่องเทศจนมันสุก เราบอกว่าจะกินที่ร้าน แต่เค้าก็ดันใส่กล่องให้ 20 กว่าไม้ตกอยู่ที่ 25 หยวนค่ะ
อันนี้สภาพเมือง ถ่ายได้แป๊บๆ เหนื่อยเลยไปนอนก่อน
เมื่อคนพูดจีนไม่ได้เลยไปเที่ยวประเทศจีนคนเดียวมาค่ะ (ฉางซา – เฟิ่งหวง – จางเจียเจี้ย)
เหนื่อยมาก ป่วยระหว่างทริปแต่ก็รอดมาได้ ถือเป็นประสบการณ์ที่เราอยากเล่าให้เพื่อนหลายๆคนอ่าน หากอ่านทำให้อยากไปเที่ยวจีนได้ก็จะดีใจมากๆค่ะ
เนื่องจากเราลาออกจากงานประจำมาสองเดือน มีเงินเก็บอยู่ก้อนนึงกระจุ๋มกระจิ๋ม ระหว่างรอคิดว่าจะทำไรต่อไปก็นอนอยู่บ้านดูซีรี่ย์จนเบื่อ เปิดคอมหาที่เที่ยวตามอินเตอร์เน็ตไปเรื่อยๆ เริ่มเจอว่าเมืองจีนสวยมากกกก ที่ผ่านมามองข้ามมาตลอดเพราะว่ากิตติศัพท์ความน่ากลัวของส้วมกับภาษา แล้วเจอราคาโปรโมชั่นได้ราคาไปกลับ 3,500 บาท เลยไปก็ไปชวนใครก็ไม่ไปเลยไปเองคนเดียวมันซะเลย
มานั่งหาวิธีเตรียมตัวจากรีวิวนับสิบ ซึ่งเกือบทุกอันจะคล้ายๆกัน ไปกลับรูทเดิมๆ แพทเทิร์นเดิมๆ ซึ่งตัวเราเองก็เพลย์เซฟ ก็เอาตามชาวบ้านเค้าละกันง่ายดี อย่างน้อยก็มีไกด์ไลน์ ซึ่งเส้นทางที่เราตัดสินใจเลือกคือ ฉางซา – เฟิ่งหวง – จางเจียเจี้ย –ฉางซา ไปทั้งหมด 9 วัน ซึ่งสำหรับเรา เราว่ามันนานไปนะ
เราเตรียมตัวไม่กี่วัน แต่หลักๆคือต้องมี ได้แก่
1. วีซ่าจีน เราเดินทางไปทำวีซ่าเองที่เชียงใหม่ ไม่อยากไปทิ้งพาสปอร์ตไว้ที่ใครสองสามวันเลยยอมลำบากไปทำเอง ตามกระทู้นี้ค่ะ http://pantip.com/topic/33488580 (เพิ่มเติมคือต้องใช้สำเนาทะเบียนบ้านเพื่อยืนยันว่าบ้านอยู่จังหวัดแถบนี้ด้วยอ่ะค่ะ อันนี้พอดีเราเอาติดไปด้วย เลยได้ใช้พอดี)
2. ยารักษาโรค ตั้งแต่ activated charcoal , Norflox , ขมิ้นชัน , แซมบัค จนกระทั่งกอเอี๊ยะ เอาไปเถอะค่ะไม่กี่บาท
3. ทิชชู่เปียก อันนี้เราใช้ของเด็กอ่ะค่ะ ดีจริง ใช้แล้วสบายใจมากกกกกกกกกกกก ไม่ว่าจะหนักจะเบาคือดีค่ะ ว่างๆเอามาเช็ดหน้าก็หน้าแห้งเลย ไม่มีเมือกไม่มีมันอีกตะหาก อันนี้เราบ้าเตรียมไป 200 กว่าแผ่น แต่ใช้จริงแค่ 80 แผ่นเอง 555
4. ชื่อสถานที่ที่เป็นภาษาจีน หรือรูปภาพสถานที่นั้นๆ แคปจอเอาไว้เลยเอาไว้โชว์ให้คนขายตั๋วรถเค้าเห็นว่าเราจะไปไหน จะได้ไม่หลงผิด ปล.ชื่อรร.ก็ต้องหาภาษาจีนไว้นะคะ เผื่อหาไม่เจอก็จะได้ไปถามคนแถวนั้นได้
5. Application นำทาง ซึ่งเราใช้แบบ offline ค่ะ ซึ่งโอเคเลยนะไม่เคยพาเราหลงเลย Maps.me บางพื้นที่อาจจะไม่มีในระบบเค้าก็ต้องหาสถานที่ใกล้ๆแทน แต่เสิร์ชชื่อโฮสเทลคืนละร้อยสองร้อยก็ยังขึ้นนะ
6. Application VPN เอาไว้ใช้ไลน์กับเฟส ซึ่งเราโหลดมาสามแอป Super VPN , VPN master แล้วก็
betternet ในความคิดเรา เราว่า Super VPN เวิร์คสุดนะคะ แม้จะชอบค้างบ้าง
7.Appilcation แปลภาษาใช้ youdao ก็โอเคนะคะ พูดใส่ปุ๊บแปลงเป็นจีนเลย แม้จะมั่วๆไปบ้าง ใช้ตอนที่มีไวไฟอ่ะค่ะ หรือจะโหลด Pleco เอาไว้เปิดดิคคุยกับเค้าเป็นคำๆก็ได้
8.รองเท้า เราเอา nike air ไปเลยอ่ะค่ะ เอาแบบที่มีคุชชั่นเยอะๆ จะได้ไม่เมื่อย
ปล.เราไม่ได้เช่าไวไฟนะคะ เพราะว่าอยากประหยัดอ่ะค่ะ ถ้าเช่าไปราคาพอๆกับค่าตั๋วแน่นอน
วันที่ 13 กย. : วันแรก
จัดของเสร็จแล้วเตรียมตัวเดินทาง ตอนแรกจะเอากล้องไปด้วยแล้ว แต่เพื่อนที่เคยไปจีนแล้วโดนล้วงเป๋ามันก็เตือนว่าอย่าเอาของมีค่าไปเยอะ เราเลยเอาไปแต่มือถืออย่างเดียวแล้วกัน อย่างน้อยก็ถ่ายรุปได้โอเคอยู่นะ แม้ noise จะกระจายไปบ้าง แต่แลกกับการที่ของไม่พะรุงพะรังด้วย (เราเอาแบ็คแพ็คขนาดเล็กไปอันนึงกับกระเป๋าเป้อีกใบนึงสะพายหน้าหลังอ่ะค่ะ ตัวเราเป็นแซนด์วิช)
เราไปขึ้นเครื่องที่ดอนเมืองไฟลท์เจ็ดโมงกว่า ซึ่งก็ต้องไปก่อนเวลาประมาณสามชม. ประชากรจีนเยอะมากกกกกกกกกกกก ตะโกนข้ามหัวเยอะมากกก เราก็ทำใจไว้ละ ปรับ mindset ไว้เลย นี่ซ้อมอยู่จีนไงแกรๆๆๆ ส้วมเช้านั้นก็สกปรกได้ใจ อาจจะเพราะคนใช้หลายร้อยก็เป็นด้ายยยยย
ขึ้นเครื่องแล้วก็หลับไป ประมาณสามชม.ถึงเมืองฉางซาค่ะ ถึงแล้วก็เดินตามชาวบ้านไปเรื่อยๆ จนถึงด่านตม. ซึ่งเค้าดูอะไรไม่รู้นานมากๆ ใจแอบเสียว่าเค้าจะไม่ให้เราผ่านเหรอ หรือเพราะวีซ่าเราเคยเปียกน้ำอ่า ยืนพะวงอยู่ประมาณห้านาที คุณลุงตม.ก็ปั๊มตราให้ ปึ๊งงงง!!เย้ ผ่านเว้ยๆ
ผ่านตม.มาได้ก็ไปเข้าห้องน้ำก่อน (คือทั้งทริปเราค่อนข้างประสาทกับห้องน้ำมากๆ เจอที่ไหนค่อนข้างโอเคก็จะรีบเข้าไว้ก่อน) ซึ่งมีทั้งชักโครกที่มีฉี่นองบนฝารองนั่งทั้งสี่ทิศ หรือจะอึบนที่วางเท้าบนส้วมซึม เลยแบบทำใจข่ะ ขนาดในสนามบินยังขนาดนี้ แต่บางห้องยังโอเค รีบเข้าห้องน้ำแล้วออกมาถามเกี่ยวกับซิมการ์ด ไปที่ไหนเขาก็ไม่ขายให้ ต้องมี id card จีนซึ่งเราไม่มีไงคะ ก็เลยไม่ทู่ซี้ก็ได้ ซื้อตั๋วตามรีวิวที่อ่านมา จากสนามบินไปสถานีขนส่งตะวันตก Changsha west bus station ราคา 28.5 หยวน แล้วในตั๋วมีแต่ภาษาจีนอ่ะ งงมากกก
อันนี้ภาพข้างนอกสนามบินเวิ้งว้างมาก
เดินไปถามยามว่าต้องไปขึ้นตรงไหน ยื่นตั๋วไปให้แกดู พี่อปป้ายามก็ชี้บอกทางให้ สภาพในรถเก่ามาก ร้อนด้วย
แต่ก็นะนั่งแปปเดียวเอง เปิดแอปนำทางไปด้วยเพื่อดูว่าตอนนี้รถกำลังพาเราไปไหนอยู่ ซึ่งสภาพหลังออกจากสนามบินก็เจอแต่ดินแดง ทางก่อสร้าง ป่า จนพอเข้าเขตเมืองก็เจอตึกสูงเสียดฟ้าเต็มไปหมดเลยรถเยอะดี
ถึง Changsha west bus station แล้วเดินไปที่ขายตั๋วยื่นคำว่าเฟิ่งหวงให้คนขายดู เลือกรอบการเดินรถคือบ่ายสองครึ่งแล้ว ก็เดินไปสแกนกระเป๋าก่อนขึ้นไปชานชาลาที่อยู่ชั้นสอง ที่นี่ดีอยู่อย่างนึงมีสตาฟที่พูดภาษาอังกฤษได้นิดหน่อยค่ะ เราเดินไปถามว่าในตั๋วนี่มันแปลว่าอะไรบ้างคะ เค้าก็ค่อยๆบอกเราว่าตรงนี้คือชื่อสถานที่ปลายทาง ตรงนี้คือบริเวณที่นั่ง อะไรเงี้ยค่ะ คือใจดีมากกก ของเราคือเกท 6 ยืนรอจนถึงเวลาซึ่งจะมีจอทีวีแสดงให้เห็นว่ารถรอบนี้ๆมาถึงแล้วนะ สแกนตั๋วเข้าเกทมาขึ้นรถได้เลย เป็นการกันคนไม่ให้ขึ้นผิดคันได้ดีนะคะ
ตรงที่ซื้อตั๋ว
ตรงชานชาลาขึ้นรถค่ะ
รถออกตรงเวลาเป๊ะๆเลย รถบัสที่เรานั่งใช้เวลาประมาณ 5 ชม.จากฉางซาไปเมืองเฟิ่งหวง ซึ่งจะถึงเมืองเฟิ่งหวงประมาณสองทุ่มกว่าเราก็เลยหลับๆตื่นๆตลอดทางค่ะ ซึ่งเวลาตื่นมาบางครั้งจะเห็นว่าถนนค่อนข้างยกสูงจากพื้นข้างล่างเยอะเหมือนกัน ขอบทางจะมีที่กั้นตลอดแนว คนขับก็จะจอดให้เข้าห้องน้ำ 2 ครั้งค่ะ ซึ่งเราไม่กล้าลงทั้ง 2 ครั้งเพราะกลัวจะขึ้นรถผิดคัน
จนในที่สุดเมื่อถึงเมืองเฟิ่งหวง เราจะเจอไฟประดับตามข้างทางเยอะมากค่ะตอนนั้นไม่ได้ถ่ายเพราะมัวแต่ดูแผนที่อยู่ว่านี่อยู่ไหนแล้ว ไปโรงแรมยังไง แล้วเค้าก็มาปล่อยผู้โดยสารลงตรงหน้าสถานีขนส่งเมืองเฟิ่งหวง แท็กซี่ รถบัสในเมืองเต็มไปหมดเลยค่ะ แต่เราลองเดินไปเองดีกว่า เดินไปประมาณ โลกว่าๆก็ถึงโรงแรมค่ะ ซึ่งเราเลือกนอน Fenghuang jiejiao time hostel ซึ่งจองเป็นแบบห้องเดี่ยว ตกคืนละ 400 กว่าบาทห้องใหญ่มากกกกก เดินจากโรงแรมไปนิดเดียวก็เจอแม่น้ำใจกลางเมืองเฟิ่งหวงเลย เดินตามทางไปเรื่อยๆก็จะเจอบริเวณไฟประดับตรงสะพานกับเมืองเก่าค่ะ แต่ตอนเดินต้องระวังคนนิดนึงเพราะว่าเดินกันเบียดเสียดมากและจะมีพวกวัยรุ่นมาชวนไปกินเหล้าในผับข้างแม่น้ำตลอดทาง
อันนี้สภาพห้องนะคะ เจอชักโครกแล้วจะร้องไห้ ดีใจมากกกก
เดินไปถ่ายรูปถึงสะพานแล้วเหนื่อยเลยกลับมาแถวๆที่พักลองกินเต้าหู้เหม็นดู ไม่อร่อยอ่ะอันนี้ ก็ไปกินหมาล่าต่อ อร่อยมากกกกก เป็นของสดที่ให้เราเลือกๆให้เค้า แล้วเค้าก็จะปิ้งๆทาๆน้ำมันงา เครื่องเทศจนมันสุก เราบอกว่าจะกินที่ร้าน แต่เค้าก็ดันใส่กล่องให้ 20 กว่าไม้ตกอยู่ที่ 25 หยวนค่ะ
อันนี้สภาพเมือง ถ่ายได้แป๊บๆ เหนื่อยเลยไปนอนก่อน