[CR] Little Heart in Big World ภารกิจเดินทางพิชิตฝัน ท่อง 10 รัฐที่สหรัฐอเมริกา ไปด้วยใจกับมอเตอร์ไซค์สปอร์ตครับ

ความฝันที่จะขี่มอเตอร์ไซค์ในสหรัฐอเมริกา ถ้าถามผมเมื่อ 2 ปีครึ่งที่แล้ว มันคงเป็นสิ่งที่ไม่ได้อยู่ในความคิดของผมเลย มันดูไกลเกินฝัน เกินกำลังที่เด็กบ้านนอกอย่างผม คนที่กลัวการพูดภาษาอังกฤษ จะกล้าคิด กล้าทำเพื่อไปให้ถึงมัน แต่ผมเคยได้ยินประโยคๆนึงที่ว่า “จะทำอะไรให้ลองก้าวขาเข้าไปก่อน” ถึงจะไม่รู้หนทางแต่ถ้าเริ่มลงมือทำหนทางมันอาจจะค่อยๆปรากฏออกมาเอง มันเหมือนกระตุ้นให้ผมเปลี่ยนตัวเอง กล้าที่จะเสี่ยงลองลงมือทำอะไรมากขึ้นครับ


(ถนนในฝันของผมที่ Monument Valley Navajo Tribal Park รัฐ Utah ครับ)

            ก้าวแรกเป็นก้าวที่สำคัญเสมอ สำหรับผมผมอยากทำฝันเล็กๆของตัวเองให้สำเร็จครับ หนึ่งในความฝันของผมคือผมอยากเที่ยวต่างประเทศ ไปเจออะไรที่แตกต่าง ดื่มด่ำกับธรรมชาติที่มีความหลากหลายซึ่งอาจหาไม่ได้ในประเทศไทย และการเดินทางในแบบไหนจะเป็นคำตอบของหัวใจ การเดินทางแบบไหนจะใช่! ในแบบของผม ให้ผมได้เดินทางอย่างอิสระตามใจ สำหรับผมคำตอบ คือการขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวครับ ทริปแรกของผมในต่างประเทศคือ ทริปขี่มอเตอร์ไซค์ธรรมดาๆคู่ใจ เดินทางโดยรู้เพียงว่าเป้าหมายของการเดินทางคือที่ไหน เดินทางจากกรุงเทพไปถึงกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ทริปนี้ยิ่งทำให้ผมมั่นใจว่าผมชื่นชอบการเดินทางแบบนี้

            จากนั้นมาผมก็มีทริปการเดินทางด้วยมอเตอร์ไซค์ทั้งในและนอกประเทศ จนผมพิชิตฝันอย่างนึงของตัวเองได้สำเร็จ ฝันที่จะขี่มอเตอร์ไซค์ของเราเองจากไทยไปแตะขอบฟ้าที่แชงกรีล่า ปลายขอบเขตปกครองตนเองทิเบต ซึ่งผมเคยรีวิวไว้ใน
กระทู้ “ชีวิตวัยรุ่นของผม กับการขี่มอเตอร์ไซค์ธรรมดาๆคนเดียว เที่ยวอาเซียนครับ”   http://pantip.com/topic/35047369


(ตึก Empire state ถ่ายจาก Top of the Rock Observation Deck ครับ)

             ในวันนี้ผมมีความฝันใหม่ครับ โดยหลังจากที่ผมเพิ่งเรียนจบ ผมยังสามารถขอวีซ่านักเรียน เพื่อไปแลกเปลี่ยนในโครงการ Work and Travel ในประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศที่เป็นหนึ่งในความฝันของผม แรงบันดาลใจอาจเป็นเพราะว่า ผมเป็นคนชอบดูหนัง และหนังส่วนใหญ่ที่ผมดูก็มาจากประเทศอเมริกาทั้งนั้น ผมอยากรู้ว่าที่ที่เราจะไปมันจะเหมือนในหนังไหม การเดินทางท่องเที่ยวในประเทศนี้จึงเป็นเป้าหมายของผมในครั้งนี้ แต่ผมไม่พลาดที่จะหาข้อมูลการเดินทางติดต่อจองพาหนะสำหรับการเดินทาง เพราะ เป้าหมายที่ผมไปในครั้งนี้ ผมตั้งใจจะเที่ยวในแบบของตัวเอง นั่นคือผมจะไปขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวครับ


(ที่ Old Fort Niagara, NY ครับ)

             ก่อนที่จะได้ท่องเที่ยวในสหรัฐอเมริกา ก็ตามชื่อโครงการครับ คือ Work and Travel ผมจึงมีภารกิจที่ต้องพิชิตก่อนคือ การทำงาน (Work) ด้วยระยะเวลาสามเดือน เสร็จแล้วผมถึงจะสามารถท่องเที่ยวได้ครับ


(น้ำตกไนแอการาฝั่งอเมริกา ถ่ายจาก Observation Deck ครับ)


(ลงไปสัมผัสน้ำตกอย่างใกล้ชิดครับ)


(สัมผัสน้ำตกใกล้เข้าไปอีกนิดครับ ที่ Cave of the winds สถานที่ทำงานของผมครับ)


(ลองเรือชมน้ำตกไนแอการา กับทัวร์เรือ Maid of the mist ครับ)

            งานที่ผมเลือกสมัครไปทำในครั้งนี้คือ DigiPhoto ที่น้ำตกไนแอการา รัฐ นิวยอร์ก ได้ค่าแรง 9.5 ดอลลาร์ต่อชั่วโมงครับ(ประมาณ 330 บาทต่อชั่วโมง) ลักษณะงานคือ เราเป็นตากล้องค่อยเชิญชวนให้คนที่มาเที่ยวน้ำตกถ่ายรูป จากนั้นก็คอยเชียร์ให้เขาซื้อรูป ทำงานวันละ 6 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย บางครั้งก็ทำเกือบ 12 ชั่วโมง และผมมักจะหาโอกาสขอเวลาทำงานจากหัวหน้างานเพิ่มเสมอ เพราะผมตั้งใจจะเก็บเงินเป็นทุนสำหรับการเดินทางในอเมริกาหลังจากจบโครงการทำงานสามเดือนครับ


(เครื่องแบบที่ต้องใส่ไปทำงานเป็นประจำครับ ทำๆไปสักพักผมก็เริ่มไม่ใส่ปลอกแขนกันแดดแล้วครับเริ่มชาชิน 55 5 )


(ระหว่างทำงานก็มีอะไรแปลกๆให้ดู ไลฟ์สไตล์ของคนอเมริกันนี่แหละครับที่มีหลายอย่างที่แตกต่างจากคนไทย ผมเลยมีโอกาส พูดคุย สังเกตุ และสอดส่องไปด้วยครับ 55 5 )


(ไนแอการาฟลอ สถานที่ที่ผมต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นี่สามเดือนด้วยกัน ฝั่งซ้ายคืออเมริกา ฝั่งขวาคือแคนาดาครับ เห็นความต่างมั้ยครับ ผมเองก็แปลกใจเหมือนกัน 55 5 )


(โชว์ยิงปืนใหญ่ที่Old Fort Niagara ครับ)


(ดื่มด่ำกับบรรยากาศ ก่อนต้องจรจากไนแอการาครับ แล้วฉันจะคิดถึงเธอ)

          ก่อนจะเริ่มเดินทางด้วยมอเตอร์ไซค์ ผมมีทริปเดินทางในเมืองใหญ่ๆของสหรัฐอเมริกาทางฝั่งตะวันออก 3 รัฐ จึงอยากเอามาเขียนให้พอเห็นภาพกันก่อนครับอย่าเพิ่งเปลี่ยนช่องไปไหนนะครับ ฮ่าๆ เลยทำให้การเดินทางครั้งนี้ของผมอาจแบ่งได้เป็นสองช่วงคือ การเดินทางแบบแบคแพคเกอร์ในช่วงแรกและการกลายสภาพเป็นไบค์เกอร์ในช่วงกลางไปจนถึงช่วงท้ายครับ


(ลงเรือประจัญบานและลองมุดเรือดำน้ำครั้งแรก ที่เมืองBuffalo,NY ในภาพผมอยู่ในห้องยิงตอปิโดเรือดำน้ำยุคสงครามโลกครับ)

เสร็จสิ้นภารกิจ Work แล้วครับ จากนี้จะมีแต่คำว่า Travel
            และแล้ววันนี้ที่ผมรอคอยก็มาถึง วันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ.2559 วันที่ผมเริ่มออกเดินทางในอเมริกาอย่างอิสระไปได้ตามใจเรา ผมเลือกที่จะเริ่มต้นจาก NYC มหานครนิวยอร์กซิตี้นั่นเองครับ ผมเริ่มการเดินทางด้วย "รฟอ" (ผมเรียกของผมเอง) รถไฟอเมริกาหรือที่นี่เรียกว่าAmtrak


(ลองนั่ง Amtrak ครั้งแรกในภาพคือสถานี Niagara Falls ปลายทาง Penn Station เมือง New york city ครับ )

             ตื่นเต้นมากครับกับการนั่งAmtrak ครั้งแรก ผมเลือกรอบเช้าเพราะอยากไปให้ถึงนิวยอร์กตอนไม่ดึกและอยากเห็นแสงแรกของวันครับ ตอนแรกรถไฟมีแค่ผมกับอีกสี่คนทั้งโบกี้ แต่พอผ่านไปหลายๆสถานีคนก็มานั่งจนเต็ม การตรวจตั๋วคือเราส่งมือถือเราที่มี e-ticket ให้เจ้าหน้าที่ยิงบาร์โค้ดครับสะดวกดีมาก บนรถที่นั่งกว้าง มีWIFI มีที่ชาร์ตแบตให้ ส่วนของตู้เสบียงแยกเป็นสัดส่วน ปูพรมทั้งคันรถครับ


(ภายในรถไฟ Amtrak ครับ)


(ตื่นเต้นกับการนั่งรถไฟ ตื่นเต้นกับการผจญภัยครั้งใหม่ที่รอเราอยู่ครับ^^)

วิวสองข้างทางสวยงามมากครับโดยเฉพาะหลังจากที่รถไฟแล่นผ่านเมืองออลบานี(Albany)รถไฟจะวิ่งเรียบแม่น้ำฮัดสันไปตลอดทาง วิวสวยงามมากๆ จนในที่สุดผมก็เดินทางมาถึงมหานครนิวยอร์ก รถไฟมาช้าไป 1 ชั่วโมงจากในตาราง 6.25-15.45 น. รถไฟมาจอดที่สถานีหลัก Penn station ผมมาถึงที่นี่โดยไม่รู้อะไรเลยครับกะมาซุ่ยเอาข้างหน้าเหมือนเคย


(วิวระหว่างทางบนรถไฟสายนี้ มุ่งหน้า NYC ครับ)

             ผมอยากจะบอกความรู้สึกตอนนั้นว่าผมงงและมึนมากๆครับ ผู้คนดูวุ่นวาย หน้าตาบึ้งตึงขอให้ถ่ายรูปให้ก็ไม่ถ่ายให้ ในสถานีมีทหารกลุ่มนึงพร้อมอาวุธครบมือ (ผมได้ยินข่าวว่าเมื่อเดือนก่อนทหารสั่งอพยพคนให้ออกจากสถานีนี้เพื่อค้นหาระเบิดครับ) ผมนั่งงงสักพัก ดูแผนที่ในมือถือ ยืนมึนสักหน่อย แล้วเดินไปถามทางคนที่ยืนอยู่เพื่อไปเมโทร ระหว่างเดินผมต้องเดินฝ่าฝูงชนที่มีท่าทางรีบเร่งเอามากๆ มีจังหวะนึงที่ผมยืนอยู่ตรงกลางทางเดินแล้วมีกลุ่มคนวัยทำงานกว่า 60 คนเดินอย่างรีบเร่งแบบสุดๆสวนผมไป ชนิดที่ว่าผมต้องหยุดเดินไม่งั้นคือชนกันแน่นอนครับคือมันยิ่งกว่าในหนังที่ผมเคยดูมาซะอีกครับ

             ผมเดินมาถึงเครื่องขายตั๋วอัตโนมัติดีที่ตอนผมนั่งบนแอมแทรคผมแอบดูวิธีซื้อตั๋วมา แต่มันใช้ไม่ได้ครับตอนนั้นงงเป็นไก่ตาแตก ถามคนแถวนั้นเขาบอกให้เราติดต่อเจ้าหน้าที่ชั้นบน ผมก็เดินมึนๆไป คุยกันก็ไม่ค่อยเข้าใจเขาบอกให้ผมไปUptown แต่บัตรผมใช้ไม่ได้จะทำยังไง ตอนนั้นผมคิดรวบรวมสติ แล้วเดินออกจากเมโทรไป ผมกะว่าจะมาถามเจ้าหน้าที่ใหม่หลังจากเก็บสัมภาระทั้งหมดแล้ว


(สัมผัสแรกของผมกับมหานครนิวยอร์กครับ ความรู้สึกตอนนั้นคือโครตงง คิดแล้วก็ตลกตัวเองครับ 55 )

             ภารกิจสุดโหดต่อมาคือการที่ผมตัดสินใจเดินระยะทาง 1.8 กิโลไปที่พัก ที่โหดสุดๆก็คือผมต้องแบกแบคแพคน้ำหนักกว่า 25 กิโลและอุ้มเดย์แพคไปด้วย กว่าจะเดินถึงเล่นเอาเหนื่อยหมดสภาพกันเลยครับ โดยโฮสเทลที่ผมพักอยู่ใก้ลสวนสาธารณะของที่นี่ิ ราคาคืนละประมาณ50 ดอลล่านิดๆรวมภาษี วันนี้เหนื่อยสุดๆเลยครับ หลังจากนอนเล่นได้สักพักผมก็ออกไปทานมื้อแรกใน NYC ที่ร้านแมคโดนัลข้างๆที่พัก ไม่ทันกินหมด ก็มีรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยที่มาทำงานที่นี่ทักลายมา เราเลยได้เจอกันครับ ต้องขอบคุณพี่มากๆที่ช่วยแนะนำการเดินทาง บอกวิธีขึ้นเมโทร และพาไปคุยกับเจ้าหน้าที่เมโทรเรื่องบัตรรถเมโทรที่ใช้ไม่ได้ ขากลับผมเลยลองนั่งรถไฟใต้ดินนิวยอร์กกลับ ผมว่าตอนนี้ผมเริ่มจะปรับตัวเข้ากับนิวยอร์กได้แล้วครับ

กางเกงขาสั้นรองเท้าแตะในวันสบายๆ กับภารกิจแรก Night at the museum ครับ




(พิพิธภัณฑ์ใหญ่มากครับเดินแล้วหลงไปหลายตลบเลย 55 )


(เดินผ่านฝรั่งชายหญิงคู่นึง ผู้ชายกำลังมองไปที่ตู้โชว์ตู้นี้ ปากก็บรรยายถึงประเทศไทย ผมเลยถือโอกาสแสดงตัวสะเลยครับ 55 )


(กับเพื่อนใหม่ เจอกันโดยบังเอิญที่ Fifth Avenue ครับ)


(ถึงแล้วครับเป้าหมายวันนี้ ไทม์สแควร์)




(ตำรวจของที่นี่ อาวุธครบมือจริงๆครับ)

อีกวันในนิวยอร์กครับเดินเก็บสถานที่สำคัญๆที่อยากไป
          วันนี้เริ่มจากผมเดินผ่านทัวร์บัสริมถนนดูน่าสนใจดีเลยซื้อตั๋วขึ้นไป ตั๋วหน้าตาคล้ายใบเสร็จได้มาเป็นแผงเลยครับ จากนั้นก็ได้เวลาชมเมืองบนรถบัสเปิดประทุนวิวเมืองมองจากบนรถสวยมากๆและเห็นความชุลมุนของการใช้ชีวิตทั้งบนท้องถนนและริมถนนของเมืองนิวยอร์กได้ชัดขึ้น โดยรถบัสเราสามารถลงรถและขึ้นใหม่ตามจุดรับของรถบัสได้ ติดอยู่ตรงที่ว่าวันนี้แดดค่อนข้างแรงมากคนเลยเริ่มทยอยลงไปนั่งชั้นล่างครับ รถผ่านสะพานบรู๊คลิน(Brooklyn Bridge)ผมเลยตัดสินใจลงจากรถครับ


(ทัวร์บัส นั่งหลังสุดอบอุ่นดีครับ)








(หน้าตาทัวร์บัสของพวกเราก็คล้ายๆคันซ้ายที่แหละครับ)
ชื่อสินค้า:   พันทิปท่องเที่ยว
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่