ถึงผู้ที่ใช้กล้อง และผู้ที่กำลังมองหาซื้อกล้อง ดิจิตอล เราคงจะเคยได้ยินคำว่า “ กล้องประกันศูนย์ฯ และ กล้องประกันร้านกันมาบ้างนะครับ
ในฐานะคนที่เคยทำงานเกี่ยวกับวงการนี้มาเกือบสิบปี วันนี้ผมจะออกมาพูดถึง “ด้านมืด ของกล้องประกันร้าน"
เพื่อใช้ข้อมูลเหล่านี้เป็นส่วนประกอบในการตัดสินใจการซื้อ และเลือกสิ่งที่ดี และ พอใจที่สุด สำหรับตัวเองครับ
1. เรื่องของซีเรี่ยวนัมเบอร์ของกล้อง ปกติแล้วซี่เรี่ยวของกล้องกับเลนส์ที่ติดอยู่ที่กล่อง จะต้องเป็น บาร์โค๊ต แบบพิมพ์มาจากโรงงาน
เราสังเกตุได้จากกล่องเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกๆ ชิ้น แต่กล้องประกันร้านนั้น ส่วนใหญ่จะไม่มีซีเรี่ยวที่ติดมาจากโรงงาน
จะเป็นแบบ สต๊กเกอร์สีขาวยาวๆ แล้วทางร้านหรือบริษัทนั้นเขียนตัวเลขซีเรี่ยวลงไปแทน ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า กล้องตัวนั้น ไม่ใช่กล้องใหม่100%
หรือกล้องที่หิ้วเข้ามาเอง แล้วมาหากล่องใส่ แล้วก็เอาสติ๊กเกอร์เขียนซีเรี่ยว แล้วก็แปะลงไปที่ข้างกล่อง
แล้วปัญหาอีกอย่างเกี่ยวกับซีเรี่ยว จากประสปการณ์ตรงที่เคยเจอมา คือ ซีเรี่ยวที่อยู่ใต้กล้อง กับเมนบอร์ดในบอดี้กล้องไม่ตรงกัน
ซึ่งเรื่องนี้เราไปรับแจ้งจากศูนย์โดยตรง แล้วกรณีอย่างนี้ศูนย์จะไม่รับซ่อมในทุกๆ กรณี นั่นหมายความว่า กล้องตัวนี้ ได้มีการเปลี่ยนอะไหล่ข้างใน
หรือมีการแกะซ่อมมาก่อน แล้วเอามาขายเป็นของใหม่
2. เรื่องของการซ่อมกล้อง บางคนที่เคยใช้บริการกล้องประกันร้านมา อาจเคยได้ยินคำว่า “ในระยะประกัน 1 ปี ถ้ากล้องมีปัญหาขึ้นมา
เอามาส่งผ่านหน้าร้าน แล้วร้านจะส่งศูนย์ให้“ ซึ่งคำพูดหล่านี้ เป็นเพียงการจูงใจให้เราซื้อกล้องจากเขา
จากที่เคยเจอมา ร้านเหล่านี้จะนำกล้องที่มีปัญหาซ่อมโดยช่างของบริษัทเอง อาจมีการนำอะไหล่ที่อยู่นกล้องที่เสียก่อนหน้านี้ที่ลูกค้าเจอปัญหาใน 7 วัน
หรือ 30 วันก็แล้วแต่ ที่อยู่ในระยะเคลมตัวใหม่จากทางบริษัท ที่ลูกค้ามาเปลี่ยนตัวใหม่ไป เขาก็จะนำอะไหล่ ชิ้นส่วน ที่ยังใช้ได้
ที่อยู่ในกล้องที่ลูกค้านำมาเปลี่ยน นำมาเปลี่ยนใส่กล้องที่เราส่งซ่อม ก็คือสลับอะไหล่ข้างในให้ใช้ได้ ซึ่งเราไม่มีทางได้รู้เลยว่า
เขาซ่อมศูนย์อย่างที่แจ้งเราไว้ตอนเราซื้อ บริษัท จะส่งศูนย์จริงๆ ในกรณีที่หนักๆ ที่ทางบริษัทไม่สามารถซ่อมเองได้
เช่น เซ็นเซอร์เสีย เมนบอร์ดเสีย ซึ่งเค้าไม่ส่งศูนย์ทุกกรณี แต่หลายๆ ครั้งที่ส่งกล้องซ่อมที่ศูนย์แล้วศูนย์ประเมินราคาออกมาค่อนข้างสูง
บริษัทก็ลดต้นทุนโดนการนำกล้องออกมาซ่อมโดยช่างข้างนอกไม่ได้ซ่อมศูนย์อย่างที่หลายๆ คนเข้าใจ เพื่อลดต้นทุนภาระของบริษัท
แล้วตอนนี่ กล้องประกันร้านบางยี่ห้อ ศูนย์ จะไม่รับซ่อมในทุกกรณี และบางยี่ห้อ รับซ่อมก็จริงแต่จะโดน คิดค่าบริการแพงกว่ากล้องประกันศูนย์
3. เรื่องกล้องทดลองให้ลูกค้าได้ลอง เราจะสังเกตุได้ว่ากล้องประกันร้านนั้น หน้าร้านจะไม่มีตัวสาธิต ตัวทดลอง เวลาเราเข้าไปซื้อแต่เลนส์
เขาก็จะเอากล้องที่ขายหน้าร้านนั่นแหล่ะครับ เอามาลองให้เรา แล้วก็นำกล้องตัวนั้นไปขายใหม่ ซึ่งความซวยก็จะตกอยู่กัยคนที่ซื้อกล้องตัวนั้นไป
เสมือนได้กล้องมือสอง แต่จ่ายราคาของใหม่ แล้วหลายๆ ครั้งที่มีลูกค้าเข้าไปขอดูกล้อง ขอลองกล้อง เขาก็แกะตัวที่ขายหน้าร้านนั่นแหล่ะครับ
เอาให้เราลอง แล้วก็นำไปขายเป็นของใหม่เหมือนเดิม
4. เรื่องการตัดของหน้าร้าน เราอาจเคยเจอประมานว่า เข้าร้านไปจะเอาสินค้าตัวนี้ แต่ในร้านไม่มีของ ทางพนักงานก็จะแจ้งว่า รอสักครู่
เดี๋ยวหาของให้ อะไรประมานนี้ ซึ่งทางร้านเค้าได้ไปขอซื้อ ตัดหน้าร้านที่อื่นมา แล้วนำมาขายเราอีกต่อนึง นั่นหมายความว่า
เราอาจซื้อของในราคาที่สูงกว่าที่อื่น เช่น ของที่ร้านอื่นเขาขาย 280 บาท ทางหน้าร้านไปตัดมาขายอีกต่อนึง บวกกำไรเพิ่ม
อาจขายในราคา 320 บาท หรือแพงกว่านั้น ถ้าเจอกรณีแบบนี้ ให้ลองเดินดูก่อนครับ ผมเชื่อว่า
เราจะต้องเจอสินค้าที่มีราคาถูกกว่าราคาที่เราได้รับแจ้งไว้ข้างต้นอย่างแน่นอนครับ
5. เรื่องการเคลมตัวใหม่จากทางร้าน หลายๆ ครั้งที่เจอปัญหาในระยะประกันเปลี่ยนตัวใหม่ ซึ่งเวลาเราเจอปัญหาขึ้นมา
เอาไปเคลมทางร้าน ทางร้านก็จะบอกว่า “มันเป็นปกติ ไม่เป็นอะไร“ กรณีแบบนี้ ให้ศึกษาปัญหาที่เกิดขึ้นกับตัวกล้องให้ดีก่อน
ก่อนที่จะนำกล้องไปเคลม หรือซ่อม เพื่อที่เราจะได้ไม่โดนทางร้านหลอกเรา ถ้าเราเจอปัญหาจริง แย้งไปเลยครับอย่าไปยอมถูกหลอกครับ
เพราะ บริษัท จะพยายามปฏิเสธ ที่จะเปลี่ยนตัวใหม่ หรือซ่อมให้เราครับ เพื่อลดต้นทุนภาระของบริษัทครับ
ข้อมูลเหล่านี้เป็นจริงอย่างที่สุด จากคนที่มีประสบการณ์คลุกคลีวงใน ของวงการนี้มาเกือบสิบปี
หวังว่าข้อมูลเหล่านี้ จะมีประโยชน์ กับ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ไม่มากก็น้อยครับ เพื่อไม่ให้ผู้บริโภค โดนเอาเปรียบจากผู้ประกอบการครับ
จำกันไว้นะครับ “ของถูกแล้วดี ไม่มีในโลก” ครับ ถ้ามันถูกกว่า ก็ต้องมีอะไรแย่กว่า มาด้วยกันเสมอครับ
สิ่งซ่อนเร้นที่อยู่ในกล้องประกันร้าน
ในฐานะคนที่เคยทำงานเกี่ยวกับวงการนี้มาเกือบสิบปี วันนี้ผมจะออกมาพูดถึง “ด้านมืด ของกล้องประกันร้าน"
เพื่อใช้ข้อมูลเหล่านี้เป็นส่วนประกอบในการตัดสินใจการซื้อ และเลือกสิ่งที่ดี และ พอใจที่สุด สำหรับตัวเองครับ
1. เรื่องของซีเรี่ยวนัมเบอร์ของกล้อง ปกติแล้วซี่เรี่ยวของกล้องกับเลนส์ที่ติดอยู่ที่กล่อง จะต้องเป็น บาร์โค๊ต แบบพิมพ์มาจากโรงงาน
เราสังเกตุได้จากกล่องเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกๆ ชิ้น แต่กล้องประกันร้านนั้น ส่วนใหญ่จะไม่มีซีเรี่ยวที่ติดมาจากโรงงาน
จะเป็นแบบ สต๊กเกอร์สีขาวยาวๆ แล้วทางร้านหรือบริษัทนั้นเขียนตัวเลขซีเรี่ยวลงไปแทน ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า กล้องตัวนั้น ไม่ใช่กล้องใหม่100%
หรือกล้องที่หิ้วเข้ามาเอง แล้วมาหากล่องใส่ แล้วก็เอาสติ๊กเกอร์เขียนซีเรี่ยว แล้วก็แปะลงไปที่ข้างกล่อง
แล้วปัญหาอีกอย่างเกี่ยวกับซีเรี่ยว จากประสปการณ์ตรงที่เคยเจอมา คือ ซีเรี่ยวที่อยู่ใต้กล้อง กับเมนบอร์ดในบอดี้กล้องไม่ตรงกัน
ซึ่งเรื่องนี้เราไปรับแจ้งจากศูนย์โดยตรง แล้วกรณีอย่างนี้ศูนย์จะไม่รับซ่อมในทุกๆ กรณี นั่นหมายความว่า กล้องตัวนี้ ได้มีการเปลี่ยนอะไหล่ข้างใน
หรือมีการแกะซ่อมมาก่อน แล้วเอามาขายเป็นของใหม่
2. เรื่องของการซ่อมกล้อง บางคนที่เคยใช้บริการกล้องประกันร้านมา อาจเคยได้ยินคำว่า “ในระยะประกัน 1 ปี ถ้ากล้องมีปัญหาขึ้นมา
เอามาส่งผ่านหน้าร้าน แล้วร้านจะส่งศูนย์ให้“ ซึ่งคำพูดหล่านี้ เป็นเพียงการจูงใจให้เราซื้อกล้องจากเขา
จากที่เคยเจอมา ร้านเหล่านี้จะนำกล้องที่มีปัญหาซ่อมโดยช่างของบริษัทเอง อาจมีการนำอะไหล่ที่อยู่นกล้องที่เสียก่อนหน้านี้ที่ลูกค้าเจอปัญหาใน 7 วัน
หรือ 30 วันก็แล้วแต่ ที่อยู่ในระยะเคลมตัวใหม่จากทางบริษัท ที่ลูกค้ามาเปลี่ยนตัวใหม่ไป เขาก็จะนำอะไหล่ ชิ้นส่วน ที่ยังใช้ได้
ที่อยู่ในกล้องที่ลูกค้านำมาเปลี่ยน นำมาเปลี่ยนใส่กล้องที่เราส่งซ่อม ก็คือสลับอะไหล่ข้างในให้ใช้ได้ ซึ่งเราไม่มีทางได้รู้เลยว่า
เขาซ่อมศูนย์อย่างที่แจ้งเราไว้ตอนเราซื้อ บริษัท จะส่งศูนย์จริงๆ ในกรณีที่หนักๆ ที่ทางบริษัทไม่สามารถซ่อมเองได้
เช่น เซ็นเซอร์เสีย เมนบอร์ดเสีย ซึ่งเค้าไม่ส่งศูนย์ทุกกรณี แต่หลายๆ ครั้งที่ส่งกล้องซ่อมที่ศูนย์แล้วศูนย์ประเมินราคาออกมาค่อนข้างสูง
บริษัทก็ลดต้นทุนโดนการนำกล้องออกมาซ่อมโดยช่างข้างนอกไม่ได้ซ่อมศูนย์อย่างที่หลายๆ คนเข้าใจ เพื่อลดต้นทุนภาระของบริษัท
แล้วตอนนี่ กล้องประกันร้านบางยี่ห้อ ศูนย์ จะไม่รับซ่อมในทุกกรณี และบางยี่ห้อ รับซ่อมก็จริงแต่จะโดน คิดค่าบริการแพงกว่ากล้องประกันศูนย์
3. เรื่องกล้องทดลองให้ลูกค้าได้ลอง เราจะสังเกตุได้ว่ากล้องประกันร้านนั้น หน้าร้านจะไม่มีตัวสาธิต ตัวทดลอง เวลาเราเข้าไปซื้อแต่เลนส์
เขาก็จะเอากล้องที่ขายหน้าร้านนั่นแหล่ะครับ เอามาลองให้เรา แล้วก็นำกล้องตัวนั้นไปขายใหม่ ซึ่งความซวยก็จะตกอยู่กัยคนที่ซื้อกล้องตัวนั้นไป
เสมือนได้กล้องมือสอง แต่จ่ายราคาของใหม่ แล้วหลายๆ ครั้งที่มีลูกค้าเข้าไปขอดูกล้อง ขอลองกล้อง เขาก็แกะตัวที่ขายหน้าร้านนั่นแหล่ะครับ
เอาให้เราลอง แล้วก็นำไปขายเป็นของใหม่เหมือนเดิม
4. เรื่องการตัดของหน้าร้าน เราอาจเคยเจอประมานว่า เข้าร้านไปจะเอาสินค้าตัวนี้ แต่ในร้านไม่มีของ ทางพนักงานก็จะแจ้งว่า รอสักครู่
เดี๋ยวหาของให้ อะไรประมานนี้ ซึ่งทางร้านเค้าได้ไปขอซื้อ ตัดหน้าร้านที่อื่นมา แล้วนำมาขายเราอีกต่อนึง นั่นหมายความว่า
เราอาจซื้อของในราคาที่สูงกว่าที่อื่น เช่น ของที่ร้านอื่นเขาขาย 280 บาท ทางหน้าร้านไปตัดมาขายอีกต่อนึง บวกกำไรเพิ่ม
อาจขายในราคา 320 บาท หรือแพงกว่านั้น ถ้าเจอกรณีแบบนี้ ให้ลองเดินดูก่อนครับ ผมเชื่อว่า
เราจะต้องเจอสินค้าที่มีราคาถูกกว่าราคาที่เราได้รับแจ้งไว้ข้างต้นอย่างแน่นอนครับ
5. เรื่องการเคลมตัวใหม่จากทางร้าน หลายๆ ครั้งที่เจอปัญหาในระยะประกันเปลี่ยนตัวใหม่ ซึ่งเวลาเราเจอปัญหาขึ้นมา
เอาไปเคลมทางร้าน ทางร้านก็จะบอกว่า “มันเป็นปกติ ไม่เป็นอะไร“ กรณีแบบนี้ ให้ศึกษาปัญหาที่เกิดขึ้นกับตัวกล้องให้ดีก่อน
ก่อนที่จะนำกล้องไปเคลม หรือซ่อม เพื่อที่เราจะได้ไม่โดนทางร้านหลอกเรา ถ้าเราเจอปัญหาจริง แย้งไปเลยครับอย่าไปยอมถูกหลอกครับ
เพราะ บริษัท จะพยายามปฏิเสธ ที่จะเปลี่ยนตัวใหม่ หรือซ่อมให้เราครับ เพื่อลดต้นทุนภาระของบริษัทครับ
ข้อมูลเหล่านี้เป็นจริงอย่างที่สุด จากคนที่มีประสบการณ์คลุกคลีวงใน ของวงการนี้มาเกือบสิบปี
หวังว่าข้อมูลเหล่านี้ จะมีประโยชน์ กับ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ไม่มากก็น้อยครับ เพื่อไม่ให้ผู้บริโภค โดนเอาเปรียบจากผู้ประกอบการครับ
จำกันไว้นะครับ “ของถูกแล้วดี ไม่มีในโลก” ครับ ถ้ามันถูกกว่า ก็ต้องมีอะไรแย่กว่า มาด้วยกันเสมอครับ