เมื่อวันที่ 28 กันยายน นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รักษาการรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า มีข้อสังเกตต่อกรณีการเรียกค่าเสียหายโครงการรับจำนำข้าวจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ
กรณีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯระบุว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ได้ทุจริต แต่ละเว้น ไม่ระงับยับยั้ง
โครงการนั้น ผู้ที่จะมีอำนาจชี้ว่า ผู้ใดทุจริต หรือละเว้น คือศาลยุติธรรม ไม่ใช่ฝ่ายบริหาร ซึ่งหากศาลชี้ว่าทุจริตหรือละเว้นก็จะเป็นฐานความผิดในการเรียกค่าเสียหายต่อไป ทั้งนี้ นายพนัส
ทัศนียานนท์ อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้ความเห็นในข้อกฎหมายว่า
การเตือนของ ป.ป.ช.และ สตง.ไปยังรัฐบาลนั้น หากไม่ทำตาม ไม่มีกฎหมายบัญญัติว่าเป็นความผิด
ซึ่งรัฐบาลขณะนั้นไม่ได้นิ่งเฉย ละเลย จึงมีมาตรการรองรับเพื่อรักษาผลประโยชน์ของทางราชการ แต่หากจะยกเลิกโครงการกลางคันจะรับผิดชอบต่อสภาอย่างไร โดยหากศาลวินิจฉัยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์
ไม่ได้ละเว้น การที่รัฐบาลใช้คำสั่งทางปกครองจะขัดกับการพิจารณาคดีของศาลหรือไม่ และที่รัฐบาล
ใช้มาตรา 44 ให้กรมบังคับคดีมีอำนาจในการยึดทรัพย์ล่วงหน้า ก่อนที่จะมีคำสั่งทางปกครอง ก็อาจ
จะเป็นการชี้นำการลงนามในคำสั่งทางปกครอง และจะเป็นการก้าวล่วงอำนาจศาลหรือไม่
‘ชวลิต’สวน’วิษณุ’ ศาลเป็นผู้ชี้ใครทุจริตคดีจำนำข้าว ไม่ใช่ฝ่ายบริหาร....มติชนออนไลน์.../sao..เหลือ..noi
กรณีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯระบุว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ได้ทุจริต แต่ละเว้น ไม่ระงับยับยั้ง
โครงการนั้น ผู้ที่จะมีอำนาจชี้ว่า ผู้ใดทุจริต หรือละเว้น คือศาลยุติธรรม ไม่ใช่ฝ่ายบริหาร ซึ่งหากศาลชี้ว่าทุจริตหรือละเว้นก็จะเป็นฐานความผิดในการเรียกค่าเสียหายต่อไป ทั้งนี้ นายพนัส
ทัศนียานนท์ อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้ความเห็นในข้อกฎหมายว่า
การเตือนของ ป.ป.ช.และ สตง.ไปยังรัฐบาลนั้น หากไม่ทำตาม ไม่มีกฎหมายบัญญัติว่าเป็นความผิด
ซึ่งรัฐบาลขณะนั้นไม่ได้นิ่งเฉย ละเลย จึงมีมาตรการรองรับเพื่อรักษาผลประโยชน์ของทางราชการ แต่หากจะยกเลิกโครงการกลางคันจะรับผิดชอบต่อสภาอย่างไร โดยหากศาลวินิจฉัยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์
ไม่ได้ละเว้น การที่รัฐบาลใช้คำสั่งทางปกครองจะขัดกับการพิจารณาคดีของศาลหรือไม่ และที่รัฐบาล
ใช้มาตรา 44 ให้กรมบังคับคดีมีอำนาจในการยึดทรัพย์ล่วงหน้า ก่อนที่จะมีคำสั่งทางปกครอง ก็อาจ
จะเป็นการชี้นำการลงนามในคำสั่งทางปกครอง และจะเป็นการก้าวล่วงอำนาจศาลหรือไม่