ที่บ้านกำลังหา ว่าที่ผัว ให้คะ ควรจะทำยังไงดีคะ?

สวัสดีค่ะ ตอนนี้เราอายุใกล้จะ ยี่สิบ แล้วถ้าถึงตอนเดือน กุมภา พึ่งจบปีสองไปหมาดๆ แต่ที่บ้านไม่ให้ต่อปีสามเพราะจะให้เราไปอยู่ที่จีนแล้วเรียนภาษาให้ได้กลับมาทำงานให้คนที่บ้านที่ทำกิจการส่วนตัว ปัญหาคือ
เมื่อวาน น้าสาว หรือก็คือน้องสาวของแม่เรา เป็นคนที่ส่งค่าเรียนให้เราไปเรียน สองปีนี้ บอกว่าจะหาสามีให้ เราตกใจมาก คือแบบ ไม่คิดว่าจะเจ้ากี้เจ้าการมาถึงคู่ชีวิตเราขนาดนี้ มันมากไปรึเปล่าทำไมต้องขนาดนี้ด้วย คือ เข้าใจว่าอยากให้มีชีวิตที่ดีแต่การจับคู่ผู้ชายที่ไม่รู้จักไม่เคยเห็นหน้าให้มาแต่งงานด้วยเนี่ย มันเกินไปมั๊ย?

เดิมที เราเป็นคนหัวอ่อน โดนเลี้ยงมาแบบไข่ในหินเกินไปทำอะไรเองไม่ได้ ไม่ได้ออกจกบ้านเลย ไปแค่หน้าบ้านยังโดนด่า ไม่เหมือนกับเด็กคนอื่นผู้หญิงวัยรุ่นคนอื่นที่เที่ยวเล่นไปสนุกกับเพื่อน โดนพ่อแม่ปล่อยให้ไปเที่ยวกับเพื่อน แต่เราไม่เคย ไม่เคยเลยที่จะออกจากบ้านแล้วไปแบบนั้นอย่างมากก็กลับก่อนสี่โมงเย็นเสมอๆไม่เคยเที่ยว กินเหล้า มีเเต่เรียน เรียน เรียน จนตอนนี้มาชะงักอยู่แค่ปีสอง เราทำอะไรไม่ได้ เราไม่กล้าที่จะต่อต้านกับเธอคนนั้น ส่วนแม่เราเขาไม่ได้เลี้ยงเรามาตั้งแต่เด็กอันนี้ไม่ค่อยมีปากเสียงเท่าไหร่ เราไม่คาดหวังกับแม่แบบนั้น แม่เอาแต่หวังผลประโยชนนะในสายตาเราเวลาเราจะพึ่งพาแม่ไม่เคยหันกลับมาดูเลยเอาแต่ด่าว่า สนใจแต่สามีคนใหม่ของเขาและลูกชายคนใหม่ โดยทิ้งเราให้อยู่กับย่าตั้งแต่เด็ก ตอนนี้ย่าก็แก่แล้ว เห็นพ้องว่าจะให้แต่งงานโดยไม่เคยถามว่าเราจะเอามั๊ย หรือคิดยังไง เราอยากจะร้องไห้ต่อหน้าที่นั่นเลยจริงๆได้แต่อดกลั้นอยู่ตลอด ไม่รู้ว่าพวกเขาคิดกันยังไง คือเราทำตามเขามาตลอด จนตอนนี้เราทำอะไรไม่ได้ถ้าไม่มีใครสั่ง อย่างกับหุ่นยนต์แบบนั้นแหละ ทั้งๆที่ชีวิตเป็นของเราแต่เขากลับคุมทุกอย่าง เราอยากได้อะไรไม่เคยได้ แต่ชอบยัดเยียดสิ่งที่เราไม่ชอบมาให้ตลอด เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก เรากลายเป็นคนเก็บกดไปตั้งแต่ที่อยู่กับแม่ตอน ป สี่ ตอนนั้นอยู่กับพ่อเลี้ยง และ แม่ ย่ากำลังสร้างบ้านเลยไม่อยากให้เราต้องอยู่ด้วยกลัวเป็นอันตราย ทีนี้ พอไปอยู่ด้วยแม่ชอบเข้าข้างพ่อเลี้ยง ลูกของพ่อเลี้ยงก็ชอบหาเรื่องเราแกล้งเรา ทำให้เราผิดอยุ่เสมอ บางทีก็คิดว่าคนในบ้านแต่ละคนมันเป็นปมด้อย ขอเถอะทนไม่ไหวละ จะบาปเราก็ไม่สนใจ คนในบ้านแต่ละคนว่าร้ายกันทั้งนั้น ว่าร้ายว่าคนนั้นไม่ดี แม่เราไม่ดี ย่าเราไม่ดี น้าเราไม่ดี กลับกลอก โกหกทั้งหมด ชอบเปลี่ยนคำพูด ไม่เคยมีใครที่ทำอะไรได้เลยถ้าสัญญากันไว้ พวกเขาอาจจะไม่รู้ตัวก็ได้ว่าทำอะไรลงไป แต่เราเป็นคนกลาง คนที่พวกเขาชอบมาบ่นให้ฟัง เราเห็นทั้งหมดนั่นคนเดียว พ่อเลี้ยงชอบด่าว่าเราตลอด เราเป็นคนเชื่องช้า ตอนนั้นก็แค่อายุแปดขวบ เป็นเด็กผู้หญิงที่ร่าเริงมาก แต่พอจบ ป สี่ไป ก็เริ่มเก็บตัวมากขึ้นคิดว่าคงเป็นผลกระทบที่แม่ไม่เคยสนใจเราเข้าข้างใครก็ไม่รู้ ไม่เคยเลี้ยงดูเราเลย ตั้งแต่นั้นก็เก็บตัวอยู่แต่ในห้อง กลายเป็นเด็กเงียบไม่พูดไม่จาอะไรเลย เอาแต่ก้มหน้าทำตามที่พวกเขาบอก ทำงานหนักก็ไม่เคยบ่น เวลาเหนื่อยจริงๆก็แอบพักแต่ก็โดนด่าเราเลยเกลียดคนพวกนั้นที่เห็นแก่ตัวไม่ทำอะไรเลย บอกแต่ว่าเหนื่อยที่หาเงิน เราไม่รู้หรอกว่าการหาเงินมันเหนื่อยไหม แต่เราก็เหนื่อยที่ต้องมารับฟังคำต่อว่า คำพูดที่มันทำให้เราท้อเเท้อยู่ตลอด มันเป็นคำพูดที่ดูถูกมากๆ แบบตัดความหวังกันไปดื้อๆเลย เราเกลียดวันรวมญาติ วันนั้นจะเป็นช่วงตรุษจีน ครอบครัวมีเชื้อสายจีนนะคะ เวลารวมตัวทีไร เราจะถูกทำให้เป็นคนใช้ทันที งานบ้านเราทำได้ ทำเป็นแต่บางครั้งก็มากไปน้ำดื่ม 19 ลิตร เราแบกได้สบายมากขนาดตอนเป็นเมนส์ยังถูกสั่งให้แบกเลย ข้าวแทบไม่ได้กินวิ่งวุ่นไปนี่ไปนั่น หยิบนี่หยิบนั่นให้คนนี้คนนั้น ญาติเรามีน้อยชะเมื่อไหร่ เป็นสิบๆ เราเป็นคนเดียวที่คอยบริการ ของเล็กๆน้อยๆเช่นการ หยิบเกลือ แม่เรานี่ เกลืออยู่ข้างๆ แต่สูงก่วาศรีษะเขาจะเรียกเราไปหยิบให้ทั้งๆที่เราเข้าห้องน้ำอยู่ พอไม่ไปก็ด่าหาว่าเราขี้เกียจแอบอู้งาน เราอดทนมาตลอด แต่ละคนนะทำได้ ไอ้การหิ้วของที่มาจากตลาดแค่หยิบมือแต่ก็ยังเรียกเราไปช่วยทั้งๆที่เรากินข้าวอยู่ บางทีเขาอาจจะไม่เห็นก็ได้เราก็ได้แต่เงียบไม่ตอบโต้เลยชักครั้ง เราจะพักได้ก็ต่อเมื่อพวกเขาหลับ ขนาดเรานอนยังปลุกเราให้ไปต้มมาม่าให้กินเลย การหาไม่จิ้มฟันยังโดนเรียก ไม่มีอะไรที่จะมากไปก่วานี้แล้ว เวลาเราทานข้าว เราจะออกมาทานข้าวคนเดียวเพราะทำงานจนล่วงเวลาทานข้าวไปเเล้วพร้อมกับเล่นมือถือไปด้วย ตอนนั้นก็ถูกด่า ว่าเราขี้เกียจเอาแต่เล่นมือถือ เราทนไม่ไหว ร้องไห้มันตรงนั้นเลยทั้งๆที่ปากก็ยังเคี้ยวข้าวอยู่ ขังตัวเองอยู่แต่ในห้องร้องไห้คนเดียว เราทำอะไรผิดอะ แบบขอกรูพักบ้างเถอะทานข้าวไปด้วยแล้วก็เล่นมือถือไปผ่อนคลายแค่นี้ทำไม่ต้องว่าเราด้วย จนเราออกมาจากห้องเราบึ่งมอไซหนีไปที่บ้านเพื่อนเลยไปอยู่จนเย็นอะ ทิ้งงานมันทั้งหมดนั่นแหละไม่มีเราชักคนก็ไม่ลำบากหรอก พวกเขาชินกับการใช้งานเราตลอดจนทำเองไม่เป็นเลยมั้ง ทำไมพวกเขาถึงไม่ดูผลงานที่เราทำ แต่รอที่จะตำหนิเวลาเราพักผ่อนละ
ขนาดพวกเขายังเลือกคูชีวิตเองได้ แต่ทำไมพวกเขาต้องมาเลือกให้เรา
ขนาดพวกเขาที่แต่งงานกับคนที่คิดว่าใช่ยังมีปัญหากันเลย แล้วถ้ากับเราละกับคนที่ไม่เคยรักมาก่อนแบบนั้น มันจะไม่หนักก่วาพวกนั้นเหรอคะ

แค่นี้ก็คงจะเข้าใจแล้วสินะ เราเหนื่อยมาก เคยมีคนบอกว่า คนเราทำงานหนักแต่ถ้าพักแรงก็กลับมาอีก คนเรากินเเรงตัวเองไม่มีวันหมดหรอก เรารู้ดี แต่บางทีการทำงานลงแรงแบบนั้นมันกลับพ่วงมาด้วยคำดูถูกต่างๆนาๆ เรามีปมด้อยไปแล้ว เราเป็นคนที่มีขี้แมลงวันเยอะนะ ครอบครัวชอบล้อเราตลอดจนแบบปวดใจเจ็บใจทำอะไรไม่ถูก เรียกเราไปให้คนอื่นดูแล้วชี้ไฝพวกนั้นให้พวกนั้นดูจนเราอายมากจนหน้าซาเหมือนโดนตบไปหลายครั้งเลยแหละ เราเกลียดพวกเขามาก ทั้งรักแล้วก็เกลียด บางครั้งก็แทบอยากจะฆ่ายกครัวให้มันตายกันไปหมดเลยแหละแต่ยังดีที่ไม่ทำ ตอนนี้เราเป็นคนเก็บกดจนแบบเสพแต่ความรุนแรง เวลาโมโหหนักๆจะชอบทำลายข้าวของมองหามีด จะเอามากรีดแขนตัวเองอยู่ตลอด จนเราเริ่มรู้ตัวว่าตัวเองแปลกไปแล้ว สับสนทางอารมณ์ พูดไปก็ไม่มีใครเข้าใจเราเลยชักคน บอกใครก็ไม่ได้ เรื่องนี้ก็ด้วย จะปรึกษาใครก็ไม่ได้ พึ่งพาใครไม่ได้เลย อยากตายแล้ว ไม่อยากอยู่ คิดว่า ถ้าวันนั้นมาถึงวันที่เราถูกจับแต่งงานจริงๆวันที่ถูกนัดดูตัว วันนั้นเราคงทำจริงๆนั่นแหละ ทำต่อหน้าพวกนั้น ถ้าหากว่าพวกเขาอยากให้เราทำ เราคิดว่าชาติหน้าก่อนเถอะ ไม่มีอะไรเหลือให้พึ่ง เราเกลียดตัวเองที่อ่อนแอ หัวอ่อน ยอมได้ทุกเรื่อง โดนต่อว่ามาหนักเข้าก็แอบมาร้องไห้คนเดียว พิมพ์ไปร้องไห้ไป T T ขนาดคิดว่ามีพ่อแม่ แต่ก็พึ่งไม่ได้เลย พึ่งใครไม่ได้ชักคนเดียว แล้วพวกคุณมีวิธีไหนบ้างคะ ที่จะทำให้เราปฏิเสธความหวังดีที่เราไม่ชอบแบบนั้น เราอยากหนีจริงๆ ไม่ก็ตายไปเลย


การที่ครอบครัวห่วงเราจนเกินไป กลัวว่าสังคมจะทำอันตรายกับเรา แต่พวกเขาอาจจะไม่หันกลับมามองตัวเองก็ได้ว่ากำลังทำลายชีวิตของเด็กคนหนึ่งอยู่

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านคะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่