ลิขิตฟ้าไม่สู้มานะตน! ก๊อต เปิดใจโกอินเตอร์ประกบ แมทธิว แม็คคอนาเฮย์



                      ก๊อต จิรายุ ตันตระกูล นักแสดงหนุ่มหน้าตาดีหุ่นแซ่บ ที่แฟนละครหลายคนอาจจะคุ้นหน้าคุ้นตากับนักแสดงหนุ่มคนนี้ไม่น้อย แต่ใครจะรู้ว่าตอนนี้หนุ่มก๊อตคนนี้ได้สร้างฝันให้ตัวเอง และสร้างความภาคภูมิใจให้กับคนไทยอีกด้วย ด้วยการได้ร่วมเล่นหนังฮอลลีวูดเรื่อง Gold ที่มี แมทธิว แม็คคอนาเฮย์ พระเอกเจ้าของรางวัลออสการ์

                      ซึ่งกว่าจะได้เล่นหนังฮอลลีวูดสักเรื่องไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับหนุ่มก๊อต เพราะเจ้าตัวจะต้องวิ่งแคสต์งานหนังต่างประเทศด้วยตัวเองมานานเกือบ 8 ปี โดยไม่มีผู้จัดการหรือว่าใช้เส้นสายในการทำงาน แต่ด้วยความเพียรพยายามของหนุ่มก๊อต ในที่สุดการแคสต์งาน และมีผลงานการแสดงเข้าตาโปรดิวเซอร์ จนก๊อตได้รับเลือกให้มาเล่นหนังเรื่องนี้นั่นเอง

                      รายงานพิเศษ โดยทีมข่าวบันเทิงไทยรัฐออนไลน์ จะไปพูดคุยแบบเปิดใจกับ หนุ่มก๊อต จิรายุ นักแสดงหนุ่มมากความสามารถที่วันนี้ได้โกอินเตอร์ด้วยความสามารถของตนเองคนนี้กัน


ทำไมถึงได้ไปร่วมงานกับต่างประเทศ?

              “ผมเที่ยวแคสต์หนังต่างประเทศอยู่ตลอด ตลอดระยะเวลาที่เป็นนักแสดงประมาณ 7-8 ปีได้ เพราะผมมองว่าตัวเองเป็นนักแสดงก็เลยอยากจะลองทำอะไรที่มากกว่างานแสดงละคร ก็ไปแคสต์งานมาตลอดเลย และก็เพิ่งจะได้เรื่องนี้แหละ (หัวเราะ)”


วันที่ไปแคสต์หนังเรื่องนี้ เค้ารู้มั้ยว่าเราเป็นนักแสดงที่ไทย?

               “ผมไม่ได้สนใจตรงนั้นว่าเค้าจะรู้จักผมหรือไม่ แต่ผมอยากให้ผลงานเป็นสิ่งพิสูจน์มากกว่า ผมไม่ได้ให้เค้ามานั่งดูโปรไฟล์ผมว่าผมเป็นใคร หรือทำงานอะไรมาบ้าง ไม่ได้นำเสนออะไรแบบนั้น ไปแบบคนโนเนม เพราะว่าฝรั่งเค้าต้องการคนทำงาน เค้าไม่ได้รับว่าผมเป็นคนของใคร แต่เค้ารับเพราะว่าผมจะทำงานให้เค้าได้ระดับไหนมากกว่า (ยิ้ม)”


ไปแคสต์มาต้องรอนานแค่ไหนกว่าจะได้รับคำตอบ?

               “รอบแรกแคสต์กับแคสติ้งที่เป็นคนไทยก่อน รอบ 2 แคสต์กับโปรดิวเซอร์ กับผู้กำกับที่มาดูด้วยตัวเค้าเอง ซึ่งผมมั่นใจตั้งแต่รอบ 2 แล้วว่าน่าจะได้ เพราะว่าเราทำเต็มที่ และก็รอประมาณ 3 อาทิตย์ หรือ 1 เดือนถึงประกาศผล ในระหว่างรอไม่ตื่นเต้นเลย เพราะผมมั่นใจว่าผมได้ แต่ก็ไม่รู้ว่ามีใครไปแคสต์หนังเรื่องนี้บ้าง เพราะผมแข่งกับตัวเองมาโดยตลอด เลยทำให้มั่นใจว่าเราต้องได้ คือเราเดินไปหาเค้าเพื่อไปโชว์ความสามารถที่เรามีว่าเราเป็นคนไทย ที่จะสามารถเป็นส่วนนึงที่ทำให้งานเค้าออกมาดีได้นะ มันต่างกันนะกับการเดินเข้าไปของาน”



อีกหนึ่งผลงานความภาคภูมิใจของก๊อต ก็คือการได้ร่วมเล่นหนังฮอลลีวูดเรื่อง Gold



พอรู้ว่าได้เล่นหนังเรื่องนี้ ความรู้สึกเป็นอย่างไร?

               “ดีใจมาก (ยิ้ม) จำได้ว่านอนนวดไทยอยู่ในร้าน พอเค้าโทรมาบอกว่าเราได้นะ เลิกนวดเลย กระโดดโลดเต้นอยู่ และก็บอกแม่ว่าได้เล่นหนังเมืองนอกแล้วนะ ก็ไม่คิดว่าหลังจากที่เราไปร่วมงานแล้วกระแสมันจะออกมาดีอย่างนี้”


ทำงานร่วมกับทีมงานฮอลลีวูดเป็นอย่างไรบ้าง?

               “เค้าเป็นโปรดักชั่นที่ให้เงินเยอะ เป็นหลายร้อยล้าน เรื่องการทำงานก็ต่างกันเยอะ เรื่องความละเอียดอ่อนก็มีมากกว่า โชคดีที่เราเล่นละครมันก็คล้ายๆ กับเล่นหนังนะ มีโอกาสฝึกฝนฝีมืออยู่ตลอด แต่ถึงจะมีประสบการณ์ในการทำงานมาบ้าง แต่พอไปร่วมงานกับเค้าจริง ผมตื่นเต้นมากที่ได้ร่วมงานกับบิ๊กโปรเจกต์ และได้ร่วมงานกับคนที่ได้รับรางวัลออสการ์ด้วย แต่ผมก็ต้องเก็บความตื่นเต้นและซ่อนมันไว้ และก็เดินหน้าไปหาเค้าด้วยความเป็นมืออาชีพครับ”


ในเรื่องนี้ก๊อตรับบทเป็นใคร คาแรกเตอร์เป็นแบบไหน?

               “เรื่องนี้ ผมรับบทเป็น....ลูกชายประธานาธิบดีอินโดนีเซีย คาแรกเตอร์จะเป็นแบดบอย แสบๆ กวนๆ ขี้โกงหน่อยๆ เล่นประมาณ 5-6 ฉาก แต่ก็อยากจะให้แฟนๆ ได้ติดตามผลงานของผม”


เพราะได้โกอินเตอร์เล่นหนังของฮอลลีวูด ทำให้คนรู้จัก ก๊อต จิรายุ มากขึ้น รู้สึกอย่างไร?

               “ผมไม่เกร็งหรือกดดันอะไร เพราะว่าผมทำอาชีพนักแสดง ก็ยังเป็นนักแสดงคนเดิม ทุ่มเทให้กับการทำงานเหมือนเดิม ความสำเร็จมันได้มาก็ดีใจ แต่จะไม่เอามาทำให้ตัวเองกดดัน ความสำเร็จในตรงนี้ผมคิดว่ามันเป็นการยกระดับของชีวิตในเรื่องของบทพิสูจน์ที่ตัวเองตั้งเป้าไว้ว่าเราทำได้ ผมไม่ได้สนใจว่าคนอื่นจะมองผมแบบไหน ไม่ได้ใส่ใจเท่าไร”


ทีเซอร์จากภาพยนตร์เรื่อง Gold



หนังเรื่องนี้คนไทยจะได้ดูมั้ย?

               “ผมไม่ทราบว่ามันจะเข้าไทยหรือเปล่า (หัวเราะ) พูดตรงๆ เลย แต่ภาวนาให้มันเข้า อยากจะให้ดู เพราะผมว่าหนังที่แมทธิวเค้าเล่นมันเป็นหนังคุณภาพ แต่มันเป็นหนังดราม่าและมีชื่อเข้าชิง คนไทยจะไม่ค่อยรับเรื่องพวกนี้ให้เข้ามาฉายเท่าไร อาจจะถูกมองข้ามไป ส่วนใหญ่เค้าจะเอาอะไรที่มันสนุกสนาน แอดเวนเจอร์มาขาย แต่ถึงไม่มาฉายในไทยแต่มีฉายที่เมืองนอกผมก็โอเคแล้ว ถือว่าเอาตัวเองไปฝากไว้ในแวดวงฮอลลีวูดแล้ว”


หนังเรื่องนี้จะเป็นใบเบิกทางทำให้ก๊อตได้โกอินเตอร์อย่างเต็มตัวมั้ย?

               “จริงๆ แล้วมันเป็นโปรไฟล์ที่ดีให้ตัวผมนะ แต่ตอนนี้ผมถ่ายคมแฝกอยู่ ผมขอทุ่มเทเวลาในการทำงานให้กับละครเรื่องนี้ก่อน ขอให้ใจจดจ่ออยู่กับการทำงานแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว เพราะผมเคยเป็นนักแสดงที่รับเล่นหลายๆ เรื่อง ทำให้ผมไม่ได้เต็มที่ให้กับงาน ทำให้ผมรู้สึกเกรงใจผู้จัด เวลาที่ผมไม่ได้ทุ่มเทให้เค้าเต็มที่ ผมเลยขอทุ่มเทให้กับพี่นก ฉัตรชัย เต็มที่ก่อน”





สำหรับการเล่นหนังต่างประเทศเรื่องต่อไป ยังจะต้องไปแคสต์อีกหรือเปล่า หรือมีหนังเรื่องนี้เป็นใบเบิกทางให้ทำงานง่ายขึ้น?

               “สำหรับการทำงานหนังฮอลลีวูด ยังไงก็ต้องแคสต์บทก่อนอยู่ดี เค้าไม่ได้รับคุณเข้ามาเล่นเพราะใคร แต่เค้ารับเพราะว่าคุณทำอะไรได้ มันต่างกันตรงนี้ ผมก็จะเดินหน้าแคสต์งานต่อไปเรื่อยๆ ผมจะค่อยๆ ไต่ขึ้นไปเรื่อยๆ ผมมีความฝันอยากจะร่วมงานกับต่างประเทศด้วย ไม่ใช่แค่ร่วมงานกับฮอลลีวูดอย่างเดียว เพราะว่าแต่ละที่มีศิลปะแตกต่างกันออกไป”


เคยไปชิมลางร่วมงานกับที่ไหนแล้วบ้าง?

               “ผมเคยไปร่วมงานที่ฮ่องกงมาแล้ว 1 เรื่อง ชื่อเรื่องวันไนท์โอนลี่ เล่นกับกัวฟูเฉิน เล่นเป็นนักมวยไทยที่ต่อยมวยใต้ดิน ถ่ายเสร็จ ออนแอร์ไปแล้วเมื่อเดือนที่แล้ว ส่วนของที่อื่นๆ ก็อยากไปร่วมงาน ก็คงหาโอกาสไป เวลา ประสบการณ์จะบอกเราเอง”


ก่อนหน้านี้ก๊อตได้ไปร่วมแสดงในซีรี่ย์เรื่องวันไนท์โอนลี่ เล่นกับกัวฟูเฉิน ออกอากาศที่ประเทศฮ่องกง







เป็นนักแสดงที่เน้นคุณภาพการทำงานมากกว่าปริมาณของงาน?

               “ใช่ครับ เพราะว่างานมัน คือ อนุสาวรีย์ของเรา เมื่อก่อนผมเคยทำงานเยอะ รับงานเยอะเกินไป บางทีไม่ได้ใส่ใจงาน จนรู้สึกว่าถ้าวันนึงเราเป็นผู้จัดแล้วมีนักแสดงทำงานแบบนี้ผมก็ไม่ชอบเหมือนกัน เราก็เลยตั้งใจไว้ว่าจะทำงานแค่เรื่องละ 1 ชิ้นให้ดีที่สุด เพราะยังไงถ้าเราทำงานออกมาดี ผลประโยชน์ก็ตกอยู่ที่ตัวเราอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นผู้จัด ตัวเรา หรือว่าช่อง 3 ถ้าผมสามารถทำให้องค์กรที่ผมอยู่ด้วยผลิตผลงานที่ดีขึ้นได้ ผมจะดีใจมากครับ เวลาที่มีผู้จัดติดต่องานมา ผมขอบคุณทุกคนที่นึกถึงผม ว่าผมควรจะไปอยู่ในงานของเค้า แต่บางทีจังหวะเวลามันไม่ได้จริงๆ ผมคิดว่าถ้าเราไม่ทุ่มเทให้กับการทำงาน มันอาจจะกลับมาทำร้ายเราในอนาคตก็ได้”


แคสต์งานหนังต่างประเทศมา 6-7 ปี เพิ่งจะได้งาน ก่อนหน้านี้ไม่รู้สึกท้อบ้างเหรอ?

               “ไม่นะครับ ไม่ได้ก็คือไม่ได้ แต่ไม่เคยท้อ ก็แคสต์ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเราเตรียมตัวไปดีพอ เราก็จะเป็นคนที่ถูกเลือก ถ้าไม่เตรียมตัว ไม่ฝึกซ้อม ไม่พัฒนา เราก็ไม่ถูกเลือก มันเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ผมยืนอยู่บนลำแข้งตัวเองตั้งแต่เข้าวงการแล้วครับ หางานไปแคสต์เองครับ คือการแคสต์หนังของผม ผมจะดูว่าโลเคชั่นในการถ่ายของเค้าอยู่ที่ไหน ถ้ามาถ่ายที่ไทยหรือโซนเอเชียผมก็จะไล่เก็บ ก็จะไปแคสต์ ถ้าเป็นถ่ายต่างประเทศมันจะเป็นเรื่องยากสำหรับผม เพราะว่าผมต้องถ่ายละครด้วย ช่วงที่ถ่ายหนังเรื่องนี้ผมก็ถ่ายละครเรื่องชาติพยัคฆ์ และเฮฮาเมียนาวี”



วิ่งแคสต์หนังฮอลลีวูดด้วยตนเองมา 7-8 ปี แต่ก็ไม่เคยท้อ



รู้สึกอย่างไรที่คนจะเรียกก๊อตว่านักแสดงโกอินเตอร์?

               “ใช้คำว่านักแสดงไทยดีกว่านะ (หัวเราะ) มันไม่ใช่เรื่องของการโกอินเตอร์อะไรนะ แต่เป็นแค่งานอีกงานหนึ่งที่เผอิญคนจะได้เห็นกันทั่วโลกก็เท่านั้นเอง มันไม่ได้ถึงขั้นโกอินเตอร์ พูดอย่างนั้นเต็มปากไม่ได้ และคนที่รู้ว่าผมได้ทำงานกับโปรดักชั่นฮอลลีวูดก็มีแต่คนใกล้ตัวทั้งนั้น ผมไม่ได้บอกใคร”


ความฝันในเส้นทางฮอลลีวูดของก๊อตเป็นอย่างไร?

               “จริงๆ แล้วผมก็อยากจะร่วมงานกับผู้กำกับฮอลลีวูดหลายคนเหมือนกัน ก็พยายามตามดูอยู่ว่า เค้าจะแวบมาถ่ายหนังที่ไทยหรือเปล่า (หัวเราะ)”


จะหยุดงานในไทยแล้วไปตามฝันที่ฮอลลีวูดมั้ย?

               “ไม่ขนาดหยุดงานที่ไทยแล้วไปครับ แต่หวังแค่ว่าสักวันนึงที่เราบ่มเพาะฝีมือในการทำงานได้ระดับนึง ผมก็จะไปโชว์ศักยภาพของคนไทย ว่าคนไทยไม่ได้แพ้ชาติใดในโลกนะ พี่บัณฑิต อึ้งรังษี ไปเป็นคอนดักเตอร์ระดับโลกมาแล้วนะ แล้วทำไมเด็กไทยคนนี้จะทำไม่ได้ เราก็มีความฝันครับ วินาทีแรกแค่ฝันอยากจะเป็นนักแสดง แต่พอผ่านมา 7-8 ปีผมได้ทำเกินความฝันมาระดับนึง ก็เลยฝันต่อว่าสักวันนึงจะมีโอกาสได้ไปสร้างชื่อเสียงให้คนไทยบ้าง ส่วนจะไปเมื่อไหร่ ก็ยังไม่รู้ว่าวันนั้นจะมาเมื่อไหร่ แต่ผมวางชีวิตในการทำงานในวงการบันเทิงเอาไว้ถึง 40 ปี แล้วจะเลิกครับ”



....มีต่อค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่