"แก้วโป่งข่าม" ความงามจากใต้พิภพ


  หากเอ่ยถึงคำว่า “อัญมณี”  หลายท่านอาจจะนึกถึงเครื่องประดับที่สวยสดงดงาม ล้ำค่า จนใครๆ ก็คิดอยากมีไว้ครอบครอง อัญมณีล้ำค่าเหล่านั้นมีมากมายหลายชนิดเหลือเกิน ใครเลยจะรู้ว่ามันเป็นเพียงหินแร่ที่มาจากทรัพยากรใต้พิภพ หากแต่มันเป็นหินแร่ที่มีค่า และแน่นอนเมื่อนำมาเจียระไนแล้วจะต้องมีลักษณะที่สวยงาม คงทน และมีราคา
    “แก้วโป่งข่าม” เป็นหินแก้วตระกูลแร่ควอทซ์ (Quartz) หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “แร่เขี้ยวหนุมาน”  โดยตามมาตรความแข็งของโมส์ (Moh’s scale of hardness) ควอทซ์มีค่าความแข็งอยู่ในอันดับที่ 7 (ความแข็งมี 10 อันดับ เพชร แข็งที่สุด คืออันดับ 10) โดยลักษณะของควอทซ์จะมีความโปร่งใส ไปจนถึงทึบแสง และมีมายหลายสี ควอทซ์จึงจัดเป็นรัตนชาติตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่ง และหลายพื้นที่ในประเทศไทยพบควอทซ์หลายชนิด แต่ชนิดที่นำมาทำแก้วโป่งข่ามนั้น พบมากที่ อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง
    “แก้ว”  ตามความหมายโดยทั่วไป หมายถึง หินใสแลลอดเข้าไปข้างในได้
    “โป่ง” หมายถึง ลักษณะของสิ่งที่พองด้วยลม หรือแก๊ส เช่น ดินโป่ง (ดินที่มีเกลือ) เป็นต้น
    “ข่าม” เป็นภาษาถิ่น หมายถึง อยู่ยงคงกระพัน
    “แก้วโป่งข่าม” จึงมีความหมาย คือ หินใสที่มองเล็ดลอดเข้าไปข้างในและมีความอยู่ยงคงกระพัน โดยเกิดจากการผุดขึ้นมาจากช่องดิน
    แก้วโป่งข่าม เป็นอัญมณีศักดิ์สิทธ์คู่บ้านคู่เมืองของอำเภอเถินมาช้านาน เชื่อกันว่าสามารถคุ้มภัยให้คุณในทางที่ดี อีกทั้ง อำเภอเถินยังมีแหล่งกำเนิด (ขุมแก้ว) ที่ชาวบ้านเชื่อกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ “ดอยโป่งหลวง”  บ้านนาบ้านไร่ หมู่ที่ 5 ตำบลแม่ถอด  มีการขุดพบโป่งข่ามยักษ์ เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2545  ปัจจุบัน ประดิษฐานอยู่ในเจดีย์ วัดบ้านนาบ้านไร่ เป็นองค์พระเจ้าแก้วโป่งข่ามที่องค์ใหญ่ที่สุดในโลก โดยสูง 99 เซนติเมตร วัดรอบฐาน 66 เซนติเมตร น้ำหนัก 1,000 กิโลกรัม อันเป็นที่เคารพบูชาของชาวบ้าน
         แน่นอนว่า เมื่อมีแหล่งกำเนิดอยู่ใกล้ชุมชน ต้องเกิดอาชีพที่ก่อให้เกิดรายได้   ชาวบ้านจึงได้ขุดเอาหินแก้วโป่งข่ามจากแหล่งแก้วศักดิ์สิทธิ์นี้  นำมาเจียระไน โดยอาศัยประสบการณ์และภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สืบทอดกันมา  ก่อให้เกิดเป็นผลิตภัณฑ์สร้างรายได้แก่คนในชุมชนจนกลายเป็นอุตสาหกรรมประจำหมู่บ้าน  เมื่อหน่วยงานภาครัฐเล็งเห็นถึงศักยภาพของคนในชุมชน จึงได้ให้การสนับสนุน ทำให้เกิดเป็นผลิตภัณฑ์ OTOP  ของกลุ่มเจียระไนแก้วโป่งข่าม ตำบลแม่ถอด   โดยมีผลิตภัณฑ์เครื่องประดับ ทั้งแหวน ล็อกเกต กำไลข้อมือ จี้สร้อย รวมไปถึงการแกะสลักพระพุทธรูป ซึ่งถือเป็นความมีสิริมงคลและความขลัง
    เมื่ออยู่ภายใต้ผิวดิน แก้วโป่งข่ามสามารถที่จะดูดขับพลังงานจากธรรมชาติได้ ตลอดจนแสดงพลังงานออกมาในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไปจนคนโบราณสังเกตพบ และกำหนดชื่อเรียกขานแก้วแบบนั้นๆ ตามลักษณะ และรูปแบบพลังงานที่แสดงออกมาเพื่อสะดวกแก่การจดจำ และใช้สอย  จึงจะขอยกตัวอย่างดังต่อไปนี้
     - แก้วขนเหล็ก เป็นแก้วโป่งข่ามที่มีความนิยมอย่างแพร่หลายในหมู่โป่งข่ามด้วยกันอาจจะเป็นเพราะมีการนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์  เรื่องแก้วขนเหล็ก จึงทำให้ผู้คนคุ้นหูกับคำว่า แก้วขนเหล็ก ก็เป็นไปได้  แก้วขนเหล็ก ในบรรดาแก้วขนเหล็กนั้นก็จะแยกออกเป็นสองแบบ คือ  

   1. แก้วขนเหล็กใส  เนื้อแก้วจะเป็นแก้วที่น้ำใส ภายในมีเส้นแร่ปรากฏอยู่ มีขนาดไม่เกินเส้นผม  บางคติความเชื่อกล่าวกันว่า เส้นขนสีดำที่อยู่ภายในเม็ดแก้วคือ "เหล็กไหล" ในทางวิทยาศาสตร์ระบุว่า เส้นขนในแก้วชนิดนี้เป็นแร่รูไทล์ (Rutile) ธาตุติตาเนียม (Titanium) ซึ่งเป็นแร่ประเภทโลหะที่มีราคาแพง ให้สรรพคุณในเรื่องของอยู่ยงคงกระพัน ช่วยคุ้มครองป้องกันภูตผีปีศาจ และยังให้โชคลาภอีกด้วย
  2. แก้วขนเหล็กตัน แก้วโป่งข่ามชนิดนี้ จะมีเส้นขนสีดำลักษณะเดียวกันกับแก้วขนเหล็กใส เส้นขนจะใหญ่และหยาบกว่า เนื้อแก้วเป็นสีขาวขุ่นหรือสีเทา แก้วขนเหล็กตันสามารถหาได้ง่ายกว่าแก้วขนเหล็กใส  ช่วยในเรื่องของโชคลาภ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องเดินทางติดต่อค้าขายและต้องการประสบความสำเร็จก้าวหน้าในหน้าที่การงาน
    

- แก้วเข้าแก้ว นับได้ว่าเป็นแก้วที่แปลกประหลาด ค่อนข้างจะเป็นที่นิยมอย่างสูงในหมู่นักสะสมโป่งข่ามราคาก็ค่อนข้างที่จะสูงกว่าโปงข่ามชนิดอื่นและเป็นแก้วที่หาได้ยากลักษณะของแก้วชนิดนี้เมื่อยังไม่ได้ทำการเจียระไน ตอนยังเป็นหน่อแก้วอยู่นั้น จะมองเห็นมีหน่อแก้วลิ่มเล็ก ๆปรากฏอยู่ข่างในหน่อแก้วอาจจะลิ่มเดียวหรือเป็นกลุ่ม งอกขึ้นอยู่ภายในหน่อแก้วใหญ่ โดยแทงทะลุจากภายนอกด้านใดด้านหนึ่งเข้าไปภายใน หรืออาจจะเป็นหน่อแก้วซ่อนอยู่ภายในหน่อแก้วใหญ่เชื่อกันว่าแก้วเข้าแก้วเป็นแก้วที่มีพลังสูงซึ่งผู้ที่เป็นเจ้าของอาจจะสัมผัสได้ถึงขุมพลังเร้นลับเหล่านั้น หากผู้ที่ได้ครอบครองปฏิบัติดีต่อแก้ว ย่อมที่จะได้รับผลดีตอบแทนอย่างคาดไม่ถึงว่ากันว่าแก้วเข้าแก้วให้คุณทางด้าน อำนาจ, วาสนา, เสริมบารมี

     - แก้วทรายคำ  มีลักษณะเด่นคือ เมื่อนำมาเจียระไนทำหัวแหวนแล้ว ด้านบนของแก้วจะมีลักษณะใสด้านล่างหรือพื้นแก้วจะมีแร่คล้ายๆเม็ดทรายเรียงรายอยู่เต็มพื้นแก้ว โดยทั่วไปแล้วจะมีหลายสี แต่ที่นิยมกันจะมี  สีแดง สีส้ม สีทอง ซึ่งก็มีความเชื่อตามสีของเม็ดทรายแตกต่างกันไป เช่น สีส้มสีแดง ให้คุณทางด้าน ป้องกันโรคภัย ส่งเสริมสุขภาพของผู้ครอบครอง สีทองให้คุณทางด้าน โชคลาภเงินทอง มั่งมีศรีสุข
     - แก้วแร  นี้เป็นแก้วที่ส่งผลในการค้ำชูสำหรับผู้ที่ทำธุรกิจค้าขาย เป็นแก้วที่จะเหนี่ยวนำให้เกิดความคิด หรือภูมิปัญญาอันเป็นที่มาของโภคทรัพย์ ซึ่งอาจเปรียบเสมือนแก้วจินดามณี อันหมายถึงพระนางจินดา (พระสุรัสวดี) เทวีแห่งปัญญานั่นเองผู้ที่ครอบครองแก้วแรมักจะเกิดญาณทัศนะบางอย่าง ที่ทำให้สามารถหยั่งลึกได้ในลู่ทางของทรัพย์ หรือก่อให้เกิดจินตนาการเชิงศิลปะ อีกทั้งบังเกิดโชคลาภอันเป็นที่มาของทรัพย์อีกด้วย โดยจะแบ่งออกเป็น
1.ประกายแร ถ้าในแก้วมีเส้นแพรแก้ว ในลักษณะควันแพรแก้วมักจะพบในแก้วสีฟ้าควัน แพรแก้วตวัดม้วนอยู่ข้างในและมีประกายแรติดอยู่กับเส้นแพรแก้วด้วยทำให้เกิดวาวแววเหลือบบนผิวแก้ว
2.แรสาด อีกแบบหนึ่งที่เส้นแพรแก้วอยู่ลักษณะโค้งเว้าลงก้นแก้ว ประกายแรกลิ้งได้ แววสาดกลิ้งไปกลิ้งมาบนหน้าแก้ว แบบนี้เรียกว่าแรสาด
3.แรใน แรเหลือบ ยังมีแก้วแบบพิเศษอีกแบบหนึ่งที่มีความแวววาวแรและวาวสีพิเศษในเนื้อแก้วมองๆดูเหมือนแก้วเนื้อใสธรรมดา บางทีก็เห็นเหลือบสีขึ้นมาโดยมองจากแต่ละมุมไม่เหมือนกัน แบบนี้เป็นลักษณะของ แก้วแรใน แบบ น้ำแก้วน้ำใส วาวแรที่สะท้อนกันเองในแก้วดั่งน้ำและน้ำมันรวมกัน สีที่เจือจางอยู่มุมใดมุมหนึ่งของแก้ว สามารถทอสีขึ้นมาโดยวาวสีเล่นกับวาวแก้วจึงเรียกกันว่าแก้วแรใน สมัยโบราณคนที่เล่นสะสมโป่งข่าม แก้วชนิดนี้มีราคาดีมากเพราะเป็นการเล่นด้วยน้ำใสของแก้วอีกทั้งยังแรเหลือบสีประหลาดที่เราสามารถเห็นจากข้างใดข้างหนึ่ง แก้วชนิดนี้ถือว่าเป็นแก้วที่หายากมาก

    - แก้วประภาหมอกมุงเมือง เป็นโป่งข่ามประเภทที่มีเนื้อภายในแก้วมีลักษณะเป็นลายสีขาวขาวขุ่นหนาทึบเหมือนกับเมฆหมอก หมอกมุงเมืองบางเม็ดสีเหมือนตอนฝนใกล้จะตกคือจะออกครึ้มๆ บางเม็ดก็เป็นสีหมอกเหมือนตอนที่วันท้องฟ้าแจ่มใสคือมีสีหมอกใสหรือหมอกอมฟ้า บางครั้งจะเป็นเพียงริ้วบาง ๆแทรกด้วยสีฟ้าอ่อน หรือมีลักษณะเหมือนกับควันไฟขาว ๆ ก็ได้ มีความเชื่อกันว่า หากใครได้ครอบครองแก้วหมอกมุงเมือง จะส่งผลให้เกิดความชุ่มเย็นกับตัวเองและครอบครัว และยังส่งผลในด้านทรัพย์สินเงินทองให้บริบูรณ์อีกด้วย

     - แก้ววิตูลสีน้ำผึ้ง ลักษณะทั่วไป น้ำแก้วจะมีหลายลักษณะ คือ ประเภทน้ำใสจะมีสีเหลือง โดยทั่วไปแล้วจะมีน้อยมากที่จะพบสีเหลืองใสจริงๆมักจะมีสีขุ่นเหลืองเสียมากกว่า จะไม่ขุ่นมากนัก สีเหลืองขุ่นมีลาย ลักษณะลายประกอยอาจจะมีลายทีเกิดขึ้น เป็นริ้ว หรืออาจจะเป็นวงๆ คล้ายๆ กับ แก้วตาเสือ อาจจะมีสีภายในเม็ดเดียวกัน เช่นสีขาว สีดำ สีเหลือง ซึ่งเป็นลักษณะที่หายากมาก แก้วสีวิตูลน้ำผึ้งเราจะเปรียบเทียบสี ได้จาก สี่ของน้ำผึ้ง คือจะไม่ออกสีเหลืองมากนัก แต่จะออกสีเหลืองอมส้ม ผสมอยู่ คุณวิเศษของแก้ววิตูลสีน้ำผึ้งหากผู้ใดที่ได้ครอบครองนำมาเป็นขวัญถุง หัวแหวนหรือจี้ เครื่องประดับต่างๆ จะทำให้เกิดโชคลาภ ทวีคูณ เกิด ความชุ่มเย็นมีชื่อเสียงและอำนาจ การค้าขาย การติดต่อ และยังแคล้วคลาดอีกด้วย

     - แก้วพิรุณแสนห่า เป็นแก้วที่มีลักษณะเด่นของลวดลายเป็นสายฝน พุ่งลงมาจากด้านบนสู่ด้านล่าง ซึ่งคล้ายกับฝนที่ตกลงมาเป็นริ้วๆ  มีความเชื่อกันว่า แก้วพิรุณแสนห่านี้ สามารถคุ้มครองผู้ที่เป็นเจ้าของ จะสามารถแคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง ทำให้ทรัพย์สินงอกเงย อีกทั้งยังทำให้เกิดความเจริญและสามารถพลิกฟื้นชะตาให้ดีขึ้นได้  เปรียบได้กับสายฝน ที่สามารถให้ความชุ่มชื้นและพลิกแผ่นดินให้เกิดความอุดมสมบูรณ์เจริญงอกงาม แก่สรรพสิ่งทั้งหลายได้

     - แก้วปวก คำว่าปวก เป็นภาษาเหนือที่แปลว่า ต่อมน้ำหรือฟองน้ำ แสดงถึงสิ่งที่มีลักษณะฟูขึ้นมา เหมือนต้นไม้, ใบหญ้า, ตะใคร่น้ำ, ประการังหรือสาหร่าย จะเรียกรวมกันว่าปวก แก้วปวกมีหลายวรรณะ เรียกชื่อตามลักษณะ เช่น ปวกเขียว, ปวกแดง, ปวกชมพู, ปวกเงิน, ปวกครั่ง, ปวกลอย, ปวกทราย ฯลฯ คุณสมบัติตามความเชื่อ ถือว่าให้คุณในการทำมาค้าขาย เสน่ห์เมตตามหานิยม สำหรับเวลาไปติดต่อประสานงาน ทำให้ดำเนินการต่างๆ ราบรื่น แคล้วคลาดภยันตราย

    - แก้วสามกษัตริย์ แก้วที่เกิดจากการรวมกันของแก้วต่างสกุลในผลึกเดียว เช่น แก้วปวก แก้วทราย แก้วขนเหล็ก เป็นต้น ถือว่าเป็นแก้วที่รวมเอาสิ่งเป็นมงคลไว้ด้วยกัน มีคุณในการเสริมชะตาบารมี ให้โชคลาภ บันดาลความเจริญรุ่งเรืองแก่ผู้ถือครอง เป็นแก้วซึ่งนับว่าเป็นที่ต้องการสูง เนื่องจากใช้ได้กับทุกวันเกิด ทุกราศี และรวมเอาคุณของแก้วต่างๆ ไว้ด้วยกัน เป็นพลังทวีคูณที่จะส่งเสริมในแก้วดวงนั้น การจำแนกแก้วสามกษัตริย์ หลักๆ จะมีแบ่งเป็น 2 แบบ คือ แก้วสามกษัตริย์ ที่เกิดจากการสหชาติ (รวม) ของแก้วต่างสกุลกัน เช่น แก้วปวก, แก้วขนเหล็ก, แก้วเข้าแก้ว เป็นต้น ซึ่งจะเป็นแก้วสามกษัตริย์ที่หายาก และมีค่าสูง

อีกประเภทหนึ่ง คือแก้วสามกษัตริย์ที่เกิดจากการสหชาติ ของแก้วประเภทปวก หรือกาบ ซึ่งอยู่ในสกุลเดียวกัน แต่ต่างวรรณะกัน เช่น ประกอบด้วยปวกเขียว, ปวกทอง, ปวกแดง หรือ กาบเงิน กาบทอง กาบแดง เป็นต้น หรือเรียกอีกอย่างว่า แก้ววรรณสาม
    อย่างไรก็ตาม “แก้วโป่งข่าม” ที่ใครต่อหลายคนอาจไม่เคยได้ยิน หรือสนใจมาก่อน แต่สำหรับบางคนแล้ว “แก้วโป่งข่าม” เป็นอัญมณีล้ำค่าที่มีคุณค่าทั้งทางด้านราคาและด้านจิตใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้คนมีความเชื่อและศรัทธาต่อความศักดิ์สิทธิ์ของแก้วโป่งข่าม ที่นอกจากจะมีความสวยงามในตัวของมันแล้ว ยังมีคุณค่าทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และตำนานความเชื่อต่างๆ ที่ยังรอคอยให้ใครหลายๆคนค้นหา และมีไว้ครอบครอง เพื่อไม่ให้ “แก้วโป่งข่าม” ต้องถูกลืมเลือนหายไปอยู่ใต้แผ่นดิน และกลายเป็นเรื่องราวในอดีตที่คนรุ่นหลังไม่มีทางรับรู้ได้อีกเลย
ขอขอบคุณข้อมูล จาก กลุ่มเจียระไนแก้วโป่งข่าม ผลิตภัณฑ์ OTOP บ้านนาบ้านไร่ ต.แม่ถอด อ.เถิน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่