เนื่องจากผมเป็นคนนึงที่ใช้ Samsung มาตั้งแต่ Note2 ซึ่งก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรอาจจุกจิกกวนใจบ้างแต่โดยรวมถือว่าผ่าน
จนมาถึง Note 5 ที่ซื้อมาช่วง เดือนพฤศจิกายน 2558 ซึ่งใช้มาก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรหนัก แค่เรื่องสายชาร์จ หูฟัง ที่พังก่อน
เวลาอันควร จนล่าสุดตัวครื่องพบอาการรวน Touch ไม่ติด reset ทีก็หาย จนเริ่มไม่ไหวจนเข้าศูนย์
วันที่ 21/9/2559 นำเครื่องไปเช็คที่ศูนย์ในห้าง IT ห้างนึงแถวรังสิต ทิ้งเครื่องไว้ รอตอบกลับ
วันที่ 24/9/2559(ถ้าจำไม่ผิด) มี Message ส่งมาว่าเครื่องเสร็จแล้ว ตอนนั้นยังชมว่าซ่อมไวมากมาย
วันที่ 25/9/2559 เดินทางไปรับเครื่อง
ปัญหาที่ 1 พนักงานบอกยังไม่ได้ซ่อมเพราะมีค่าใช้จ่ายจึงโทรหาแต่ไม่รับสาย พนักงานจึง key ปิดงาน พร้อม Message
ปิดงานที่ส่งให้แบบอัตโนมัติ (เข้าใจว่าน่าจะเป็น KPI การปิดงานใน 3 วัน จึงปิดไปก่อน ลูกค้าค่อยเคลียร์ทีหลัง)
อันนี้ก็เป็นข้อนึงที่เราเสียเวลามาโดยยังไม่รู้ว่าเครื่องจะยังไงต่อ เสียเวลา เสียค่าเดินทาง
ปัญหาที่ 2 พนักงานบอกเครื่องมีคราบความชื้น เอาหลักฐานมาให้ดุก็พบคราบความชื้นจริงอันนี้เห็นครับ แต่เป็นแค่ขอบนอกตรง
รอยต่อที่ปิดฝาหลัง ซึ่งยืนยันไปว่าไม่เคยตกน้ำ ไม่เคยเปียกฝน มีแค่ใช้งานทั่วไป อาจมีเหงื่อยหรืออะไรต่างๆจากสภาพปกติ
แต่พนักงานยืนยันว่าไม่เคลมในทุกกรณี ถ้ามีรอยแบบนี้ ถ้าซ่อมราคา 6,528 บาท คือเปลี่ยนหน้าจอครับ
สิ่งที่เป็นคำถามของผมคือ การใช้งานปกติที่อาจมีเหงื่อที่มือ การเข้าออกห้องแอร์กับอากาศร้อนภายนอก การใช้งานทั่วไปที่เป็นปุถุชน
มือถือเครื่องละสองหมื่นกว่านี่ทนไม่ได้เหรอครับ หรือ อย่างน้อยถ้าอยู่ในประกัน 1 ปี ควรจะให้ความคุ้มครองหรือเปล่า
ตอนนี้ผมยังไม่ได้เปลี่ยน หรือ ซ่อม คือยังทนใช้เพราะมันยังใช้ปากกามาจิ้มได้อยู่ และอีกอย่างคือเครื่องเพิ่ง 10 เดือนเอง
ยังไม่พร้อมจะเสียเงินเลยครับ ถ้าจะซ่อมราคาแบบนี้ผมเพิ่มอีกไม่กี่พันไปสอย IPhone 6 ดีกว่าครับ ตัวล่างแค่หมื่นต้นต้นตอนนี้
ถ้า Samsung มาเห็นฝากพิจารณาด้วยครับกับปัญหานี้
ป.ล.1 ผมไม่เคยรู้สึกแย่ที่มือถือเสียน่ะครับเพราะการผลิตย่อมเกิด Defect แต่ผิดหวังกับ Service Mind หรือ คนที่คุณเรียกว่าลูกค้าครับ
ป.ล.2 วันนั้นเห็นเพื่อนร่วมชะตากรรมอีกคนนึง แต่รายนั้นน่าจะจอม่วงครับ
Samsung Galaxy Note 5 กับการไม่รับเคลมเพราะช่างบอกว่ามีคราบความชื้นบริเวณขอบเครื่อง
จนมาถึง Note 5 ที่ซื้อมาช่วง เดือนพฤศจิกายน 2558 ซึ่งใช้มาก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรหนัก แค่เรื่องสายชาร์จ หูฟัง ที่พังก่อน
เวลาอันควร จนล่าสุดตัวครื่องพบอาการรวน Touch ไม่ติด reset ทีก็หาย จนเริ่มไม่ไหวจนเข้าศูนย์
วันที่ 21/9/2559 นำเครื่องไปเช็คที่ศูนย์ในห้าง IT ห้างนึงแถวรังสิต ทิ้งเครื่องไว้ รอตอบกลับ
วันที่ 24/9/2559(ถ้าจำไม่ผิด) มี Message ส่งมาว่าเครื่องเสร็จแล้ว ตอนนั้นยังชมว่าซ่อมไวมากมาย
วันที่ 25/9/2559 เดินทางไปรับเครื่อง
ปัญหาที่ 1 พนักงานบอกยังไม่ได้ซ่อมเพราะมีค่าใช้จ่ายจึงโทรหาแต่ไม่รับสาย พนักงานจึง key ปิดงาน พร้อม Message
ปิดงานที่ส่งให้แบบอัตโนมัติ (เข้าใจว่าน่าจะเป็น KPI การปิดงานใน 3 วัน จึงปิดไปก่อน ลูกค้าค่อยเคลียร์ทีหลัง)
อันนี้ก็เป็นข้อนึงที่เราเสียเวลามาโดยยังไม่รู้ว่าเครื่องจะยังไงต่อ เสียเวลา เสียค่าเดินทาง
ปัญหาที่ 2 พนักงานบอกเครื่องมีคราบความชื้น เอาหลักฐานมาให้ดุก็พบคราบความชื้นจริงอันนี้เห็นครับ แต่เป็นแค่ขอบนอกตรง
รอยต่อที่ปิดฝาหลัง ซึ่งยืนยันไปว่าไม่เคยตกน้ำ ไม่เคยเปียกฝน มีแค่ใช้งานทั่วไป อาจมีเหงื่อยหรืออะไรต่างๆจากสภาพปกติ
แต่พนักงานยืนยันว่าไม่เคลมในทุกกรณี ถ้ามีรอยแบบนี้ ถ้าซ่อมราคา 6,528 บาท คือเปลี่ยนหน้าจอครับ
สิ่งที่เป็นคำถามของผมคือ การใช้งานปกติที่อาจมีเหงื่อที่มือ การเข้าออกห้องแอร์กับอากาศร้อนภายนอก การใช้งานทั่วไปที่เป็นปุถุชน
มือถือเครื่องละสองหมื่นกว่านี่ทนไม่ได้เหรอครับ หรือ อย่างน้อยถ้าอยู่ในประกัน 1 ปี ควรจะให้ความคุ้มครองหรือเปล่า
ตอนนี้ผมยังไม่ได้เปลี่ยน หรือ ซ่อม คือยังทนใช้เพราะมันยังใช้ปากกามาจิ้มได้อยู่ และอีกอย่างคือเครื่องเพิ่ง 10 เดือนเอง
ยังไม่พร้อมจะเสียเงินเลยครับ ถ้าจะซ่อมราคาแบบนี้ผมเพิ่มอีกไม่กี่พันไปสอย IPhone 6 ดีกว่าครับ ตัวล่างแค่หมื่นต้นต้นตอนนี้
ถ้า Samsung มาเห็นฝากพิจารณาด้วยครับกับปัญหานี้
ป.ล.1 ผมไม่เคยรู้สึกแย่ที่มือถือเสียน่ะครับเพราะการผลิตย่อมเกิด Defect แต่ผิดหวังกับ Service Mind หรือ คนที่คุณเรียกว่าลูกค้าครับ
ป.ล.2 วันนั้นเห็นเพื่อนร่วมชะตากรรมอีกคนนึง แต่รายนั้นน่าจะจอม่วงครับ