สืบรักจับหัวใจเอฟบีไอ [yaoi] บทที่ 7 ภาพถ่าย - บทที่ 8 ย่องเบา และปกนิยายที่จะออกงานหนังสือค่ะ

กระทู้สนทนา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

บทที่ 7 ภาพถ่าย

              เสียงกริ๊งของโทรศัพท์ที่ตั้งอยู่ในส่วนเคาท์เตอร์ใกล้กับเครื่องคิดเงินดังขึ้นหลายครั้ง ทำให้ปีเตอร์ซึ่งกำลังสาละวนอยู่กับการดึงถาดขนมออกจากเตาต้องหันไปร้องสั่งอเล็กซ์

              “ช่วยไปรับที”

              เด็กหนุ่มละมือที่กำลังนวดแป้งถูมันกับผ้ากันเปื้อนสองสามครั้งก่อนหยิบหูโทรศัพท์ขึ้นมา

              “ร้านไวท์บราวนี่ครับ”

              “อเล็กซ์หรือจ๊ะ ?” เสียงสุภาพสตรีวัยกลางคนที่เปี่ยมไปด้วยความอบอุ่นดังมาตามสาย อเล็กซ์เบิกตาโตด้วยความดีใจและคาดไม่ถึง

              “ป้าธิลดา !”

              เสียงหัวเราะคิกคักเหมือนถูกใจกับปฏิกิริยาของหลานรัก “แหม ทำเป็นตกอกตกใจไปได้ ผิดหวังหรือไงจ๊ะที่ไม่ใช่เสียงแฟน”

              เย้าด้วยความเอ็นดูโดยไม่รู้ว่าตอนนี้คนได้ยินหน้าแดงไปถึงหูแล้ว

              “ผมยังไม่มีแฟนครับ”

              “ตายจริง !” ป้าธิลดาแกล้งอุทาน “สาว ๆ ที่นั่นไม่รู้จักของดีกันเลยหรือยังไง ไม่เป็นไรถ้าหญิงไม่มองเอาหนุ่ม ๆ ก็ได้ แต่ต้องหล่อแบบเพียซ บรอสแนนหรือคีอานู รีฟนะ”

              “ป้าครับ” คนเป็นหลานท้วงด้วยเสียงอ่อนใจ ก่อนวกกลับเข้าเรื่อง “มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับถึงได้โทร.มาหา”

              “แหม ต้องมีเรื่องด้วยเหรอจ๊ะถึงจะโทร.มาได้ ป้าแค่คิดถึงอยากรู้ว่าหลานเป็นยังไง รู้จ้ะว่าโตแล้ว แต่คนแก่ ๆ อย่างป้าก็อดเป็นห่วงไม่ได้”

              น้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความการุณย์ไม่เคยเปลี่ยน ทำให้อเล็กซ์รู้สึกตื้นตันจนต้องสูดจมูกแรง ๆ เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องเผลอร้องไห้ออกมา

              “ผมสบายดีครับ การเรียนไม่ค่อยหนักเท่าไหร่ กิจกรรมเยอะหน่อย เล่นบาสกับเพื่อนบ้างเป็นบางครั้ง ตอนนี้กำลังหัดทำขนมจะได้ช่วยผ่อนแรงปีเตอร์”

              ป้าธิลดานิ่งฟังจนหลายชายพูดจบจึงเอ่ยถาม

              “จริงสิ ปีเตอร์เป็นยังไงบ้าง ดีกับหลานหรือเปล่า”

              “ดีมากเลยครับ ที่จริงผมโดนดุเรื่องมาทำขนมกับช่วยงานในร้านหลายครั้ง เพราะเขาอยากให้ตั้งใจเรียนมากกว่า”

              “งั้นหรือจ๊ะ ป้ารู้ว่าหลานชอบทำขนมมาก แต่ตอนนี้ควรทำอย่างที่ปีเตอร์แนะนำ มีความรู้ติดตัวต่อไปจะได้ไม่ลำบาก อ้อจริงสิ ! ป้าดูข่าวทางทีวีเห็นว่าเมืองที่หลานอยู่มีคดีฆาตกรรมด้วย ยังไงก็ระวังตัวหน่อยนะ เลิกเรียนแล้วก็รีบกลับบ้าน อย่าไปไหนมาไหนคนเดียว”

              “ครับ” อเล็กซ์รับคำสั้น ๆ ที่จริงเขาอยากเล่าเรื่องเอฟบีไอมาทำคดีนี้แล้วให้ป้าธิลดาฟังแต่เพราะกลัวว่าจะเป็นการคุยกันแบบไม่รู้จบ เขาเลยจำต้องเงียบ

              “โอ้ ป้าต้องไปเข้าประชุมแล้ว แค่นี้ก่อนนะ รักหลานนะจ๊ะ” เธอพูดเสียงอ่อนและคงขยับปากจูบหูโทรศัพท์ด้วย ความคิดนั้นทำให้อเล็กซ์ยิ้ม

              “ผมก็รักป้าครับ”

              เขาวางโทรศัพท์เตรียมจะเข้าไปทำงานต่อแต่ต้องหยุดชะงักเมื่อเสียงกริ๊งดังขึ้นอีกครั้ง เด็กหนุ่มยื่นมือไปรับ

              “ร้านไวท์บราวนี่ครับ”

              “อเล็กซ์หรือจ๊ะ ?” ประโยคเดียวกันแต่เป็นคนละคน แถมเจ้าของเสียงคนนี้เป็นคนเพี้ยนหลุดโลกในความคิดของอเล็กซ์

              “คุณแคลร์ ?”

              “ปิ๊งป่อง ถูกต้องแล้วจ้า” หญิงสาวตอบเสียงระรื่นก่อนจะลดให้เบาลงเพราะโดนใครบางคนเปรยให้ได้ยินว่า หนวกหู ซึ่งถ้าเดาไม่ผิด เจ้าของเสียงน่าจะเป็น _

              อเล็กซ์ใจเต้นแรงก่อนสูดลมหายใจเพื่อตั้งสติ

              “มีอะไรหรือครับถึงโทร.มาแต่เช้า”

              “เช้าที่ไหน นี่มันเจ็ดโมงกว่าแล้ว” แคลร์แกล้งแย้งก่อนปรับน้ำเสียงให้ดูเป็นงานเป็นการ “วันนี้พวกเรามีประชุมกันแต่เช้า ร้านโดนัทยังไม่เปิด เครื่องชงกาแฟก็ดันมาเสีย เลยเหลือร้านเธอเท่านั้นที่เปรียบเสมือนโอเอซีสกลางทะเลทราย”

              หญิงสาวทำเสียงเศร้าจนน่าสงสารก่อนปล่อยไม้เด็ด

              “ช่วยเพิ่มบริการแบบเดลิเวอรี่ให้หน่อยได้ไหม”

              อเล็กซ์นิ่ง ชำเลืองตามองไปที่ครัว “ขอผมถามปีเตอร์ก่อนนะครับ”

              เขาวางโทรศัพท์ ชะโงกหน้าเข้าไปในครัว “คุณแคลร์ขอให้เราเอากาแฟไปส่งให้ที่สำนักงาน นายว่าไง”

              ปีเตอร์มุ่นคิ้วตอบเสียงห้วน “ร้านเราไม่มีบริการเดลิเวอรี่”

              “เธอรู้ แต่พวกเขาเข้าประชุมกันตั้งแต่เช้า เลยไม่มีเวลาแวะซื้ออะไร” อเล็กซ์ให้เหตุผลและสะดุ้งเมื่อปีเตอร์โยนแป้งขนมปังดิบลงบนโต๊ะเสียงดังโครม

              “แล้วนายว่าไง” เขาย้อนถามพลางใช้แผ่นโลหะบางตัดมันออกมาเป็นก้อนเล็ก ๆ อเล็กซ์มองหน้าอีกฝ่าย

              “นายเป็นเจ้าของร้าน”

              “แต่นายเป็นคนรับออเดอร์” ปีเตอร์สวนคำกลับก่อนถอนใจ “ทำไงได้ ลูกค้าต้องมาก่อน นายรับผิดชอบไปก็แล้วกัน”

              “แน่ใจนะ” เด็กหนุ่มถามย้ำ พอเห็นอีกฝ่ายผงกศีรษะรับเขาจึงย้อนกลับไปที่โทรศัพท์อีกครั้ง กรอกคำพูดถาม “คุณจะรับอะไรบ้างครับ”

              เสียง ังมาจากปลายสายตามด้วยรายการเครื่องดื่มพร้อมขนมยาวเป็นหางว่าว อเล็กซ์จดลงบนสมุดและอ่านทวนซ้ำอีกครั้งและกล่าวตบท้ายก่อนวางสาย

              “ผมขอ 30 นาทีนะครับ”

              “ได้จ้ะ” แคลร์ตอบกลับมาจากนั้นสายก็ตัดไป พอวางโทรศัพท์ อเล็กซ์ก็รีบเข้าไปจัดการงานที่ค้างแต่ปีเตอร์กลับดึงไปทำเอง

              “ฉันจัดการตรงนี้เอง นายไปเตรียมของให้ลูกค้าเถอะ”

              เด็กหนุ่มพยักหน้าพร้อมกับกล่าวคำขอบคุณ จากนั้นจึงไปจัดขนมใส่กล่อง ชงกาแฟตามออเดอร์ที่ได้รับแต่เมื่อถึงคิวของชาเขากลับหยุด มองห่อชาในมืออย่างใช้ความคิดก่อนเปลี่ยนใจยัดมันลงถุงทั้งแบบนั้น หันไปหยิบกระติกมากรอกน้ำร้อน เสร็จแล้วจึงอ่านรายการทั้งหมดทวนอีกรอบเมื่อแน่ใจว่าครบทุกอยางแล้วเขาจึงเดินไปบอกปีเตอร์

              “ผมออกไปส่งของนะครับ”

              เจ้าของร้านผงกศีรษะทั้งที่มือยังสาละวนอยู่กับการนวดแป้ง อเล็กซ์จึงเดินไปหยิบกุญแจรถ ค่อย ๆ วางอาหารและเครื่องดื่มอย่างระมัดระวังจากนั้นจึงขับมุ่งหน้าไปยังสำนักงานเอฟบีไอ พอไปถึงประตูทางเข้า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจึงเอ่ยทักอย่างคุ้นเคย

              “อรุณสวัสดิ์อเล็กซ์”

              “อรุณสวัสดิ์ครับ ผมเอาของมาส่ง...”

              “คุณแคลร์แจ้งไว้แล้ว” เจ้าหน้าที่คนนั้นพูดพลางเปิดรั้วกั้น “จอดรถให้เรียบร้อยก่อนเดี๋ยวผมนำทางไปให้”

              เขาบอกอย่างสุภาพ อเล็กซ์จึงนำรถไปจอดยังจุดที่กำหนดไว้สำหรับบุคคลภายนอก พอขนของทุกอย่างออกมาหมดแล้วเจ้าหน้าที่คนเดิมจึงส่งบัตรผ่านชั่วคราวให้พร้อมกับเดินนำเข้าไปด้านใน เมื่อถึงห้องทำงานของพวกเอฟบีไอแล้วเขาก็ชี้ไปยังโต๊ะทำงานที่ถูกจัดไว้เป็นกลุ่ม

              “รอตรงนั้นก่อนนะ”

              เขาบอกก่อนเดินจากไป อเล็กซ์จึงหอบของทั้งหมดเดินไปยืนรอตามคำแนะนำ ดวงตากวาดมองไปโดยรอบ หัวใจพองโตด้วยความตื่นเต้น เขากำลังยืนอยู่ในห้องทำงานของเอฟบีไอ !

              สภาพของห้องผิดจากที่จินตนาการเอาไว้นิดหน่อย เพราะเขาเคยเห็นภาพที่ทำงานของเอฟบีไอจากในภาพยนตร์เป็นส่วนใหญ่ อเล็กซ์มองโต๊ะทำงานของเจ้าหน้าที่แต่ละคนที่อยู่ในลักษณะหันหน้าชนกัน แฟ้มเอกสาร ตำรา หนังสือถูกจัดวางไว้อย่างมีระเบียบ มีมุมกาแฟเล็ก ๆ จัดไว้ให้ด้านหนึ่งแต่ส่วนที่เป็นเครื่องชงมีป้ายติดไว้ว่า เสีย(อีกแล้ว) ซึ่งน่าจะเป็นลายมือของแคลร์ ข้างกันเป็นเครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องพิมพ์ และอะไรอีกหลายอย่างที่เขาไม่รู้จัก ถัดไปอีกหน่อยเป็นห้องประชุม เด็กหนุ่มทิ้งสายตาไว้ตรงนั้นอยู่ครู่หนึ่งด้วยหวังว่าอยากให้ใครคนหนึ่งก้าวออกมา แต่เมื่อไม่มีวี่แววเขาจึงเลื่อนกลับมายังโต๊ะทำงานอีกครั้ง และสะดุดเข้ากับภาพถ่ายเล็ก ๆ ที่วางไว้จนชิดมุม

              อเล็กซ์ขยับเข้าไปใกล้ ๆ เพื่อมองให้ชัดและใจเต้นเมื่อเห็นหน้าคนในรูป โต๊ะะทำงานของไซรัส เขาคิดพลางไล่สายตาสำรวจด้วยความอยากรู้และไม่แปลกใจเลยสักนิดที่มันดูเป็นระเบียบแถมยังสะอาดกว่าโต๊ะอื่น

              เด็กหนุ่มอมยิ้มก่อนเลื่อนตากลับไปที่กรอบรูปอีกครั้ง ไซรัสในชุดสูทสีเข้มกำลังยืนตีหน้าขรึมอย่างที่ชอบทำเป็นประจำ แต่สิ่งที่ทำให้ดูแปลกไปกว่าทุกครั้งคือ ดวงตาที่มองตรงมายังกล้องดูอ่อนโยนอย่างไม่น่าเชื่อ ต้นเหตุก็น่าจะเป็นสาวสวยที่ยืนเคียงคู่อยู่ด้วยกัน รอยยิ้มกับมือของเธอที่จับแขนของไซรัสอย่างสนิทสนมทำให้อกด้านซ้ายของอเล็กซ์เกิดอาการปวดหนึบขึ้นมา

              คุณไซรัสมีคนรักแล้ว

              ประโยคอันน่าเจ็บปวดผุดขึ้นมาในหัว เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนพื้นใต้เท้าหายวับไปทำให้ร่างของเขาหล่นวูบลงไปในหุบเหวอันมืดมิด แต่จะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อคุณไซรัสเป็นคนบอกเองว่า เขาไม่เคยมีคนรัก

              ความผิดหวังจู่โจมเข้ามาในหัวใจ เด็กหนุ่มไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกแบบนั้น แต่ความคิดที่ว่าไซรัสให้ความสนใจเขาเป็นพิเศษเริ่มสั่นคลอน มือทั้งสองข้างกำถุงกระดาษกับกล่องใส่กาแฟแน่นและคงขยี้มันจนบี้แบนไปแล้วหากเสียงแคลร์ไม่ดังขึ้นมา

              “ยู้ฮู อเล็กซ์” น้ำเสียงเริงร่ากับใบหน้าที่มีรอยยิ้มเคลื่อนเข้ามาใกล้ ตาจ้องของที่อยู่ในมือเด็กหนุ่ม “เธอคือเทวดาของฉันจริง ๆ”

              พูดพร้อมกับดึงถาดกาแฟจากมือไปวางบนโต๊ะ ตามด้วยถุงขนม แต่พอเห็นกระติกน้ำร้อน ถ้วยเปล่ากับห่อชา หญิงสาวก็ขมวดคิ้ว  

              “อะไรน่ะ”

              “ครับ” อเล็กซ์ขานรับโดยไม่รู้ตัวและสะดุ้งเมื่อนึกขึ้นได้ “อ๋อ ชาของคุณไซรัสน่ะครับ ผมคิดว่าถ้าใส่น้ำร้อนมาก่อนมันจะชืดและไม่หอม”

              “แหม รู้ใจกันน่าดู” แคลร์กระเซ้าอย่างอารมณ์ดี และเริ่มเอะใจเมื่อเห็นอเล็กซ์ชำเลืองไปยังโต๊ะทำงานของไซรัสแวบหนึ่ง จากนั้นก็ทำหน้าแปลก ๆ “มีอะไรเหรอ”

              ถามพร้อมกับมองตามสายตา พอรู้ว่าเป็นภาพถ่ายเธอจึงยิ้ม “อ๋อไซรัสตอนหนุ่ม ๆ หล่อใช่มั้ยล่ะ เนี่ยถ่ายก่อนเขาไปทำคดีสำคัญคดีหนึ่ง”

              “แล้วผุ้หญิงคนนั้นเป็นใครกันหรือครับ” อเล็กซ์หลุดปากถามและนึกโมโหตัวเองที่ทำแบบนั้น เพราะสายตาของแคลร์ที่มองกลับมาแสดงให้เห็นว่า เธอเริ่มจับเค้าบางอย่างได้

              “เพื่อนร่วมงานน่ะ” จงใจทิ้งปริศนาไว้แค่นั้นก่อนเปิดกระเป๋า ดึงธนบัตรออกมา “ฉันต้องเข้าประชุมต่อแล้ว ขอบใจมากนะอเล็กซ์ อ้อ ไม่ต้องทอนหรอกที่เหลือเป็นทิป เธอจะได้เอาไว้ซื้อหนังสือที่ชอบ”

              พูดจบก็คว้าถาดกาแฟไว้ด้วยมือหนึ่ง ส่วนอีกมือหอบถุงขนมเดินจ้ำอ้าวกลับเข้าห้อง อเล็กซ์มองตามและทำท่าจะหมุนตัวกลับหากสายตากลับสะดุดเข้ากับถุงกระดาษสีน้ำตาลใบเล็กกับถ้วยเปล่า เขาจึงแตะกระติกน้ำร้อนที่สายสะพาย

              “คุณลืมชาอีกถ้วยครับ”

เด็กหนุ่มรีบร้องบอกแต่ไม่ทันเพราะแคลร์ผลุบเข้าห้องไปแล้ว เขาจึงชะงักค้างในท่านั้นพลางคิดว่าควรทำอย่างไรดีเพราะถ้าของไม่ครบก็เท่ากับว่าเขารับเงินมาเกิน ครั้นจะตามไปให้ถึงในห้องประชุมก็คงจะดูเป็นการไม่สมควร หันรีหันขวางคนเดียวอยู่ครู่หนึ่งตาก็เลื่อนไปสบกับภาพถ่ายบนโต๊ะอีกครั้ง ความเจ็บประหลาดที่วิ่งแปล๊บเข้าไปในอกทำให้อเล็กซ์ตัดใจเรื่องชาและเตรียมเดินออกจากที่นั่นแต่กลับต้องหยุดเมื่อได้ยินเสียงจากทางด้านหลัง

              “จะรีบไปไหนน่ะ”
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่