คิดยังไงกับเรื่องที่ กลต. จะห้ามนักวิเคราะห์คาดคะเนหรือใส่ความเห็นลงไปในบทวิเคราะห์กันครับ

ได้ข่าวมาพักนึงแล้วว่า กลต. จะออกกฎห้ามนักวิเคราะห์ใส่ความเห็นหรือคาดคะเนอนาคตของบริษัทจากข้อมูลที่ยังไม่ถูกส่งให้ กลต.  แล้วแบบนี้นักวิเคราะห์เค้าจะทำพวก company visit กันอยู่มั้ยนะ

แล้วบังเอิญอ่านจากบทความของเจ๊โมวันนี้  ก็น่าคิดนะ  ต่อไปพวกรายใหญ่ กอง ปอบ คงใช้ข้อมูล insider ช้อนหุ้นกันสนุกมือ  แล้วเทขายวันที่บริษัทส่งข้อมูลให้ กลต.   คือข่าวที่ล่อเม่าไปเชือดมันก็มีเยอะแหละ  แต่บทวิเคราะห์ที่มีประโยชน์มันก็มีเหมือนกัน  ทำไมไม่ออกกฎประมาณว่าถ้าวิเคราะห์พลาดจนเกินไป (คือบริษัทไม่ได้ทำแบบนั้นเลย  นวค. คิดไปเอง ยำข้อมูลเองล้วนๆ) ค่อยกำหนดโทษนักวิเคราะห์ที่ชอบปั้นข่าวมั่วเป็นรายๆ ไป

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

เขียนด้วยมือ กลต.ลบด้วย...?
เจาะกระดาน : #โมนิก้าและทีมงาน

*เดิมที “โมนิก้า” อยากเม้าท์ถึงสาเหตุที่ทำให้หุ้นตกในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา แต่เผอิญพวกมิตรสหายในแวดวงตลาดหุ้นกริ๊งกร๊างเข้ามาเยอะแยะไปหมด พร้อมกับบ่นพึมพำเกี่ยวกับกฎหมายปิดปากที่กำลังจะคลอดออกมาอย่างเป็นทางการ กลายเป็นอุปสรรคสำหรับหลายคนนั้น มันเป็นเรื่องที่ทำให้คนในสังคมตื่นตัวเป็นอย่างยิ่ง และยังทำให้รู้เพิ่มเติมอีกอย่างหนึ่งก็คือ พวกเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ เขาอยู่ที่สำนักงานไหน...อิอิอิ

*เนื่องจากทุกคนต่างรู้ดีว่า เสือกระดาษที่พยายามขู่คนอื่นฟ่อๆ อย่างสำนักงาน ก.ล.ต. ก็มีเครื่องมือเครื่องไม้ในการสืบค้นข้อมูล และหาคนผิดมาลงโทษได้อยู่แล้ว จู่ๆ ดันพยายามเข็นมาตรการใหม่ๆ ออกมาทำลายบรรยากาศการลงทุนแบบนี้ “โมนิก้า” ถือเป็นการกระทำที่ไร้สาระสิ้นดี และมองไม่เห็นหนทางที่จะพัฒนาให้ตลาดหุ้นไทยดีขึ้นแม้แต่นิดเดียวนะจะบอกให้

*ประกอบกับบรรดาแมงเม่าที่ได้ยินข่าวดังกล่าวกระทบรูหู ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า นี่คือ พ.ร.บ.ดักเม่า เพื่อไม่ให้เข้าถึงข่าวสาร ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สดๆ ร้อนๆ ที่เดี๊ยนเพิ่งสัมผัสได้ด้วยตนเอง “โมนิก้า” จึงต้องออกโรงเพื่อสื่อสารให้กับคนที่อยู่บนหอคอยงาช้างได้รับรู้สิ่งที่เขาทำก่อนหน้านี้ มันช่วยให้บรรดาแมงเม่าได้อ่านเกมธุรกิจได้ดีขึ้น และผู้เล่นหลายคนได้ยกระดับตัวเองขึ้นมาอีกขั้น...พี่สากกะเบือ กับ พี่สมชวย รู้อ่ะป่าว!

*งานนี้จริงเท็จอย่างไรไม่มีใครรู้ แต่สิ่งที่ได้ยินจากพวกพรายกระซิบเม้าท์ให้ฟังก็คือ พ่อทูนหัวทั้ง 2 หน่อเป็นคนกุลีกุจอผลักดันเรื่องดังกล่าวอย่างเต็มที่ และดูเหมือนว่า คนพวกนี้จะติดอยู่แต่ในตำราที่เล่าเรียนมา เผลอๆ ทั้งชีวิตอาจไม่เคยสัมผัสวิถีการลงทุนจริงๆ เป็นอย่างไรเสียด้วยซ้ำ และแทนที่เรื่องดังกล่าวจะช่วยให้ตลาดหุ้นไทยดีขึ้น แต่สุดท้ายอาจทำให้แมงเม่าล้มหายตายจากไปตลาดหุ้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นะคะ

*ที่สำคัญคือ สิ่งที่ทุกคนสัมผัสได้จาก ก.ล.ต. ในยุคนี้ คงเป็นการตีกรอบเพื่อทำให้ทุกคนเชื่อตามสิ่งที่ตนเองคิด! ซึ่งผิดกับยุคก่อนที่พยายามส่งเครื่องมือเครื่องไม้ต่างๆ ไปช่วยอำนวยความสะดวกบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ภูธร หรือแม้กระทั่งพยายามทุบกำแพงขวางกั้นทุกอย่างทิ้งไปหมดสิ้น เพื่อทำให้ทุกคนเข้าถึงระบบกลไกของตลาดหุ้นไทยได้ง่ายขึ้น...จริงหรือไม่ รพี รู้ดีสุด...เชื่อน้องโมเถอะ!

*หากจะเถียง “โมนิก้า” กรุณายกตัวอย่างสิ่งที่พัฒนาให้เห็นเป็นรูปธรรมมาหน่อยซิ! หากไม่สามารถพูดถึงสิ่งดีๆ เหล่านั้นได้  เพราะมัวแต่มองโลกในแง่ร้าย เดี๊ยนขอแนะนำให้ผู้รู้ที่อยู่ในสำนักงาน ก.ล.ต. ลองไปศึกษาคำนิยาม  free market กับ control market เพื่อจะได้ทบทวนบทบาทของตัวเองที่ทำอยู่ทุกวันนี้มันถูกต้องตามหลักจริงไหม?...หากยังไม่รู้สึกตัวอีก ก็ขอให้อ่านเนื้อเรื่องบรรทัดถัดไปแล้วกันเจ้าค่ะ

*เนื่องจากยุทธวิธีห้ามพูด จนกกว่าจะแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่เฮงซวยสุดๆ เพราะเหมือนเป็นการปิดช่องทางทำมาหากินของแมงเม่า พร้อมกับหยิบยื่นโอกาสให้พวกนักลงทุนขาใหญ่ บรรดากองทุน เข้าไปล้วงลึกข้อมูลเป็นการส่วนตัวมากขึ้น ซึ่งจะทำให้แมงเม่าเสียเปรียบเต็มประตูหน้าต่างในทันที เพราะกว่าจะรู้ข้อมูลข่าวสารอย่างเป็นทางการ ราคาหุ้นก็วิ่งไปไหน ต่อไหนแล้วนะซี

*ประเด็นดังกล่าวเชื่อมโยงกับกิจกรรม "บริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน" (Opportunity Day) ซึ่งมีพ่อหนุ่มนักคิด (น้อง ช.) แห่งวงการตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นคนริเริ่มไว้เมื่อหลายปีก่อน หลังเล็งเห็นว่า เป็นการเปิดโอกาสให้แมงเม่า และนักวิเคราะห์ ได้รับฟังข้อมูลจากปากผู้บริหารกันแบบสดๆ พร้อมกับเป็นการส่งเสริมให้แมงเม่าศึกษาหาข้อมูลจากรอบด้านตลอดเวลา ซึ่งเดี๊ยนเข้าใจว่า ตอนนั้น ก.ล.ต. ไม่มีส่วนร่วมอะไรกับเขาเลยนะจ๊ะ

*จู่ๆ วันนี้จะมาห้ามในสิ่งที่เขาทำกันมาดีอยู่แล้ว (ให้ข้อมูลออกไปทุกช่องทาง) “โมนิก้า” ขอถามหน่อยเถอะ! พวกคุณๆ ท่านๆ ใช้อวัยวะส่วนไหนในการพิจารณา และควรสำเหนียกไว้สักนิดหนึ่งว่า ใน 100% อาจมีจุดเสียอยู่แค่ 2% แต่ไม่ควรเอาจุดเสียแค่ 2% มาเหมารวมกับ 98% ที่ยังเป็นของดี เพราะจะกลายเป็นว่า ทั้งหมดเป็นของเสีย! ซึ่งจะทำให้สมดุลของตลาดหุ้นไทยเป๋ไปพักใหญ่ๆ เลยแหละ

*ที่สำคัญคือ ก.ล.ต. เข้าใจลักษณะของแมงเม่าขนาดไหน? และเข้าใจหัวอกของนักวิเคราะห์แต่ละสำนักขนาดไหน? หากตอบคำถามเรื่องนี้ไม่ได้ ก็อย่าไปทำในสิ่งที่ไม่เข้าท่า เพราะมันจะเป็นการเพิ่มรอยด่างดำให้กับสำนักงานแห่งนี้อีกหนึ่งจุด พร้อมกันนี้ต้องยอมรับว่า หน่วยงานนี้บางยุคก็เป็นที่รักของผู้คน แต่บางยุคก็ทำให้ผู้คนทั่วไปเบื่อหน่ายได้เหมือนกัน...น้องโมเตือนด้วยความหวังดีนะคะ

*วันนี้ “โมนิก้า” ยุ่งอยู่กับเรื่องดังกล่าวมากเกินไป เลยไม่มีเวลาไปดูตลาดหุ้นมากนัก เพราะวันนี้หน่วยงานดังกล่าวสามารถชี้ว่า ใครผิด หรือ ใครถูก ได้ทั้งนั้น...ผู้คนเลยหวาดระแวงอย่างหนัก ซึ่งเป็นบรรยากาศการลงทุนที่ไม่ดีเอาเสียเลยพับผ่าซิ