[CR] โซลโซโซไซตี้ #seoulsosociety

ขอบคุณเรื่องราวต่างๆ ที่ทำให้เกิดทริปเก้ๆ กังๆ ของพวกเรา ทริปนี้เกิดขึ้นเมื่อมีนาคมที่ผ่านมา
เตรียมการกันไม่ใช่น้อยๆ ตั่งหนึ่งปีล่วงหน้าและล่วงเลย ซอยเท้ารอออกเดินทางตามความฝันเล็กๆ
ช่วงที่เราเดินทาง คิดไว้ว่าไม่อยากให้หนาวมาก อยากไปเจอดอกซากุระ (ถ้าฟลุ๊ค) แต่ไม่อยากไปช่วงไฮซีซั่น เพราะกลัวคนเยอะ
4  วันเต็ม แผนการของพวกเราเริ่มที่ การถามพีพ่ี่ที่เค้าเคยไปออกเดินทางมาแล้วก่อนหน้านี้ (ซึ่งเราก็ได้ผลพลอยได้เรื่องที่พักมา)

มีเพื่อนออกเดินทางกันทั่งหมด 7 คน (รวมตัวเราเองผู้เขียนทริป)
วิธีชวนไม่ต้องพูดถึง พวกนี้มันใจง่าย แค่บอกว่าจะไปมันก็พูดแค่ว่า "ไปด้วยดิ"

22 มีนาคม 2559 ถึง 26 มีนาคม 2559 เป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ (แต่ไม่เยอะเท่าตอนเมษา) มันมีความฟินอยู่ในตัว

งบประมาณตามจริงที่เราใช่ไป รวมค่ากินค่าช้อปปิ้งแล้ว หมดไป 27,435 บาท
- ค่าเครื่องบิน ไป-กลับ + น้ำหนักกระเป๋า + เลือกที่นั่ง ของแอร์เอเชีย 9,215 บาท
- ค่าwifi เช่าไปแค่เครื่องเดียว รับเครื่องที่ดอนเมืองในวันเดินทาง [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.easykoreawifi.com/en/
- ค่าที่พัก 720,000 krw เราแลกเงินได้เลจ 0.0299 ถือว่าพอไหว ที่พักเรานอน 4 คืน 5 วัน ตกอยู่ที่ 21,528 บาท เฉลี่ย คืนละ 5,382 บาท
พักได้ 7 คน (หรือมากกว่านั่นก็ยังได้ นอนสบายกันสุดๆ) ตกคืนละ 769 บาทต่อคนต่อคืน เราจองที่พักตามพี่พี่เราที่เคยไปมา เพราะคุณลุงเจ้าของอพาร์ทเม้นน่ารักมากๆ พวกเราพักกันที่นี่ Cozy Seoul Hongdea  
ถ้าใครอยากไปตามก็คลิกได้เลยคะ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.booking.com/hotel/kr/cozy-seoul-hongdae-residence.th.html
จ่ายเงินที่เกาหลีเลย

ก่อนวางทริป ก่อนเเดินทางจริง เราก็ไปเที่ยวเล่นๆ มาใน nevermap อาจจะยากมากไปหน่อยในช่วงแรกๆ แต่ก็โอเคนะ อัพเดทดี

ไปเปิดทริปเลยมั่ยหละ (ภาพอาจจะไม่สวยไม่งามเท่าไหร่พึ้งเคยหัดถ่าย แต่ถ้าภาพสวยๆ เพราะเพ่ือนร่วมทริป)
ภาพจากพวกเราทั่ง 7 หวังว่าจะช่วยชักชวนให้เพื่อนๆ บังเกิดความอยากไปบ้างอะนะ



โฉมหน้าผู้ร่วมทริปโซลโซไซตี้ของพวกเรา (เป็นคนเปิดเผย) บรรยากาศจริงๆ ระหว่างรอขึ้นเครื่อง รอโหลดกระเป๋าที่สนามบิน
บินกัน 02.20 ของวันที่ 22 มีนาคม 2559 (ตี 2 นะ มานั่งชิวกันตอน 4 ทุ่ม ออกจากบ้านกันตั่งแต่ 2 ทุ่ม) ไม่ค่อยตื่นเต้นกันเท่าไหร่
พวกเราเช็คอินกันผ่านเว็ปมาก่อน เหลือแค่โหลดกระเป๋า แถวก็สั่งกว่าเพื่อนร่วมทางที่ยังไม่ได้เช็คอิน ก็สบายหน่อยนะ
ทางสายการบินเปิดให้โหลดกระเป๋าได้ก่อนเดินทาง 2 ชั่วโมง ตื่นเต้นกันจิงๆ

พอโหลดกระเป๋าเสร็จก็ดิ่งไปเขียนใบผ่านตม.ไทยกันเลย แปปเดียว มีสแกนนิ้ว ถ่ายรูปนิดหน่อย ใช่ๆ ก่อนสะผ่านประตูไปสแกนนิ้วกับถ่ายรูป เจ้าหน้าที่
เค้าจะขอใบที่เรากรอก แล้วก็พาสปอร์ต ไปสแกนๆ แล้วประตูกั่นน้อยๆ ก็เปิดออก ให้เราเข้าไป
ตอนถ่ายรูปยิ้มได้นะ ถอดหมวกด้วยนะจ๊ะ (ถ้าใครใส่)

หลังจากที่เราหลุดจากตม.ไทยแล้วก็ไปหาอะไรกินในเกต รอเวลาเครื่องออกชิวๆ  ไม่นานเท่าไหร่ เค้าก็เรียกขึ้นเครื่องแล้ว


5 ชม. ผ่านไป ก็แลนดิ้ง สนามบินIncheon International ยินดีต้อนรับจ้าาาาา
ปล. ก่อนที่เครื่องจะแลนดิ้งประมาณ 2-3 ชม. แอร์โฮสเตสก็เดินมาแจกใบขาเข้าเมือง เพื่อผ่านตม.ของเกาหลี (เค้าเรียกแบบนี้ช๊ะ)

พวกเราเดินกันแบบไม่เร่งรีบ เพราะแลนดิ้งแล้ว เราก็เช็คไวไฟที่เช่ามา ว่าใช่งานได้รึเปล่า !! พอเช็คเท่านั่นแหละ ใช่ได้คะ แต่เชื่อมต่อได้แค่
6 เครื่อง เลยต้องสลับกันเล่น แต่ก็ไม่มีปัญหา ตอนนี้อยากสัมผัสอากาศข้างนอกมาก
ที่นี่ ณ เมืองโซล เวลาเค้าเร็วกว่าบ้านเรา 2 ชม.  เฉกเช่นมาอยู่ในโลกอนาคต (จิตนาการล้ำเลิศ) ตั่งนาฬิกากันใหญ่ คำนวนอะไรกันก็ไม่รู้
เดินๆ มาเรื่อยๆ ก็เจอรถไฟ ปู้นปู้น!!~ พาไปหา ตม. (ที่เค้าว่าโหดๆ กันอะ) ต่อแถวอยู่นาน แล้วก็ถึงคิว ทุกคนผ่านฉลุย ไม่มีคำถามใดใด ยิ้มงามๆ
เดินออกมาแบบสวยๆ ไปเอากระเป๋ากันเลยครั่ชพี่น้อง


หลังจากที่เราได้กระเป๋าเดินทางแล้ว ก็ดิ้งไป A-rax กันเลย ด้วยความง่วง และ อยากสัมผัสอากาศ อยากไปถึงอพาร์ทเม้นกันเร็วๆ





บรรยากาศสนามบิน ที่กว้างใหญ่ซะเหลือเกิน เดินออกจากตม.มาไกลพอควรนะยู
เดินกันมาแบบงงๆ มึนๆ ไปเติมเงินกันที่ตู้ T-money วิธีก็ดูมาแล้วนะ แต่ลืมหมด ดูคนข้างๆ เอา
หลังจากที่เรานั่ง A-rax กันมา ก็หิวน้ำเอามากๆ ก่อนจะหาทางออกจากซับเวย์ไปที่พัก ก็แวะสักหน่อย G25


ไม่มีอะไรยากนะบอกเลยถ้าคิดจะไป
พวกเรามุ่งหน้ากันเดินมุดดินตามสถานีซับเวย์เพื่อไปออกทางออก 1 ของสถานี Hongik Univers


พีคสุดตอนถึงห้องพักก็ตรงการเปิดห้องนี่แหละ กูรูมาก เพราะคุณลุงเจ้าของอพาร์ทเม้นบอกรหัสเรามาแล้วผ่านkakao talk (ได้มาเพราะความไว้วางใจของออนนี่เรา) ลุงแกคงคิดว่าออนนี่เราสอนวิธีเปิดห้องล็อคห้องมา (หรอ?) ความจิงคือเปล่าเลย เปิดห้องกันอย่างเทพ
แต่หาวิธีล็อคห้องไม่ได้ ปล่อยให้พวกผู้ชาย 5 คน งมกันอยู่นาน
แค่กด # เท่านั่น (ใครนึกประตูเกาหลีไม่ออก ไปดูซีรี่เลยคะ แบบนั่นเดะ)  รู้สึกดียันประตู



ห้องพักของพวกเรา ชั่น 1 และมีภาพชั่น2 ยกระดับสำหรับคนมีฐานะอย่างเราด้วยนะ



ภายในห้องมีครัวเล็กๆ มีเครื่องซักผ้า มีห้องน้ำที่ดูดี พร้อมยาสระผมชิเซโด ครีมอาบน้ำชิเซโด
ผ้าขนหนู เล็ก+ใหญ่ แทบไม่ต้องเตรียมของตัวเองมานะจ๊ะ

---

เดี๋ยวๆๆๆๆๆๆ !!~
ยังไม่จบแค่รีวิวที่ซุกหัวนอนซิ
ต่อกันแบบสมจริงกันได้เลย ขอเปิดเดย์แรกของวัน 22 มีนาคม ฤดูใบไม้ผลิที่เกือบจะผลิ
ทิ้งสัมภาระทุกอย่างยกเว้นตัวและเงินทองของมีค่า เป้เบาๆ สักใบติดหลังไปเตรียมขึ้นเขาเลย
เอิ่ม!!~ ลืม บรรยายบรรยากาศตอนโผล่จากซับเวย์ คืองานดีมากคะ (หมายถึงบรรยากาศ) ตอนนั่นประมาณ 10-12  องศาได้ มันดีต่อใจมากเลย
ห้องพวกเราวิวก็สวย อะพอ!!
ต่อไปเราจะพาร่างและชีวิตของพวกเราทั่ง 7 ราย ไปพิชิตเขาน้อยฮานึล แห่งโซลเวิร์ลคัพปาร์ค
แต่ก่อนไปขอไปแหลกให้พุงป่องก่อนนะคะ จะได้มีแรงขึ้นเขา **เพราะเราเลือกที่จะเดินขึ้น สัมผัสกับสายลมอย่างแท้จริง
ถึงแม้เค้าว่ากันว่าฮานึลตอนที่ไปคือโล่งเตียนมาก ความอยากชิค อยากเก๋ อยากฮิปเตอร์หรอ ไม่มีคะ !~ ต้นหญ้าโล่งเตียนไปแล้ว
แต่พวกเราก็อยากไป ตัดสินใจกันไปเลย ไหนไหนก็มาแล้ว อย่ารอช้า
เปิดช่วงแรก ด้วยการเปิบเป็ดกลิว (เป็ดย่าง) อร่อยแรนด้อม เลือกร้านแถวฮงแด เลือกเพราะมีทหารเกณฑ์อยู่ในร้าน (แบบนี้ก็ได้หรอ? ได้ดิ กัปตันยูชีจินกำลังมาแรง)
อาหารมาเสิรฟเท่านั่นแหละ เออ!!~ อร่อยเว้ย
เป็ดย่าง สั่งมาเลย 2 แล้วก็เมนูอื่นๆ อีก กินเนื้อเป็ดย่าง + ใบงา +กิมจิ ฟินนนนลืม
จำชื่อร้านไม่ได้ อยู่แถวฮงแดนั่นแหละ ร้านใหญ่พอสมควร เสียหายกันไป แสนกว่าวอน



อิ่มท้องแล้วก็อย่ารอช้า จัดไอติมรังผึ้งต่อ เมืองไทยมีไม่กิน หอบร่างไปแหลกที่เกาหลี กลัวไม่ได้ฟิล 13 องศา

มันดีกับใจเรามากๆ คะ ทุกโค้นนนน!!~
หลังจากนี้เราก็พร้อมแล้วที่จะเปิดทริปจริงๆสักที
ไปกันเลยคะฮานึล !!!~
เบรคอย่างแรง ระหว่างเดินเราก็ไปสดุดกับตู้กดช็อคโกแลต เพื่อนก็ปล่นเราไป 100 วอน

นางกดช็อคโกแลตมาแบ่งกันกิน 7 คน อร่อยดีนะ กดกันมั่วๆ นิ่มๆ  แล้วก็ได้กิน

กว่าจะไปถึงสถานีเวิร์ลคัพปาร์ค แวะกันเพลินเลยนะครั่ชพี่น้อง

กิจกรรมระหว่างทางของพวกเรา เหตุผลหลักของการเดินทางครั่งนี้ และเป็นเหตุผลหลักเช่นกันที่ไปถึงปลายทางล่าช้ากันพอสมควร


ว่าไงวัยรุ่น เราเป็นผู้พิชิต เขาฮานึล แห่งโซล





รูปเยอะๆ รัวๆ จัดกันไปเลยนะครั่ช พี่น้อง


เรียกน้ำย่อยกันใหญ่เลย นี่แค่ที่แรกนะ บรรยากาศบอกเลยว่าดีมากๆ ถึงแม้ว่าช่วงที่พวกเราไปจะไม่ใช่ไฮซีซั่น

หลังจากที่เต็มอิ่มกับบรรยากาศบนเขาฮานึลแล้ว ก็มาถึงขาลง การเดินทางช่วงขาลงของพวกเรานั่นสุดแสนจะลำบากคะ
ใช่เงินฟาดตู้ไป คนละ 2000 วอน ลงโดยรถกอล์ฟซิคะ ไม่ดงไม่เดินมันแล้ว จะบ้าหรอ !!~ เดินขึ้นไปได้ยังไง บันได 200 กว่าขั้น
หอบจะรับประทาน พุ่งตัวไปที่ตู้กดบัตรลงเขา คุณลุงขับรถกอล์ฟแบบสโลไลฟ์ให้พวกเราได้ชมบรรยากาศตอนลงกันอย่างเนืองๆ
และเราก็ลงมาถึงตีนเขา ด้วยเวลา 5 นาที (รวดเร็วปานสายลมหนาวช่วยพัดพา)
ตะวันใกล้จะตกดินแล้วหละ พวกเราต้องไปต่อ
เป็นสถานที่ที่สามารถดึงดูดกระทิงดุทั่ง 5 ของพวกเรากันจริงๆ
**ทริปนี้มีผู้หญิงน่ารักๆ กันแค่ 2 นางเท่านั่น นอกนั่นชายฉกรรจ์ทั่งหมด
ที่ที่จะพูดถึงคือแลนด์มาร์คที่นึงได้เลย นั่นก็คือ มหาวิทยาลัยอีฮวา (มหาลัยหญิงล้วน)  ที่นี่ได้ชื่อว่าโด่งดังเรื่องสถาปัตยกรรมที่สวยงาม
แต่เชื่อซิ ไม่ได้ไปดูตึกรามบ้านช่องเค้าหรอก ผู้หญิงล้วนๆ
อย่างที่บอกคือไปถึงแล้วพระอาทิตย์ตกดิน พอดี เลยไม่ทันเข้าไปถ่ายรูปข้างในมหาลัย ด้วยความโชคดี แฟนบอยเราปวดท้อง
สบโอกาสได้เข้าห้องน้ำในหอสมุด หรือเรียกว่าอุโมงค์ หรือเรียกว่าอะไร ที่มันเป็นแลนด์มาร์กของที่นี่หนะ ?>

ผิดคาดที่เรามาถึงตอนแสงหมด รูปที่ได้ของวันแรกสำหรับที่อีฮวาจึงได้เท่านี้

มีต่อด้านล่างเลยน๊าา ไม่หมดวันง่ายๆ แน่นอนคะ