สวัสดีค่าาาา ทุกท่าน วันนี้เราจะพาทุกท่านไปเที่ยวเกาะหลีเป๊ะกัน เค้าว่าเป็นมัลดีฟเมืองไทย ไม่ไปไม่รู้ นักเดินทางอย่างเรา ใครว่าที่ไหนดี ที่ไหนสวย เราจะรออะไรหล่ะคะ รีบจองตั๋วเครื่องบิน (ที่เดี๋ยวนี้ถูกยิ่งกว่ารถทัวร์) ไปลุยกันเลยยยย
เกริ่นนำกันซักนิด ตอนแรกเราไม่ได้ตั้งใจไปหลีเป๊ะหรอก ตั้งใจจะไปหาที่พักสวยๆในงานไทยเที่ยวไทย ไว้ไปเที่ยววันเกิดแฟนที่ภูเก็ต แต่แล้วโบว์ชัวร์หลีเป๊ะก็ตกมาอยู่ในมือเราโดยไม่รู้ตัว และทันใดนั้นคุณน้าเราก็พูดขึ้นมากลางวงอาหารว่า 22 ตุลานี้ วันเกิดแฟนเค้า แฟนเค้าเป็นคนเหนือ แต่งงานมาหลายสิบปีแล้ว ยังไม่เคยพาไปใต้เลย เครื่องบินก็ไม่เคยขึ้น แล้วหันมามองหน้าเรา (ผู้จัดทริปประจำตระกูล) เราเลยนึกขึ้นได้ว่าเราได้โบว์ชัวร์ของทัวร์อัพทูยูว์ มา ไปหลีเป๊ะ 3 วัน 2 คืน คนละ 2,990.- เท่านั้น !! เราเลยเสนอไป ว่าไปวันที่ 20-22 ตุลาละกัน หลีเป๊ะ ถ้าจะไปเราจะจองตั๋วเครื่องบินกับทัวร์เลย เพราะเหลือเวลาวันสุดท้ายของงานแล้ว เดี๋ยวจะไม่ได้ราคาถูก (โดยที่ไม่รู้มาก่อนว่าหลีเป๊ะนั้นมีปิดเกาะ T^T) ทุกคนก็ตกลงปลงใจกันอย่างรวดเร็ว สรุปทริปนี้เราไปกัน ผู้ใหญ่ 6 เด็ก 1 ซึ่งทางทัวร์ อัพทูยูว์ ก็ใจดีแถมเด็กฟรีกันไปเลย ตั๋วเครื่องบินของพี่สิงโตจองในงานคนละ 625.-/เที่ยว

เราเดินทางไฟล์ทเช้า ซึ่งเป็นที่แน่นอน ขึ้นเครื่องปุ๊บ ตีตั๋วหลับปั๊บเลยจ้า แต่พอตื่นลืมตามาก็ถึงพอดี ได้เจอกับสายรุ้งสวยๆ บนทะเลน้ำใสๆ ฟินเลยค่า
ทางทัวร์นัดเราไว้ 9.30 น. รถตู้จะรับเราที่สนามบิน เครื่องเราลง 9.15 น. เครื่องยังไม่ทันแตะพื้นดิน พี่คนขับก็โทรตามแล้วค่ะ พอเปิดเครื่องก็รับสายเลย พี่รถตู้จะพาเราเดินทางจากสนามบินหาดใหญ่ ไปส่งที่ท่าเรือปากบารา ตอนเราถึงสนามบินฝนตกค่ะ ตกตลอดทางจนถึงท่าเรือ ฝนหยุดพอดี พี่ที่ท่าเรือก็โทรตามเราอีก เพราะเวลาเราเลทไปหน่อย เนื่องจากเครื่องดีเลย์ไปประมาณ 5-10 นาทีค่ะ
เมื่อถึงท่าเรือเราก็ไปติดต่อเคาน์เตอร์เพื่อจะรับตั๋วเรือค่ะ และก็ติดแท๊กที่กระเป๋า เราเดินทางโดยเรือของบริษัท พลอยสยาม ซึ่งรวมอยู่ในราคาที่เราจ่ายค่าทัวร์ไปหมดแล้ว จะมีก็แค่ค่าเข้าท่าเรือ คนละ 20 บาท เด็กไม่เสียค่ะ เราไปเป็นกรุ๊ปสุดท้ายของเรือเลย ลงเรือปุ๊บ เรือออกปั๊บ พอได้ที่นั่ง พี่คนขับสั่งให้ใส่เสื้อชูชีพค่ะ ทุกคนต้องใส่ !! ย้ำหนักมาก ด้วยความที่เราว่ายน้ำเป็น และเคยไปดำน้ำที่ภูเก็ตละพี่ไกด์เคยบอกว่า การใส่ชูชีพจะทำให้เราเมาเรือได้ แต่เอ๊ะ ทำไมครั้งนี้พี่คนชับเรือย้ำกับทุกคนว่า ต้องใส่ชูชีพ !! เราก็โอเค ใส่ก็ได้ เพราะกินยาแก้เมาเรือมาแล้ว เพราะรู้ว่าตัวเองเมาแน่ๆ พอเรือออกมาได้ซัก 5-10 นาที ก็เข้าใจเลยค่ะว่าทำไมพี่คนขับถึงย้ำกับทุกคนว่าต้องใส่ชูชีพ คุณพระ เรือโต้คลื่นหนักมากค่ะ เรานี่กรี๊ดดังสุดในเรือเลย ความรู้สึกตอนนั้น จากที่นั่งสบายๆ มองเห็นตัวเองอีกทีคือนั่งจับเรือแน่นมาก คลื่นสูง 4-5 เมตรตลอดการเดินทางค่ะ น่ากลัวมาก เรากลัวจนเราเผลอตะโกนออกไปบอกพี่คนขับว่า พี่ใจเย็นๆนะหนูยังไม่ได้เที่ยวเลย 55555 ด้วยความไม่รู้ตัว แต่เจอคุณป้าบนเรือเบรคไว้ หันมาทำหน้าดุใส่แล้วบอกว่า ไม่ต้องกลัว มันไม่มีอะไร พี่เค้าขับเก่งมาก (ป้าแกขายของอยู่บนเกาะค่ะ) นั่นแหละค่ะท่านผู้ชม เราก็กรี๊ดไปตลอดทางจนแสบคอไปหมด และพี่คนขับก็ใจดีค่ะ บอกว่าแถมให้เพราะเรากรี๊ดดัง พาไปแวะถ่ายรูปเกาะไข่

รูปเราถ่ายจากกล้อง GoPro ตัวจิ๋วนะคะ ไม่ได้ปรับสีปรับแสงอะไร และนี่แหละค่ะท่านผู้ชม เกาะไข่ ที่เราได้ยลโฉมก่อนจะถึงเกาะ สวย สงบ น้ำใส เห็นละอยากจะโดดลงน้ำตอนนั้นเลยค่ะ
ไปต่อนะคะ พอถึงหาด ที่พักก็จะโทรหาเราค่ะ (อาจจะมีสายเข้าเยอะหน่อยนะคะ เนื่องจากทางทัวร์ได้จัดเตรียมทุกอย่างให้เราแล้ว แต่ไม่ได้มีไกด์ให้ เราเลยต้องพึ่งพาตัวเองด้วยค่ะ ไม่ยากเกินความสามารถ) ซักพักทางรีสอร์ทก็จะเอารถมารับค่ะ รถที่ว่านี่ก็รถมอไซพ่วงข้างดีๆนี่เอง เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปไว้ มัวแต่รีบทุกอย่างเลย ถึงที่พัก เข้าเช็คอิน เก็บกระเป๋าเรียบร้อย ตายคาเตียงค่ะ เนื่องจากยาออกฤทธิ์ เราพักกันที่ Salisa resort ค่ะ บอกตามตรงว่าตอนแรกเห็นรูปแล้วแอบนอยเบาๆ เพราะในรูปคือห้องเช่าเรียงรายดีๆนี่เอง แต่พอไปถึงมันดีงามกว่าที่คิดค่ะ เปิดประตูเข้าไป คือน่านอนค่ะ มีทีวี เครื่องทำน้ำอุ่น ไดร์เป่าผม ทุกอย่างมีให้พร้อมค่ะ พอตื่นมาเราก็ไปเดินดูตลาด ดูวอร์คกิ้งสตรีทค่ะ เสาะหาของกินเบาๆลองท้องหน่อย เริ่มหิวแล้ว ของกินเบาๆของเราคือ คือ คือ ... บุฟเฟ่ทะเลเผา 5555555 เบามากค่าาาาา หัวละ 490.- สำหรับเรา เราว่าไม่ค่อยโอเท่าไหร่ค่ะ ทะเลยังไม่ค่อยสด อาหารไม่หลากหลาย สรุปคืนนั้นไม่คุ้มเลย กลับห้องอาบน้ำนอนดีกว่า

รูปนี้เราถ่ายจากหน้าที่พักเลยค่ะ ซ้ายเป็นบาร์ ปกติเปิด แต่ตอนเราไปเค้าปิดปรับปรุงได้ 2 อาทิตย์แล้วค่ะ ส่วนทางด้านขวา จะเป็นลานกว้างๆ ของทางรีสอร์ทค่ะ
เช้านี้รีบตื่นมากินอาหารเช้าที่ทางรีสอร์ทจัดเตรียมไว้ให้ (เป็นอาหารเซทให้สั่งเองนะคะ) เพื่อที่จะเตรียมตัวไปดำน้ำค่ะ วันนี้เรามีนัดดำน้ำกัน 4 จุดค่ะ แต่เนื่องจากเกาะที่สวยๆ เช่น เกาะหินงาม เค้าปิดค่ะ จะเปิดช่วง 21 ตุลา ซึ่งเราไม่รู้ก่อนไป เราเลยได้ไปดำแค่ที่เกาะเล็กๆค่ะ ไปกันดีกว่าค่ะ สายแล้ว เราไปดำน้ำกันเถอะ
เราไปดำน้ำกันด้วยเรือหางยาวค่ะ นั่งสบายไม่ต้องกลัวค่ะ
ช่วงที่เราไปยังเป็นหน้ามรสุมค่ะ น้ำเลยไม่ใสมาก แต่ขนาดไม่ใสมากเราเล่นน้ำริมหาดกับหลาน เราอุ้มหลานเดินลงไปจนน้ำอยู่ที่คอ เรายังมองลงไปเห็นเท้าเลยค่ะ แต่ตอนไปดำน้ำ มันแค่ไม่ใสแจ๋วค่ะ แต่ยังคงมองเห็นปะการังสีน้ำเงิน และปลาเยอะมาก กอไก่ล้านตัว
กลับไปที่รีสอร์ท ลืมบอกไปค่ะ ทางรีสอร์ทจะมีอาหารเช้าให้ 2 มื้อ และก็อาหารเย็น 1 มื้อค่ะ เราสามารถเลือกได้ว่าจะรับอาหารเย็นคืนแรกหรือคืนที่สอง ของเราเลือกเป็นคืนที่สองค่ะ เราไปกัน 7 คน ทางรีสอร์ทจัดอาหารมาให้ 9 อย่างค่ะ มีผลไม้ ข้าวเปล่าเติมไม่อั้น น้ำ น้ำแข็ง รวมเป็น 13 อย่างค่ะ อิ่มหนักมาก กินอิ่มเราก็นอนดูดาวตรงนั้นเลยค่ะ อากาศดีมาก นอนหนาวเลย โชคดีที่ตอนเราอยู่เกาะฝนตกแค่ตอนกลางคืนของคืนแรกที่เราไปค่ะ วันอื่นไม่ตกเลย
วันสุดท้ายแล้ว ตื่นเช้ามากินอาหารเช้าเสร็จก็จัดแจงเก็บข้าวเก็บของ เตรียมสัมภาระให้เรียบร้อย เตรียมกลับขึ้นฝั่งกันค่ะ เรือขากลับนัดเราไว้ 11.30 น. ถือบัตรคนละใบ เข้าคิวเพื่อขึ้นเรือค่ะ เป็นระเบียบเรียบร้อยดี คนคุมท่าเรือแอบโหดเบาๆ กลับถึงฝั่งก็รถตู้มารอรับเหมือนเดิมค่ะ และฝนก็ตกเหมือนเดิมด้วย แต่นั่งเรือขากลับไม่โหดเท่าขามาค่ะ เพราะขากลับเราขับไปทางเดียวกับคลื่น เลยไม่ต้องโต้มากค่ะ พี่รถตู้รับเราจากท่าเรือปากบารา เพื่อพาเราส่งยังจุดหมายที่เราต้องการค่ะ แล้วแต่เราจะเลือกว่าจะลงซื้อของต่อที่ตลาดกิมหยง หรือจะต่อรถที่ขนส่ง หรือจะกลับเครื่องที่สนามบินค่ะ เราได้ไปทุกที่ เนื่องจากรถตู้เป็นรถจอยทัวร์ค่ะ มีลงกันทุกที่ ส่วนกรุ๊ปเรา แน่นอนค่ะ กิมหยงและของกินรอเราอยู่ 55555 เราฝากกระเป๋าให้พี่รถตู้ไปลงไว้ที่บริษัทค่ะ เพื่อที่จะช็อปปิ้งอย่างสบายใจ และเราก็เหมารถสองแถวค่ะ เพื่อให้เค้าพาไปกินข้าว รับกระเป๋า กลับมาช็อปต่อที่กิมหยง และไปส่งที่สนามบินค่ะ ตกลงราคากันที่ 500 บาท คุณลุงยิ้มแป้นเลย ปกติเค้าคิดแค่คนละ 20 บาท ไปไหนก็ 20 ค่ะ
สรุปค่าใช้จ่ายค่ะ
ค่าทัวร์ อัพทูยูว์ เกาะหลีเป๊ะ (นอนบนเกาะ) คนละ 2,990.-
ค่าเครื่องบินพี่สิงโตคนละ 625.-/เที่ยว
ค่าเข้าท่าเรือคนละ 20.-
ค่ารถเหมา 500.-
ค่าอาหารกินเองนอกเหนือจากทัวร์ ค่าช็อปปิ้ง อันนี้อยู่ที่ตัวท่านผู้ชมนะคะ
สำหรับทริปนี้ต้องขอลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่ทริปหน้า จะเป็นที่ไหนนั้น ฝากติดตามกันด้วยนะค๊าาาา ^_____^
[CR] [CR] ไปเที่ยวกันมั้ยย หลีเป๊ะก็น่าไป หาดใหญ่ก็สบาย 3,000.- เอาอยู่ ไปกับ Up2Utour
เกริ่นนำกันซักนิด ตอนแรกเราไม่ได้ตั้งใจไปหลีเป๊ะหรอก ตั้งใจจะไปหาที่พักสวยๆในงานไทยเที่ยวไทย ไว้ไปเที่ยววันเกิดแฟนที่ภูเก็ต แต่แล้วโบว์ชัวร์หลีเป๊ะก็ตกมาอยู่ในมือเราโดยไม่รู้ตัว และทันใดนั้นคุณน้าเราก็พูดขึ้นมากลางวงอาหารว่า 22 ตุลานี้ วันเกิดแฟนเค้า แฟนเค้าเป็นคนเหนือ แต่งงานมาหลายสิบปีแล้ว ยังไม่เคยพาไปใต้เลย เครื่องบินก็ไม่เคยขึ้น แล้วหันมามองหน้าเรา (ผู้จัดทริปประจำตระกูล) เราเลยนึกขึ้นได้ว่าเราได้โบว์ชัวร์ของทัวร์อัพทูยูว์ มา ไปหลีเป๊ะ 3 วัน 2 คืน คนละ 2,990.- เท่านั้น !! เราเลยเสนอไป ว่าไปวันที่ 20-22 ตุลาละกัน หลีเป๊ะ ถ้าจะไปเราจะจองตั๋วเครื่องบินกับทัวร์เลย เพราะเหลือเวลาวันสุดท้ายของงานแล้ว เดี๋ยวจะไม่ได้ราคาถูก (โดยที่ไม่รู้มาก่อนว่าหลีเป๊ะนั้นมีปิดเกาะ T^T) ทุกคนก็ตกลงปลงใจกันอย่างรวดเร็ว สรุปทริปนี้เราไปกัน ผู้ใหญ่ 6 เด็ก 1 ซึ่งทางทัวร์ อัพทูยูว์ ก็ใจดีแถมเด็กฟรีกันไปเลย ตั๋วเครื่องบินของพี่สิงโตจองในงานคนละ 625.-/เที่ยว
เราเดินทางไฟล์ทเช้า ซึ่งเป็นที่แน่นอน ขึ้นเครื่องปุ๊บ ตีตั๋วหลับปั๊บเลยจ้า แต่พอตื่นลืมตามาก็ถึงพอดี ได้เจอกับสายรุ้งสวยๆ บนทะเลน้ำใสๆ ฟินเลยค่า
ทางทัวร์นัดเราไว้ 9.30 น. รถตู้จะรับเราที่สนามบิน เครื่องเราลง 9.15 น. เครื่องยังไม่ทันแตะพื้นดิน พี่คนขับก็โทรตามแล้วค่ะ พอเปิดเครื่องก็รับสายเลย พี่รถตู้จะพาเราเดินทางจากสนามบินหาดใหญ่ ไปส่งที่ท่าเรือปากบารา ตอนเราถึงสนามบินฝนตกค่ะ ตกตลอดทางจนถึงท่าเรือ ฝนหยุดพอดี พี่ที่ท่าเรือก็โทรตามเราอีก เพราะเวลาเราเลทไปหน่อย เนื่องจากเครื่องดีเลย์ไปประมาณ 5-10 นาทีค่ะ
เมื่อถึงท่าเรือเราก็ไปติดต่อเคาน์เตอร์เพื่อจะรับตั๋วเรือค่ะ และก็ติดแท๊กที่กระเป๋า เราเดินทางโดยเรือของบริษัท พลอยสยาม ซึ่งรวมอยู่ในราคาที่เราจ่ายค่าทัวร์ไปหมดแล้ว จะมีก็แค่ค่าเข้าท่าเรือ คนละ 20 บาท เด็กไม่เสียค่ะ เราไปเป็นกรุ๊ปสุดท้ายของเรือเลย ลงเรือปุ๊บ เรือออกปั๊บ พอได้ที่นั่ง พี่คนขับสั่งให้ใส่เสื้อชูชีพค่ะ ทุกคนต้องใส่ !! ย้ำหนักมาก ด้วยความที่เราว่ายน้ำเป็น และเคยไปดำน้ำที่ภูเก็ตละพี่ไกด์เคยบอกว่า การใส่ชูชีพจะทำให้เราเมาเรือได้ แต่เอ๊ะ ทำไมครั้งนี้พี่คนชับเรือย้ำกับทุกคนว่า ต้องใส่ชูชีพ !! เราก็โอเค ใส่ก็ได้ เพราะกินยาแก้เมาเรือมาแล้ว เพราะรู้ว่าตัวเองเมาแน่ๆ พอเรือออกมาได้ซัก 5-10 นาที ก็เข้าใจเลยค่ะว่าทำไมพี่คนขับถึงย้ำกับทุกคนว่าต้องใส่ชูชีพ คุณพระ เรือโต้คลื่นหนักมากค่ะ เรานี่กรี๊ดดังสุดในเรือเลย ความรู้สึกตอนนั้น จากที่นั่งสบายๆ มองเห็นตัวเองอีกทีคือนั่งจับเรือแน่นมาก คลื่นสูง 4-5 เมตรตลอดการเดินทางค่ะ น่ากลัวมาก เรากลัวจนเราเผลอตะโกนออกไปบอกพี่คนขับว่า พี่ใจเย็นๆนะหนูยังไม่ได้เที่ยวเลย 55555 ด้วยความไม่รู้ตัว แต่เจอคุณป้าบนเรือเบรคไว้ หันมาทำหน้าดุใส่แล้วบอกว่า ไม่ต้องกลัว มันไม่มีอะไร พี่เค้าขับเก่งมาก (ป้าแกขายของอยู่บนเกาะค่ะ) นั่นแหละค่ะท่านผู้ชม เราก็กรี๊ดไปตลอดทางจนแสบคอไปหมด และพี่คนขับก็ใจดีค่ะ บอกว่าแถมให้เพราะเรากรี๊ดดัง พาไปแวะถ่ายรูปเกาะไข่
รูปเราถ่ายจากกล้อง GoPro ตัวจิ๋วนะคะ ไม่ได้ปรับสีปรับแสงอะไร และนี่แหละค่ะท่านผู้ชม เกาะไข่ ที่เราได้ยลโฉมก่อนจะถึงเกาะ สวย สงบ น้ำใส เห็นละอยากจะโดดลงน้ำตอนนั้นเลยค่ะ
ไปต่อนะคะ พอถึงหาด ที่พักก็จะโทรหาเราค่ะ (อาจจะมีสายเข้าเยอะหน่อยนะคะ เนื่องจากทางทัวร์ได้จัดเตรียมทุกอย่างให้เราแล้ว แต่ไม่ได้มีไกด์ให้ เราเลยต้องพึ่งพาตัวเองด้วยค่ะ ไม่ยากเกินความสามารถ) ซักพักทางรีสอร์ทก็จะเอารถมารับค่ะ รถที่ว่านี่ก็รถมอไซพ่วงข้างดีๆนี่เอง เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปไว้ มัวแต่รีบทุกอย่างเลย ถึงที่พัก เข้าเช็คอิน เก็บกระเป๋าเรียบร้อย ตายคาเตียงค่ะ เนื่องจากยาออกฤทธิ์ เราพักกันที่ Salisa resort ค่ะ บอกตามตรงว่าตอนแรกเห็นรูปแล้วแอบนอยเบาๆ เพราะในรูปคือห้องเช่าเรียงรายดีๆนี่เอง แต่พอไปถึงมันดีงามกว่าที่คิดค่ะ เปิดประตูเข้าไป คือน่านอนค่ะ มีทีวี เครื่องทำน้ำอุ่น ไดร์เป่าผม ทุกอย่างมีให้พร้อมค่ะ พอตื่นมาเราก็ไปเดินดูตลาด ดูวอร์คกิ้งสตรีทค่ะ เสาะหาของกินเบาๆลองท้องหน่อย เริ่มหิวแล้ว ของกินเบาๆของเราคือ คือ คือ ... บุฟเฟ่ทะเลเผา 5555555 เบามากค่าาาาา หัวละ 490.- สำหรับเรา เราว่าไม่ค่อยโอเท่าไหร่ค่ะ ทะเลยังไม่ค่อยสด อาหารไม่หลากหลาย สรุปคืนนั้นไม่คุ้มเลย กลับห้องอาบน้ำนอนดีกว่า
รูปนี้เราถ่ายจากหน้าที่พักเลยค่ะ ซ้ายเป็นบาร์ ปกติเปิด แต่ตอนเราไปเค้าปิดปรับปรุงได้ 2 อาทิตย์แล้วค่ะ ส่วนทางด้านขวา จะเป็นลานกว้างๆ ของทางรีสอร์ทค่ะ
เช้านี้รีบตื่นมากินอาหารเช้าที่ทางรีสอร์ทจัดเตรียมไว้ให้ (เป็นอาหารเซทให้สั่งเองนะคะ) เพื่อที่จะเตรียมตัวไปดำน้ำค่ะ วันนี้เรามีนัดดำน้ำกัน 4 จุดค่ะ แต่เนื่องจากเกาะที่สวยๆ เช่น เกาะหินงาม เค้าปิดค่ะ จะเปิดช่วง 21 ตุลา ซึ่งเราไม่รู้ก่อนไป เราเลยได้ไปดำแค่ที่เกาะเล็กๆค่ะ ไปกันดีกว่าค่ะ สายแล้ว เราไปดำน้ำกันเถอะ
เราไปดำน้ำกันด้วยเรือหางยาวค่ะ นั่งสบายไม่ต้องกลัวค่ะ
ช่วงที่เราไปยังเป็นหน้ามรสุมค่ะ น้ำเลยไม่ใสมาก แต่ขนาดไม่ใสมากเราเล่นน้ำริมหาดกับหลาน เราอุ้มหลานเดินลงไปจนน้ำอยู่ที่คอ เรายังมองลงไปเห็นเท้าเลยค่ะ แต่ตอนไปดำน้ำ มันแค่ไม่ใสแจ๋วค่ะ แต่ยังคงมองเห็นปะการังสีน้ำเงิน และปลาเยอะมาก กอไก่ล้านตัว
กลับไปที่รีสอร์ท ลืมบอกไปค่ะ ทางรีสอร์ทจะมีอาหารเช้าให้ 2 มื้อ และก็อาหารเย็น 1 มื้อค่ะ เราสามารถเลือกได้ว่าจะรับอาหารเย็นคืนแรกหรือคืนที่สอง ของเราเลือกเป็นคืนที่สองค่ะ เราไปกัน 7 คน ทางรีสอร์ทจัดอาหารมาให้ 9 อย่างค่ะ มีผลไม้ ข้าวเปล่าเติมไม่อั้น น้ำ น้ำแข็ง รวมเป็น 13 อย่างค่ะ อิ่มหนักมาก กินอิ่มเราก็นอนดูดาวตรงนั้นเลยค่ะ อากาศดีมาก นอนหนาวเลย โชคดีที่ตอนเราอยู่เกาะฝนตกแค่ตอนกลางคืนของคืนแรกที่เราไปค่ะ วันอื่นไม่ตกเลย
วันสุดท้ายแล้ว ตื่นเช้ามากินอาหารเช้าเสร็จก็จัดแจงเก็บข้าวเก็บของ เตรียมสัมภาระให้เรียบร้อย เตรียมกลับขึ้นฝั่งกันค่ะ เรือขากลับนัดเราไว้ 11.30 น. ถือบัตรคนละใบ เข้าคิวเพื่อขึ้นเรือค่ะ เป็นระเบียบเรียบร้อยดี คนคุมท่าเรือแอบโหดเบาๆ กลับถึงฝั่งก็รถตู้มารอรับเหมือนเดิมค่ะ และฝนก็ตกเหมือนเดิมด้วย แต่นั่งเรือขากลับไม่โหดเท่าขามาค่ะ เพราะขากลับเราขับไปทางเดียวกับคลื่น เลยไม่ต้องโต้มากค่ะ พี่รถตู้รับเราจากท่าเรือปากบารา เพื่อพาเราส่งยังจุดหมายที่เราต้องการค่ะ แล้วแต่เราจะเลือกว่าจะลงซื้อของต่อที่ตลาดกิมหยง หรือจะต่อรถที่ขนส่ง หรือจะกลับเครื่องที่สนามบินค่ะ เราได้ไปทุกที่ เนื่องจากรถตู้เป็นรถจอยทัวร์ค่ะ มีลงกันทุกที่ ส่วนกรุ๊ปเรา แน่นอนค่ะ กิมหยงและของกินรอเราอยู่ 55555 เราฝากกระเป๋าให้พี่รถตู้ไปลงไว้ที่บริษัทค่ะ เพื่อที่จะช็อปปิ้งอย่างสบายใจ และเราก็เหมารถสองแถวค่ะ เพื่อให้เค้าพาไปกินข้าว รับกระเป๋า กลับมาช็อปต่อที่กิมหยง และไปส่งที่สนามบินค่ะ ตกลงราคากันที่ 500 บาท คุณลุงยิ้มแป้นเลย ปกติเค้าคิดแค่คนละ 20 บาท ไปไหนก็ 20 ค่ะ
สรุปค่าใช้จ่ายค่ะ
ค่าทัวร์ อัพทูยูว์ เกาะหลีเป๊ะ (นอนบนเกาะ) คนละ 2,990.-
ค่าเครื่องบินพี่สิงโตคนละ 625.-/เที่ยว
ค่าเข้าท่าเรือคนละ 20.-
ค่ารถเหมา 500.-
ค่าอาหารกินเองนอกเหนือจากทัวร์ ค่าช็อปปิ้ง อันนี้อยู่ที่ตัวท่านผู้ชมนะคะ
สำหรับทริปนี้ต้องขอลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่ทริปหน้า จะเป็นที่ไหนนั้น ฝากติดตามกันด้วยนะค๊าาาา ^_____^