มาแล้วค่าาาาา...ตามที่ได้สัญญากับมิตรรักแฟนเพลงไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะรีวิวการถ่าย pre-wedding ที่ปีนัง ซึ่งกระทู้นี้เป็นกระทู้ต่อจากระทู้ "เรียบง่ายเหมือนเดิม ที่เพิ่มเติมคือความอบอุ่น" ค่ะ
http://pantip.com/topic/35440069
เริ่มเลยแล้วกันนะคะ
ก่อนหน้านี้เราเคยไปเดินดูงาน wedding fair ในไทยกับเพื่อนบ้างประปรายและเกือบจะหลวมตัวไปก็หลายครั้ง ด้วยฝีมือการขายขั้นเทพของพี่ๆ เซลส์ แต่เราก็ค่อยๆ เดินเก็บข้อมูลไปเรื่อยๆ ตามงานแต่ละช่วงที่จัดขึ้น พอได้ข้อมูลเยอะแล้วเราก็โทรปรึกษาแฟนว่าจะจองเลยดีไหม แต่คุณแฟนถามกลับมาว่ายูไม่อยากลองอะไรที่มันแตกต่างจากที่มีในไทยบ้างหรอ เราก็เลยเปลี่ยนความคิด แล้วชีวิตก็เปลี่ยนค่ะ (ออกตัวไว้ก่อนนะคะเราไม่ได้หมายความว่าที่ไทยไม่สวยนะคะ มีหลายๆ เจ้าที่เราชอบ แต่เราอยากได้ locations ใหม่ๆ ด้วยเลยตัดสินใจเชื่อคุณแฟน เลือกถ่ายที่ปีนังค่ะ)
จากนั้นเราได้งานแล้วก็ย้ายมาอยู่ที่ปีนัง จนมีวันนึงเค้าจัดงาน wedding fair เราก็เลยชวนแฟนลองไปเดินดูเล่นๆ เก็บข้อมูล เดินวนไปค่ะ ซึ่งเราตั้งใจแต่แรกแล้วว่าจะเก็บข้อมูลอย่างเดียว กลับไปตัดสินใจกันก่อนแล้วค่อยจองคราวหน้า แต่คุณแฟนซิค่ะเดินงานแฟร์ครั้งแรกก็เป็นเรื่องเลย และที่สำคัญเรายังไม่กำหนดวันแต่งกันเลย ตอนแรกคิดว่านางคงแค่อยากแค่เข้าไปดูรูปเฉยๆ ทางร้านก็ประโคมทั้งรูป ทั้ง vdo wedding presentation สุดท้าย...คุณไม่ได้ไปต่อค่ะ เพราะคุณแฟนเลือก package เรียบร้อย จ่ายมัดจำวันนั้นเลย
และนี่คือร้านที่เรา ไม่ใช่ซิ แฟนเราเลือกถ่าย Pre-wedding ค่ะ
ด้านล่างเป็นรายละเอียด package ที่แฟนเราไปสู้รบปรบมือมาค่ะ
1. อัลบั้มรูปขนาด 12x24 นิ้ว และขนาด 10x20 นิ้วอย่างละ 1 อัลบั้ม
2. รูปใส่กรอบขนาด 20x30 นิ้ว 1 รูป
3. รูปใส่กรอบขนาด 11x14 นิ้ว 2 รูป
4. Soft copy 45 รูป
5. Wedding cinematography
6. ชุดเจ้าสาวสำหรับถ่ายพรีเวดดิ้ง 4 ชุด + ชุดลำลอง 1 ชุด
7. สูทเจ้าบ่าวสำหรับถ่ายพรีเวดดิ้ง 4 ชุด + ชุดลำลอง 1 ชุด
8. แต่งหน้าทำผมสำหรับถ่ายพรีเวดดิ้ง 4 เซ็ต
9. ชุดเจ้าสาวสำหรับวันจริง 3 ชุด
10. สูทเจ้าบ่าวสำหรับวันจริง 2 ชุด
ค่าเสียหายไม่ถึงแสนค่ะ แค่หลักหมื่นปลายๆ กระซิกๆ

แต่สำหรับใครที่อยากถ่ายเฉพาะรูปพรีเวดดิ้ง ไม่เอา vdo ไม่เอาชุดแต่งงานวันจริง ก็ save ได้เยอะเหมือนกันค่ะ
และแล้วก็มาถึงช่วงที่เรากำหนดจะถ่าย Pre-wedding แล้วค่ะ Package ของเรามี Indoor 2 sets แล้วก็ Outdoor 3 sets จากนั้นเราก็เริ่มคุย concept แล้วก็เลือกเก็บรูปตัวอย่างทั้งจากทางร้านและที่เราหามาเอง ฝากไว้นิดนึงสำหรับคุณว่าที่เจ้าสาวนะคะ นอกจากช่างภาพมืออาชีพแล้ว เราเองก็ต้องเตรียมตัวทำการบ้านไปด้วยนะคะ เพื่อที่เราจะได้ท่าโพสต์ ที่เราชอบ pattern แบบที่เราอยากได้ เพราะไม่อย่างนั้นรูปเราก็จะไม่ต่างกับลูกค้าคนอื่นๆ จริงไหมคะ
อันนี้เป็นรูป Idol ของเราค่ะ เป็นรูป A must to take
ทางร้านนัดเราไปลองชุด 1 อาทิตย์ก่อนวันถ่าย (แต่ถ้าใครจะบินจากไทยไปถ่าย ก็ลองคุยกับทางร้านอีกทีนะคะจะได้ไม่ต้องบินไปบินมาหลายรอบ) เราสามารถลองชุดได้เท่าที่เราชอบเลยค่ะ จะกี่ชุดก็ได้ ทางร้านก็จะถ่ายรูปเก็บไว้ให้เราเลือกทีหลัง แต่เราไม่ได้ลองเยอะมาก เอาที่แฟนสบายใจค่ะ 555 เราลองไปประมาณ 10 กว่าชุด เซลล์ที่นี่ก็แนะนำดีค่ะ ว่าสถานที่นี้เหมาะกับชุดแบบไหน หรือถ้าแบบทรงมันคล้ายกันกับชุดที่แล้ว เค้าก็จะแนะนำให้ดูแบบใหม่ เพราะเดี๋ยวรูปจะออกมาไม่หลากหลาย อันนี้ควรเชื่อเค้าค่ะ เพราะเค้ามีประสบการณ์มากกว่าเรา ซึ่งก็จริง ไม่อย่างนั้นก็ได้แต่ชุดแบบเดิมๆ แค่คนละสี
มาถึงวันถ่ายพรีเวดดิ้งค่ะ เราใช้เวลาไปทั้งหมด 16 ชั่วโมง อ่านไม่ผิดหรอกค่ะ 16 ชั่วโมงจริงๆ ค่ะ เราเริ่มแต่งหน้าตั้งแต่ 6 โมงเช้า ถ่ายเซ็ตสุดท้ายเสร็จตอน 4 ทุ่ม ซึ่งเป็นการถ่าย pre-wedding ที่ยาวนานและทรหดมาก วันต่อมาเราแทบเดินไม่ได้เพราะปวดหลัง ปวดตัว จากการโพสท่า นี่ถ้าไม่ห้ามพี่ช่างภาพไว้ พี่แกคงถ่ายถึงเที่ยงคืนแน่ๆ มาดูผลจากการทุ่มเทแรงกายแรงใจกันค่ะ ว่าเป็นยังไง
Set ที่ 1 – Obsidian Studio
ทางร้านให้เราเริ่มถ่ายเซ็ตแรกเป็นเซ็ตชุดแต่งงานชุด highlight เลยค่ะ อาจเป็นเพราะยังเช้าอยู่ ร่างกายสดใหม่ จัดใหญ่ จัดเต็มได้เวลาโพส ชุดนี้เป็นชุด designer ของทางร้าน ซึ่งใน package มีให้แค่ชุดเดียวค่ะ ถ้าจะเลือกของ designer ในชุดต่อๆ ไปต้องจ่ายเพิ่ม ก็สวยๆ ทั้งนั้นนะคะ แต่เรางก เลยเลือกใช้ชุดจาก Package ค่ะ
จากรูปตัวอย่าง...ท่านผู้ชมให้รูปนี้กี่คะแนนคะ
Set ที่ 2 - Penang Peranakan Mansion
เซ็ตนี้เราถ่ายที่พิพิธภัณฑ์ Peranakan กันค่ะ เพราะเราอยากได้สไตล์จีนๆ ด้วย (เอาใจอาตี๋นิดนึง) เซ็ตนี้สนุกค่ะ มีทัวร์ลงเรื่อยๆ แล้วก็มีหลายคู่ที่มาถ่ายพรีเวดดิ้งเหมือนกัน เลยเดินวนๆ กันถ่ายค่ะ มีนักท่องเที่ยวหลายคนมาขอถ่ายรูปด้วย สงสัยเค้าเห็นเราเป็นวัตถุโบราณของพิพิธภัณฑ์
Set ที่ 3 – Beach
เซ็ตนี้ถ่ายที่ชายหาดบนเกาะปีนังค่ะ (แต่เราจำชื่อหาดไม่ได้) เราถ่าย 2 sets ที่นี่ค่ะ โชคดีที่วันที่เราไปถ่าย ท้องฟ้าเปิดสวยมาก เพราะเท่าที่เห็นบางคนท้องฟ้าจะเทาๆ มัวๆ อาจจะเป็นเพราะเพิ่งหยุดฝนตกหรือไม่ก็เค้าไปถ่ายที่หาดช้าเกินไป พระอาทิตย์ใกล้จะตกดินแล้ว
Set ที่ 4 – Beach
อันนี้เป็นเช็ตที่ 2 ที่ชายหาดค่ะ
Set ที่ 5 – Obsidian Studio
เซ็ตนี้เรากลับมาถ่ายที่สตู จริงๆ แล้วเราชอบชุดเซ็ตนี้มาก แต่เราเหนื่อยมากแล้วหลังจากถ่ายมากว่า 10 ชั่วโมง เลยได้รูปไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ ยิ้มไม่ออกแล้วจริงๆ แต่ช่างภาพก็เต็มที่มาก คิดว่าเค้าน่าจะชอบเซ็ตนี้มากเพราะแสงสวย ดูเค้าสนุกมากกับการถ่าย แต่เรา 2 คนไม่ไหวแล้วจริงๆ ค่ะ เลยได้มาแค่นี้
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายที่ในปีนังที่เหมาะกับการถ่ายพรีเวดดิ้งนะคะ ไม่ว่าจะเป็น Street Arts, Jetty, Colonial Penang Museum, E&O Hotel, Batu Ferringhi Breach, Spice Garden, Botanical Garden ถ้าเพื่อนๆ คนไหนสนใจ อยากได้ข้อมูล สอบถามเราได้นะคะ เรายินดีให้คำแนะนำค่ะ ขอบคุณทุกคนที่เข้าที่มาอ่านกระทู้เล็กๆ กระทู้นี้นะคะ ถ้ามีโอกาส เราจะมารีวิวเกี่ยวกับปีนังที่เราอยู่นะคะ บ๊าย..บายยยย
[CR] Pre-wedding สไตล์เกาหลีกับอาตี๋ที่ปีนัง
มาแล้วค่าาาาา...ตามที่ได้สัญญากับมิตรรักแฟนเพลงไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะรีวิวการถ่าย pre-wedding ที่ปีนัง ซึ่งกระทู้นี้เป็นกระทู้ต่อจากระทู้ "เรียบง่ายเหมือนเดิม ที่เพิ่มเติมคือความอบอุ่น" ค่ะ http://pantip.com/topic/35440069
เริ่มเลยแล้วกันนะคะ
ก่อนหน้านี้เราเคยไปเดินดูงาน wedding fair ในไทยกับเพื่อนบ้างประปรายและเกือบจะหลวมตัวไปก็หลายครั้ง ด้วยฝีมือการขายขั้นเทพของพี่ๆ เซลส์ แต่เราก็ค่อยๆ เดินเก็บข้อมูลไปเรื่อยๆ ตามงานแต่ละช่วงที่จัดขึ้น พอได้ข้อมูลเยอะแล้วเราก็โทรปรึกษาแฟนว่าจะจองเลยดีไหม แต่คุณแฟนถามกลับมาว่ายูไม่อยากลองอะไรที่มันแตกต่างจากที่มีในไทยบ้างหรอ เราก็เลยเปลี่ยนความคิด แล้วชีวิตก็เปลี่ยนค่ะ (ออกตัวไว้ก่อนนะคะเราไม่ได้หมายความว่าที่ไทยไม่สวยนะคะ มีหลายๆ เจ้าที่เราชอบ แต่เราอยากได้ locations ใหม่ๆ ด้วยเลยตัดสินใจเชื่อคุณแฟน เลือกถ่ายที่ปีนังค่ะ)
จากนั้นเราได้งานแล้วก็ย้ายมาอยู่ที่ปีนัง จนมีวันนึงเค้าจัดงาน wedding fair เราก็เลยชวนแฟนลองไปเดินดูเล่นๆ เก็บข้อมูล เดินวนไปค่ะ ซึ่งเราตั้งใจแต่แรกแล้วว่าจะเก็บข้อมูลอย่างเดียว กลับไปตัดสินใจกันก่อนแล้วค่อยจองคราวหน้า แต่คุณแฟนซิค่ะเดินงานแฟร์ครั้งแรกก็เป็นเรื่องเลย และที่สำคัญเรายังไม่กำหนดวันแต่งกันเลย ตอนแรกคิดว่านางคงแค่อยากแค่เข้าไปดูรูปเฉยๆ ทางร้านก็ประโคมทั้งรูป ทั้ง vdo wedding presentation สุดท้าย...คุณไม่ได้ไปต่อค่ะ เพราะคุณแฟนเลือก package เรียบร้อย จ่ายมัดจำวันนั้นเลย
และนี่คือร้านที่เรา ไม่ใช่ซิ แฟนเราเลือกถ่าย Pre-wedding ค่ะ
ด้านล่างเป็นรายละเอียด package ที่แฟนเราไปสู้รบปรบมือมาค่ะ
1. อัลบั้มรูปขนาด 12x24 นิ้ว และขนาด 10x20 นิ้วอย่างละ 1 อัลบั้ม
2. รูปใส่กรอบขนาด 20x30 นิ้ว 1 รูป
3. รูปใส่กรอบขนาด 11x14 นิ้ว 2 รูป
4. Soft copy 45 รูป
5. Wedding cinematography
6. ชุดเจ้าสาวสำหรับถ่ายพรีเวดดิ้ง 4 ชุด + ชุดลำลอง 1 ชุด
7. สูทเจ้าบ่าวสำหรับถ่ายพรีเวดดิ้ง 4 ชุด + ชุดลำลอง 1 ชุด
8. แต่งหน้าทำผมสำหรับถ่ายพรีเวดดิ้ง 4 เซ็ต
9. ชุดเจ้าสาวสำหรับวันจริง 3 ชุด
10. สูทเจ้าบ่าวสำหรับวันจริง 2 ชุด
ค่าเสียหายไม่ถึงแสนค่ะ แค่หลักหมื่นปลายๆ กระซิกๆ
และแล้วก็มาถึงช่วงที่เรากำหนดจะถ่าย Pre-wedding แล้วค่ะ Package ของเรามี Indoor 2 sets แล้วก็ Outdoor 3 sets จากนั้นเราก็เริ่มคุย concept แล้วก็เลือกเก็บรูปตัวอย่างทั้งจากทางร้านและที่เราหามาเอง ฝากไว้นิดนึงสำหรับคุณว่าที่เจ้าสาวนะคะ นอกจากช่างภาพมืออาชีพแล้ว เราเองก็ต้องเตรียมตัวทำการบ้านไปด้วยนะคะ เพื่อที่เราจะได้ท่าโพสต์ ที่เราชอบ pattern แบบที่เราอยากได้ เพราะไม่อย่างนั้นรูปเราก็จะไม่ต่างกับลูกค้าคนอื่นๆ จริงไหมคะ
อันนี้เป็นรูป Idol ของเราค่ะ เป็นรูป A must to take
ทางร้านนัดเราไปลองชุด 1 อาทิตย์ก่อนวันถ่าย (แต่ถ้าใครจะบินจากไทยไปถ่าย ก็ลองคุยกับทางร้านอีกทีนะคะจะได้ไม่ต้องบินไปบินมาหลายรอบ) เราสามารถลองชุดได้เท่าที่เราชอบเลยค่ะ จะกี่ชุดก็ได้ ทางร้านก็จะถ่ายรูปเก็บไว้ให้เราเลือกทีหลัง แต่เราไม่ได้ลองเยอะมาก เอาที่แฟนสบายใจค่ะ 555 เราลองไปประมาณ 10 กว่าชุด เซลล์ที่นี่ก็แนะนำดีค่ะ ว่าสถานที่นี้เหมาะกับชุดแบบไหน หรือถ้าแบบทรงมันคล้ายกันกับชุดที่แล้ว เค้าก็จะแนะนำให้ดูแบบใหม่ เพราะเดี๋ยวรูปจะออกมาไม่หลากหลาย อันนี้ควรเชื่อเค้าค่ะ เพราะเค้ามีประสบการณ์มากกว่าเรา ซึ่งก็จริง ไม่อย่างนั้นก็ได้แต่ชุดแบบเดิมๆ แค่คนละสี
มาถึงวันถ่ายพรีเวดดิ้งค่ะ เราใช้เวลาไปทั้งหมด 16 ชั่วโมง อ่านไม่ผิดหรอกค่ะ 16 ชั่วโมงจริงๆ ค่ะ เราเริ่มแต่งหน้าตั้งแต่ 6 โมงเช้า ถ่ายเซ็ตสุดท้ายเสร็จตอน 4 ทุ่ม ซึ่งเป็นการถ่าย pre-wedding ที่ยาวนานและทรหดมาก วันต่อมาเราแทบเดินไม่ได้เพราะปวดหลัง ปวดตัว จากการโพสท่า นี่ถ้าไม่ห้ามพี่ช่างภาพไว้ พี่แกคงถ่ายถึงเที่ยงคืนแน่ๆ มาดูผลจากการทุ่มเทแรงกายแรงใจกันค่ะ ว่าเป็นยังไง
Set ที่ 1 – Obsidian Studio
ทางร้านให้เราเริ่มถ่ายเซ็ตแรกเป็นเซ็ตชุดแต่งงานชุด highlight เลยค่ะ อาจเป็นเพราะยังเช้าอยู่ ร่างกายสดใหม่ จัดใหญ่ จัดเต็มได้เวลาโพส ชุดนี้เป็นชุด designer ของทางร้าน ซึ่งใน package มีให้แค่ชุดเดียวค่ะ ถ้าจะเลือกของ designer ในชุดต่อๆ ไปต้องจ่ายเพิ่ม ก็สวยๆ ทั้งนั้นนะคะ แต่เรางก เลยเลือกใช้ชุดจาก Package ค่ะ
จากรูปตัวอย่าง...ท่านผู้ชมให้รูปนี้กี่คะแนนคะ
Set ที่ 2 - Penang Peranakan Mansion
เซ็ตนี้เราถ่ายที่พิพิธภัณฑ์ Peranakan กันค่ะ เพราะเราอยากได้สไตล์จีนๆ ด้วย (เอาใจอาตี๋นิดนึง) เซ็ตนี้สนุกค่ะ มีทัวร์ลงเรื่อยๆ แล้วก็มีหลายคู่ที่มาถ่ายพรีเวดดิ้งเหมือนกัน เลยเดินวนๆ กันถ่ายค่ะ มีนักท่องเที่ยวหลายคนมาขอถ่ายรูปด้วย สงสัยเค้าเห็นเราเป็นวัตถุโบราณของพิพิธภัณฑ์
Set ที่ 3 – Beach
เซ็ตนี้ถ่ายที่ชายหาดบนเกาะปีนังค่ะ (แต่เราจำชื่อหาดไม่ได้) เราถ่าย 2 sets ที่นี่ค่ะ โชคดีที่วันที่เราไปถ่าย ท้องฟ้าเปิดสวยมาก เพราะเท่าที่เห็นบางคนท้องฟ้าจะเทาๆ มัวๆ อาจจะเป็นเพราะเพิ่งหยุดฝนตกหรือไม่ก็เค้าไปถ่ายที่หาดช้าเกินไป พระอาทิตย์ใกล้จะตกดินแล้ว
Set ที่ 4 – Beach
อันนี้เป็นเช็ตที่ 2 ที่ชายหาดค่ะ
Set ที่ 5 – Obsidian Studio
เซ็ตนี้เรากลับมาถ่ายที่สตู จริงๆ แล้วเราชอบชุดเซ็ตนี้มาก แต่เราเหนื่อยมากแล้วหลังจากถ่ายมากว่า 10 ชั่วโมง เลยได้รูปไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ ยิ้มไม่ออกแล้วจริงๆ แต่ช่างภาพก็เต็มที่มาก คิดว่าเค้าน่าจะชอบเซ็ตนี้มากเพราะแสงสวย ดูเค้าสนุกมากกับการถ่าย แต่เรา 2 คนไม่ไหวแล้วจริงๆ ค่ะ เลยได้มาแค่นี้
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายที่ในปีนังที่เหมาะกับการถ่ายพรีเวดดิ้งนะคะ ไม่ว่าจะเป็น Street Arts, Jetty, Colonial Penang Museum, E&O Hotel, Batu Ferringhi Breach, Spice Garden, Botanical Garden ถ้าเพื่อนๆ คนไหนสนใจ อยากได้ข้อมูล สอบถามเราได้นะคะ เรายินดีให้คำแนะนำค่ะ ขอบคุณทุกคนที่เข้าที่มาอ่านกระทู้เล็กๆ กระทู้นี้นะคะ ถ้ามีโอกาส เราจะมารีวิวเกี่ยวกับปีนังที่เราอยู่นะคะ บ๊าย..บายยยย