นิทานเปรียบเปรยเกี่ยวกับการเมือง ขออนุญาตท่านที่เป็นเจ้าของวาทกรรมนี้ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ วาทกรรมนี้เกิดขึ้นนานแล้ว ผู้เขียนไปพบเข้า เห็นว่าน่าสนใจ ผู้เขียนจึงได้นำมาแต่งเป็นนิทานประเทืองปัญญาผู้คนในสมัยนี้ กราบคารวะค่ะ
เรื่องเป็นดังนี้ค่ะ....
กาลครั้งนี้เอง..มีบ้านเมืองแห่งความวุ่นวายเมืองหนึ่ง ประชาชนทะเลาะกันด้วยเรื่องความมีเล่ห์เหลี่ยมของผู้นำ ที่เอาแต่ฉ้อโกง ประชาชนส่วนใหญ่กลับชื่นชมเพราะไม่รู้เท่าทัน มีผู้กล้าออกมาขับไล่ผู้นำนี้จึงหลีกหนีไปต่างเมือง ต่อมาหาทางให้สาวกเอาตำแหน่งผู้นำมอบให้น้องสาวผู้ไร้เดียงสา โดยประชาชนส่วนใหญ่เห็นดีงามเหมือนเดิม
เมื่อบ้านเมืองกลับตกอยู่ในความเละเทะ ตกต่ำ ประชาชนส่วนน้อยจึงออกมาประท้วงผู้นำ แต่สาวกกลับใช้เล่ห์เหลี่ยมเพื่อจะนำเอาผู้นำแห่งความฉ้อฉลที่เคยหลีกลี้หนีความผิดไป กลับมาเป็นผู้นำอีกครั้งหนึ่ง
ในที่สุดมีผู้กล้าหาญของบ้านเมือง ได้เข้ามาจัดระเบียบบ้านเมืองเสียใหม่ โดยให้ประชาชนทั้งส่วนใหญ่และส่วนน้อยตั้งอยู่ในความสงบเรียบร้อย ตั้งกฎระเบียบที่ชอบธรรมเพื่อเป็นหลักในการบริหารบ้านเมือง จัดการนำคนทุจริต คอรัปชั่น ประพฤติมิชอบ คนทำผิดทั้งหลายเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
ผู้กล้าหาญได้ทุ่มเทชีวิตเพื่อบ้านเมืองคนนี้ ได้รับเสียงสรรเสริญ ชื่นชมไปทั่ว คะแนนนิยมพุ่งสูงขึ้นอย่างไม่มีผู้นำคนใดทำได้เลย
เปรียบเสมือนเป็นภูเขาที่หนักแน่น ตั้งตระหง่านต้านลมแรงอย่างไม่หวาดหวั่นสิ่งร้ายใดๆจากอดีตผู้นำ แสงแห่งความดีเปล่งรัศมีเป็นสีทอง ผู้คนจึงยกย่องว่าเป็นดั่งภูเขาทอง ประชาชนเริ่มมีจำนวนมากขึ้นที่ชื่นชม นับถือ ที่สุดกลายเป็นชนส่วนใหญ่ เหลือชนส่วนน้อยที่ยังยึดติดอดีตผู้นำที่ฉ้อฉล
ผู้นำฉ้อฉลกลับเล่นเล่ห์เพทุบาย พยายามหาจุดอ่อนของผู้กล้า โดยใช้ยุทธวิธี สุนัขฉี่รดภูเขาทอง คือทำให้ผู้กล้ามีความมัวหมองทุกวิถีทาง ไม่ใช่ทำเองก็หาทางเอาแพะมาจนได้
สั่งให้สาวกทั้งหลาย ช่วยกันตำหนิติเตียนผู้กล้าไปทุกวันๆ
เพราะเชื่อว่า เมื่อภูเขาทองมีกลิ่นเหม็นก็จะไม่มีคนสรรเสริญอีกต่อไป
ภูเขาทองนั้นตะหง่านมั่นคงยิ่งนัก...ทำอย่างไรก็ไม่สามารถจะทำให้ล้มพังทลายได้ ประชาชนยังชื่นชมในการทำงานอย่างทุ่มเทของผู้กล้า และฝากอนาคตของบ้านเมืองให้ดูแลจนกว่าจะมีผู้นำที่เหมาะสมเข้ามาทำหน้าที่แทนต่อไป
เรื่องก็เป็นดังนี้ค่ะ....55

((มาลาริน)) นิทานร่วมยุคสมัย....เรื่องสุนัขฉี่รดภูเขาทอง
เรื่องเป็นดังนี้ค่ะ....
กาลครั้งนี้เอง..มีบ้านเมืองแห่งความวุ่นวายเมืองหนึ่ง ประชาชนทะเลาะกันด้วยเรื่องความมีเล่ห์เหลี่ยมของผู้นำ ที่เอาแต่ฉ้อโกง ประชาชนส่วนใหญ่กลับชื่นชมเพราะไม่รู้เท่าทัน มีผู้กล้าออกมาขับไล่ผู้นำนี้จึงหลีกหนีไปต่างเมือง ต่อมาหาทางให้สาวกเอาตำแหน่งผู้นำมอบให้น้องสาวผู้ไร้เดียงสา โดยประชาชนส่วนใหญ่เห็นดีงามเหมือนเดิม
เมื่อบ้านเมืองกลับตกอยู่ในความเละเทะ ตกต่ำ ประชาชนส่วนน้อยจึงออกมาประท้วงผู้นำ แต่สาวกกลับใช้เล่ห์เหลี่ยมเพื่อจะนำเอาผู้นำแห่งความฉ้อฉลที่เคยหลีกลี้หนีความผิดไป กลับมาเป็นผู้นำอีกครั้งหนึ่ง
ในที่สุดมีผู้กล้าหาญของบ้านเมือง ได้เข้ามาจัดระเบียบบ้านเมืองเสียใหม่ โดยให้ประชาชนทั้งส่วนใหญ่และส่วนน้อยตั้งอยู่ในความสงบเรียบร้อย ตั้งกฎระเบียบที่ชอบธรรมเพื่อเป็นหลักในการบริหารบ้านเมือง จัดการนำคนทุจริต คอรัปชั่น ประพฤติมิชอบ คนทำผิดทั้งหลายเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
ผู้กล้าหาญได้ทุ่มเทชีวิตเพื่อบ้านเมืองคนนี้ ได้รับเสียงสรรเสริญ ชื่นชมไปทั่ว คะแนนนิยมพุ่งสูงขึ้นอย่างไม่มีผู้นำคนใดทำได้เลย
เปรียบเสมือนเป็นภูเขาที่หนักแน่น ตั้งตระหง่านต้านลมแรงอย่างไม่หวาดหวั่นสิ่งร้ายใดๆจากอดีตผู้นำ แสงแห่งความดีเปล่งรัศมีเป็นสีทอง ผู้คนจึงยกย่องว่าเป็นดั่งภูเขาทอง ประชาชนเริ่มมีจำนวนมากขึ้นที่ชื่นชม นับถือ ที่สุดกลายเป็นชนส่วนใหญ่ เหลือชนส่วนน้อยที่ยังยึดติดอดีตผู้นำที่ฉ้อฉล
ผู้นำฉ้อฉลกลับเล่นเล่ห์เพทุบาย พยายามหาจุดอ่อนของผู้กล้า โดยใช้ยุทธวิธี สุนัขฉี่รดภูเขาทอง คือทำให้ผู้กล้ามีความมัวหมองทุกวิถีทาง ไม่ใช่ทำเองก็หาทางเอาแพะมาจนได้
สั่งให้สาวกทั้งหลาย ช่วยกันตำหนิติเตียนผู้กล้าไปทุกวันๆ
เพราะเชื่อว่า เมื่อภูเขาทองมีกลิ่นเหม็นก็จะไม่มีคนสรรเสริญอีกต่อไป
ภูเขาทองนั้นตะหง่านมั่นคงยิ่งนัก...ทำอย่างไรก็ไม่สามารถจะทำให้ล้มพังทลายได้ ประชาชนยังชื่นชมในการทำงานอย่างทุ่มเทของผู้กล้า และฝากอนาคตของบ้านเมืองให้ดูแลจนกว่าจะมีผู้นำที่เหมาะสมเข้ามาทำหน้าที่แทนต่อไป
เรื่องก็เป็นดังนี้ค่ะ....55