แพลนจะไปเที่ยวจีนช่วงปลายเดือน ตค นี้ครับ ก็เลยไปขอวีซ่าจีนโดยการเตรียมเอกสารต่างๆจากเวปและรีวิวที่แนะนำ พอไปถึงศูนย์ขอวีซ่าจีน คำถามแรกที่ จนท ตรงที่ให้บัตรคิวถามผมว่า "เป็นสาวประเภทสองใช่ไหมคะ"
ตอนนั้นงงและอึ้งกับคำถามนี้ เอ๊ะ ทำไมถามเราแบบนี้ (ผมอายุ 42 ปี เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ผมสั้น ไม่มีนม ไม่เคยแต่งหญิง จบ ดร. เป็น ผู้ช่วยศาสตราจารย์ วันที่ไปขอวีซ่าใส่เสื้อยืด กางเกงยีนส์ แต่กริยาคนทั่วไปดูออกว่าผมไม่ใช่ ผช แมนๆ)
ผมบอก จนท ไปว่าผมเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย และเช็คจากเวปก็ไม่บอกว่าต้องใช้เอกสารเพิ่ม คือ
1. ใบรับรองการทำงาน
2. หนังสือแนะนำตัวเอง ต้องระบุว่าจะไปเที่ยว ไม่ไปเต้นคาบาเร่ต์โชว์
3. และสเตทเม้นท์ย้อนหลัง 3 เดือน
จนท บริการดีนะครับ พอทราบว่าเป็นอาจารย์ก็กดบัตรคิวให้ (ที่จริงน่าจะไม่ผ่านตั้งแต่จุดนี้แล้วครับ) ผมก็ไปนั่งรอเรียก ไม่นานก็ถึงคิวยื่นเอกสาร จนท ก็บอกอีกว่า "เป็นสาวประเภทสองต้องมีเอกสารเพิ่ม 3 ชิ้น"
ผมก็งง เพราะสำหรับคนทั่วไป สาวประเภท 2 คือคนแต่งหญิง มีนม ผมยาว อาจแปลงเพศแล้ว เอ๊ะ เราเข้าข่ายสาวประเภทสองด้วยเหรอเนี่ย นึกว่าเป็นแค่ ผช นะฮะ 555
สรุป ผมต้องกลับมาเตรียมเอกสารเพิ่ม เล่าสู่กันฟังนะครับ ไม่ได้โกรธหรือโมโหอะไร มีจุดประสงค์คือ
1. ใครที่เป็นโฮโม จะเกย์ ตุ๊ด กระเทย สาวประเภทสอง ทอม ดี้ เลสเบี้ยน ถ้าคิดว่าเขาดูออกก็เตรียมเอกสารเพิ่มนะครับ จะได้ไม่เสียเวลา (ผมไม่คิดว่าเขาจะดูผมไม่ออก แต่ที่ไม่เตรียมเอกสารเพิ่มเพราะไม่รู้จริงๆว่าคนแบบเราต้องใช้)
เท่าที่ทราบกลุ่มโฮโมจะขอวีซ่าได้แค่ประเภท single ครับ และมักจะได้วันตามที่ขอพอดี (คนปกติขอแบบ single, multiple ได้ครับ และได้นาน 30 วัน)
ส่วนข้อต่อไปนี้เป็นข้อคิดบางแง่ที่ได้จากเหตุการณ์ในครั้งนี้
2. เรื่องนี้ตอกย้ำว่าความเท่าเทียมกันทางเพศไม่มีในโลกนี้ ที่ยืนของโฮโมยังไม่ได้ยอมรับ (จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายอย่าง)
3. เกิดเป็นโฮโมมันลำบากกว่าชายจริงหญิงแท้มากนัก เพื่อให้เป็นที่ยอมรับในสังคม ให้มีที่(นิดหนึ่ง)ในสังคม พวกเราต้องใช้ความสามารถพิสูจน์ให้เขาเห็นมากกว่าหลายสิบเท่า
4. เกิดเป็นโฮโมต้องทำตัวให้มีคุณค่า มีความสามารถ เพื่อขอที่ยืนในสังคม อย่าทำตัวไร้ค่าให้เขาดูถูก
5. โลกเราส่วนใหญ่ยังตัดสินคุณค่าของคนจากเพศสภาพ สังคมเราเป็นปัจเจกบุคคลมากขึ้น แต่คนส่วนใหญ่ยังตัดสินคุณค่าของคนโดยภาพรวมว่าคนแบบนี้ต้องเป็นแบบนี้ โดยลืมไปว่ามนุษย์บนโลกนี้ร่วม 7,000 พันล้านคนล้วนมีความแตกต่าง
6. คำพูดนี้จริงเสมอ "Don't judge a book by its cover"
"ปกหนังสือไม่ได้บอกว่าหนังสือเล่นนี้จะดีหรือไม่ฉันได เพศสภาพและรูปลักษณ์ก็ไม่สามารถบอกได้ว่าคนนั้นดีหรือไม่ฉันนั้น"
ท้ายนี้ ขอบคุณ จนท ทุกคนที่บริการและแนะนำด้วยดี ไม่มีการใช้สายตาหรือคำพูดเหยียดหยาม และเข้าใจว่ากฏก็คือกฏ จะไปเที่ยวประเทศเขาก็ต้องทำตามกฏครับ
ผมคือสาวประเภทสอง ? เหตุเกิด ณ ศูนย์ขอวีซ่าจีน
ตอนนั้นงงและอึ้งกับคำถามนี้ เอ๊ะ ทำไมถามเราแบบนี้ (ผมอายุ 42 ปี เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ผมสั้น ไม่มีนม ไม่เคยแต่งหญิง จบ ดร. เป็น ผู้ช่วยศาสตราจารย์ วันที่ไปขอวีซ่าใส่เสื้อยืด กางเกงยีนส์ แต่กริยาคนทั่วไปดูออกว่าผมไม่ใช่ ผช แมนๆ)
ผมบอก จนท ไปว่าผมเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย และเช็คจากเวปก็ไม่บอกว่าต้องใช้เอกสารเพิ่ม คือ
1. ใบรับรองการทำงาน
2. หนังสือแนะนำตัวเอง ต้องระบุว่าจะไปเที่ยว ไม่ไปเต้นคาบาเร่ต์โชว์
3. และสเตทเม้นท์ย้อนหลัง 3 เดือน
จนท บริการดีนะครับ พอทราบว่าเป็นอาจารย์ก็กดบัตรคิวให้ (ที่จริงน่าจะไม่ผ่านตั้งแต่จุดนี้แล้วครับ) ผมก็ไปนั่งรอเรียก ไม่นานก็ถึงคิวยื่นเอกสาร จนท ก็บอกอีกว่า "เป็นสาวประเภทสองต้องมีเอกสารเพิ่ม 3 ชิ้น"
ผมก็งง เพราะสำหรับคนทั่วไป สาวประเภท 2 คือคนแต่งหญิง มีนม ผมยาว อาจแปลงเพศแล้ว เอ๊ะ เราเข้าข่ายสาวประเภทสองด้วยเหรอเนี่ย นึกว่าเป็นแค่ ผช นะฮะ 555
สรุป ผมต้องกลับมาเตรียมเอกสารเพิ่ม เล่าสู่กันฟังนะครับ ไม่ได้โกรธหรือโมโหอะไร มีจุดประสงค์คือ
1. ใครที่เป็นโฮโม จะเกย์ ตุ๊ด กระเทย สาวประเภทสอง ทอม ดี้ เลสเบี้ยน ถ้าคิดว่าเขาดูออกก็เตรียมเอกสารเพิ่มนะครับ จะได้ไม่เสียเวลา (ผมไม่คิดว่าเขาจะดูผมไม่ออก แต่ที่ไม่เตรียมเอกสารเพิ่มเพราะไม่รู้จริงๆว่าคนแบบเราต้องใช้)
เท่าที่ทราบกลุ่มโฮโมจะขอวีซ่าได้แค่ประเภท single ครับ และมักจะได้วันตามที่ขอพอดี (คนปกติขอแบบ single, multiple ได้ครับ และได้นาน 30 วัน)
ส่วนข้อต่อไปนี้เป็นข้อคิดบางแง่ที่ได้จากเหตุการณ์ในครั้งนี้
2. เรื่องนี้ตอกย้ำว่าความเท่าเทียมกันทางเพศไม่มีในโลกนี้ ที่ยืนของโฮโมยังไม่ได้ยอมรับ (จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายอย่าง)
3. เกิดเป็นโฮโมมันลำบากกว่าชายจริงหญิงแท้มากนัก เพื่อให้เป็นที่ยอมรับในสังคม ให้มีที่(นิดหนึ่ง)ในสังคม พวกเราต้องใช้ความสามารถพิสูจน์ให้เขาเห็นมากกว่าหลายสิบเท่า
4. เกิดเป็นโฮโมต้องทำตัวให้มีคุณค่า มีความสามารถ เพื่อขอที่ยืนในสังคม อย่าทำตัวไร้ค่าให้เขาดูถูก
5. โลกเราส่วนใหญ่ยังตัดสินคุณค่าของคนจากเพศสภาพ สังคมเราเป็นปัจเจกบุคคลมากขึ้น แต่คนส่วนใหญ่ยังตัดสินคุณค่าของคนโดยภาพรวมว่าคนแบบนี้ต้องเป็นแบบนี้ โดยลืมไปว่ามนุษย์บนโลกนี้ร่วม 7,000 พันล้านคนล้วนมีความแตกต่าง
6. คำพูดนี้จริงเสมอ "Don't judge a book by its cover"
"ปกหนังสือไม่ได้บอกว่าหนังสือเล่นนี้จะดีหรือไม่ฉันได เพศสภาพและรูปลักษณ์ก็ไม่สามารถบอกได้ว่าคนนั้นดีหรือไม่ฉันนั้น"
ท้ายนี้ ขอบคุณ จนท ทุกคนที่บริการและแนะนำด้วยดี ไม่มีการใช้สายตาหรือคำพูดเหยียดหยาม และเข้าใจว่ากฏก็คือกฏ จะไปเที่ยวประเทศเขาก็ต้องทำตามกฏครับ