คือ เรามันแบบผู้หญิงที่โง่ ไร้ค่า บ้า เป็นโรคจิตหลายประเภทมาก เช่น โรคย้ำคิดย้ำทำ โรควิตกกังวล โรคพูดคนเดียวแบบจินตนาการอะไรแล้วพูดเป็นเรื่องเป็นราว ราวกับมีคู่สนทนา ชอบคิดมากเรื่องในอดีตคิดจนปลง ปลงแล้วกลับมาคิด เป็นพันห้าร้อยรอบ ดัน

ไปมีอดีตที่ไม่น่าจดจำอีก คือ Targetของเราอ่ะ จบมอหก แล้วอยากเรียนคณะดีไง ด้วยความมักใหญ่เกินตัว อยากเรียนคณะดีๆไม่ดูสมองแล้วความขี้เกียจของตัวเอง (เอาจริงเราไม่คิดว่าตัวเองขี้เกียจนะ มันน่าจะเป็นผลของโรคซึมเศร้าที่เราเป็นมากกว่า ผู้เสียสละเวลาอันมีค่ามาอ่านคงจะสงสัยว่าอะไรทำให้เราเป็นคนแบบนี้ เดี๋ยวเล่าค่ะ )คือ เราก็คิดเข้าข้างตัวเองไงหรือเราลองมี Gap year แบบเด็กเมืองนอก เราก็เลยลองทำงานค่ะ ด้วยความที่เป็นคนเอาแต่ใจ เปลี่ยนงานเดือนนึงประมาณ 4 งานค่ะ เสิร์ฟร้านกาแฟฝรั่ง มั่นหน้าภาษาก็ไม่ได้ สมัครงานโรงแรม ภาษาไม่ได้ เขาก็ให้ไปเป็นแม่บ้านปูเตียง ทำร้านอาหารจีน ก็ออก เพราะทนคนจีนไม่ค่อยได้ จนเราติดต่อเพื่อนเราคนนึงซึงเขาเป็นนักร้องอยู่คาเฟ่ คาเฟ่ไฮโซนะ ติ๊บดีมากๆ เราไปทำเป็นพนักงานเสิร์ฟ ซึ่ง เรารู้ว่ามันเป็นที่อโคจรค่ะ แต่ตอนนั้น ณ จุดๆนั้นคิดแค่ว่า ทำไปเหอะงานอะไรก็ได้ ไม่ได้ขายตัว ไม่ได้ผิด กม กูทำได้หมด บอกตัวเองแบบนั้นนะคะ ด้วยความที่เราหน้าตาสวยคะ ลูกค้าไม่เคยมีมาแตะนะคะ ร้านแพงมากลูกค้ามีระดับ เห็นจะเป็น ผจก ร้านนะคะ มองเราตั้งแต่วันแรกที่เข้าไปแล้ว เพื่อนก็บอกเราว่า อย่าไปอะไร มันเป็นอย่างนั้นแหล่ะ เราก็ไม่ได้อะไรทำงานไป จนเราได้เข้าไปเสิร์ฟห้องวีไอพี เป็นลูกค้าของ ผจก มันเรียกเราโดยเฉพาะเลยค่ะ ให้ไปเสิร์ฟ เราก็ไปค่ะ ไม่ได้คิดอะไร นักร้องที่ไปนั่งกับลูกค้ากูเพื่อนเราเอง อยู่ๆ ไม่คิดว่ามันจะเดินมากอดเราจากข้างหลัง หอมแก้ม แล้วบอกกับลูกค้าว่า เนี่ยพี่คนเนี่ยเด็กใหม่ผมเอง เพื่อนเราหน้าถอดสีเลย เราก็อึ้ง ทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยืนกลั้นน้ำตาไว้ พอตั้งสติได้ เราจับขวดโซดาได้เตรียมจะฟาด เพื่อนเด็กเสิร์ฟกับเพื่อนเราก็มาห้ามไว้ เราลาออกจากที่นั้นคืนนั้นเลย เงินก็ไม่ได้สักบาท ทำให้เราคิดได้ว่า พ่อแม่เลี้ยงมาอย่างดี ให้เรียนโรงเรียนดีๆ แฟนก็ไม่เคยมี ไม่เคยทำตัวผิดจารีตประเพณี ทำไมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย จากนั้นเราก็กลับบ้านค่ะ มาอ่านหนังสือสอบใหม่ ติดได้เรียนมหาลัยดีๆ มีสังคมที่ดีขึ้น มีเพื่อนชายคนสนิทที่ชอบเราอยู่ การได้เจออะไรใหม่ๆ ทำให้เราลืมเรื่องร้ายๆไปได้บาง แต่ก็ยังคิดทุกครั้ง แทบคลั่งตอนมันผุดขึ้นมาตอนสอบ ฮ่าๆๆ ค่ะ แล้ว วันนึงดันได้เจอเพื่อนที่เป็นนักร้องคาเฟ่ พร้อมกัยเพื่อนๆเรานี่แหล่ะ นางก็ทักทายเราแต่ไม่อยากจะคิดนางพูดอย่างนึงทำให้ชีวิตและจิตเราแบบเหมือนตุ๊บลงนรกเลย นางพูดว่า โห ไม่น่าเชื่อ ดูดีเชียว ปีที่แล้ว ยังโดนไล่ปล้ำร้องห่มร้องไห้อยู่ในคาเฟ่อยู่เลย คือนางเป็นคนแรงๆพูดไรไม่ค่อยคิดอยู่แล้ว แตรู้ว่าไม่ได้มีเจตนาทำร้ายเพื่อนหรอก เราก็พยายามอธิบายให้เพื่อนฟัง เพื่อนก็แบบเหมือนเด็กโลกสวยอ่ะแต่เรื่องแค่นี้เพื่อนรับได้ไง แต่คนที่ชอบเราอ่ะ จนกระทั่งตอนที่พิมพ์อยู่เนี่ย ไม่เคยคุยกับเราเลย เขาคุณหนูค่ะ อาม่าเขาซีเรียสเรื่องพวกนี้มาก เหมือนเราไปทำลายความคิดที่เขาให้คุณค่าในตัวเราอ่ะ เพราะเขาเห็นเราไม่แรด ไม่กินเหล้า ไม่อ่อย ก็เลยคิดว่าเราเป็นผู้หญิงดี เราดีค่ะ เฉพาะเรื่องคาวโลกีนะ ไม่เกี่ยวกับสุขภาพจิต ไม่เคยเที่ยวผับ ไม่เคยทำตัวง่ายอันนี้เรื่องจริง เว้นที่พลาดไปที่เดียว
พอมันผ่านไปสักระยะแล้ว มันก็ยังแย่อยู่นะ กับเพื่อนกับสังคมอะไรก็ยังเหมือนเดิม แต่ด้ยสุขภาพจิต ที่ย่ำแย่มากๆของเราที่สะสมมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เรา นึกคิด กลัว กลัวไปหมด กลัวว่า จะหมดอนาคต กลัวว่าถ้ามีผู้ชายเข้ามาแล้วเรื่องแบบนี้ไม่ได้ จะไปพูดประมาณว่า อย่างน้อยกูก็ยังซิงต่อหน้าผู้ชายก็ไม่ได้ อยากตายไหม ฮึ ต้องถามว่า รอดมาได้อย่างไงมากกว่า เราคิดฆ่าตัวตายตั้งแต่เด็กๆแล้วค่ะ มันเป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็กคือไม่ค่อยเหมือนเด็กคนอื่น เข้ากับใครไม่ได้ ด่าครู ด่าพระ ด่าหมด ที่เราบอกว่าพ่อแม่ตอนแรกที่พิมพ์มาเราสตอบอรี่ค่ะ ไม่มีพ่อแม่หรอก อรรถรสไหม จริงๆย่าเป็นคนเลี้ยง พ่อมีครอบครัวใหม่ แม่หายไปจากชีวิตค่ะ (ไม่พูดว่าย่าแต่แรก มันดูแปลกๆ เพราะคนส่วนมากเขาก็มีพ่อแม่กัน) พ่อแม่เราก็มีอาการทางจิต พ่อชอบฆ่าลูกสัตว์ให้พ่อแม่มันดู แม่ชอบทุบขวดเอาเศษขวดมากรีดตัวเอง อืม กรรมพันธ์แล้วหนึ่ง สองสังคมที่เราโตมานอกจากย่าแล้ว พวกนั้นคือหมา ชอบนินทาชอบใส่ร้ายชอบล้อเรื่องพ่อแม่เรา ชอบดูถูกปมด้อยเรา เราโตมาแบบนั้นค่ะ ย่าไม่ค่อยสอนค่ะ เพราะ เราก้าวร้าวแต่เด็ก เขาตามใจเรามากกว่า ทำให้เราจำเรียนแบบคนพวกนั้น ตอนนี้ก็อย่างที่บอก เรารู้สึกว่า โรคทางจิตเวช มันมีอยู่ในตัวเราหมดเลย เรื่องโดนลวนลามก็ยังเวียนอยู่ เราอยากดรอปไว้หนึ่งปีเพื่อเข้ารักษาตัว แต่กลัวย่าเสียใจ เพราะชิวิตย่าขึ้นอยู่กับเรา เรามีกันแค่สองคน เรากลัวว่าถ้าเราไม่ได้รับการรักษา เราจะกลายเป็นบ้าอย่างเต็มตัว ธรรมะไม่ช่วยค่ะ ปลงแล้วก็คิดอีก ต้องรักษาอย่างเดียว ขอบคุณที่อ่านค่ะ
ถ้าเราเอาตัวเองเข้าโรงพยาบาลบ้าพ่อแม่จะเสียใจไหม
พอมันผ่านไปสักระยะแล้ว มันก็ยังแย่อยู่นะ กับเพื่อนกับสังคมอะไรก็ยังเหมือนเดิม แต่ด้ยสุขภาพจิต ที่ย่ำแย่มากๆของเราที่สะสมมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เรา นึกคิด กลัว กลัวไปหมด กลัวว่า จะหมดอนาคต กลัวว่าถ้ามีผู้ชายเข้ามาแล้วเรื่องแบบนี้ไม่ได้ จะไปพูดประมาณว่า อย่างน้อยกูก็ยังซิงต่อหน้าผู้ชายก็ไม่ได้ อยากตายไหม ฮึ ต้องถามว่า รอดมาได้อย่างไงมากกว่า เราคิดฆ่าตัวตายตั้งแต่เด็กๆแล้วค่ะ มันเป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็กคือไม่ค่อยเหมือนเด็กคนอื่น เข้ากับใครไม่ได้ ด่าครู ด่าพระ ด่าหมด ที่เราบอกว่าพ่อแม่ตอนแรกที่พิมพ์มาเราสตอบอรี่ค่ะ ไม่มีพ่อแม่หรอก อรรถรสไหม จริงๆย่าเป็นคนเลี้ยง พ่อมีครอบครัวใหม่ แม่หายไปจากชีวิตค่ะ (ไม่พูดว่าย่าแต่แรก มันดูแปลกๆ เพราะคนส่วนมากเขาก็มีพ่อแม่กัน) พ่อแม่เราก็มีอาการทางจิต พ่อชอบฆ่าลูกสัตว์ให้พ่อแม่มันดู แม่ชอบทุบขวดเอาเศษขวดมากรีดตัวเอง อืม กรรมพันธ์แล้วหนึ่ง สองสังคมที่เราโตมานอกจากย่าแล้ว พวกนั้นคือหมา ชอบนินทาชอบใส่ร้ายชอบล้อเรื่องพ่อแม่เรา ชอบดูถูกปมด้อยเรา เราโตมาแบบนั้นค่ะ ย่าไม่ค่อยสอนค่ะ เพราะ เราก้าวร้าวแต่เด็ก เขาตามใจเรามากกว่า ทำให้เราจำเรียนแบบคนพวกนั้น ตอนนี้ก็อย่างที่บอก เรารู้สึกว่า โรคทางจิตเวช มันมีอยู่ในตัวเราหมดเลย เรื่องโดนลวนลามก็ยังเวียนอยู่ เราอยากดรอปไว้หนึ่งปีเพื่อเข้ารักษาตัว แต่กลัวย่าเสียใจ เพราะชิวิตย่าขึ้นอยู่กับเรา เรามีกันแค่สองคน เรากลัวว่าถ้าเราไม่ได้รับการรักษา เราจะกลายเป็นบ้าอย่างเต็มตัว ธรรมะไม่ช่วยค่ะ ปลงแล้วก็คิดอีก ต้องรักษาอย่างเดียว ขอบคุณที่อ่านค่ะ