สวัสดีครับ กระทู้อันนี้อาจจะเป็นแค่ความคิดเห็นหรือทัศนคติที่เป็นตัวของผมเอง ซึ่งบางครั้งอาจจะส่งผมกระทบกับใครบางคน ผมก็ต้องขอโทษมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
เรื่องก็มีอยู่ว่า ปีที่แล้ว ผมเคยศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งทางตอนภาคเหนือ แต่ในตอนนั้นผมซึ่งยังอยู่ในช่วงที่บ้า เห่อ หรือยังไม่คุ้นชินกับการเรียนในระดับอุดมศึกษา
ในช่วงเทอมแรกผมเข้าเรียนตามปกติ พยายามเต็มที่แต่ก็ได้เกรดที่ไม่ค่อยน่าพอใจซักเท่าไหร่ แต่ในระหว่างนั้นผมก็เริ่มได้เพื่อน เริ่มได้สังคม เริ่มได้รู้ว่าตัวเราชอบอะไร
ในเทอมที่สอง ช่วงแรกผมยังเข้าเรียนบ้าง และก็เริ่มได้การทาบทามจากอาจารย์ จากรุ่นพี่ และเริ่มทำงานช่วยมหาวิทยาลัย ซึ่งมันเป็นอะไรที่สนุกมากครับ ได้ทดลองสิ่งแปลกใหม่ที่เรายังไม่เคยทำ ได้ทำในสิ่งที่เราชอบและเริ่มพัฒนาฝีมือตัวเอง เริ่มได้ช่วยเหลือรุ่นพี่ อาจารย์ และตัวคณะ จนได้มาเป็นสมาชิกของโปรเจคช่องของคณะ
และหลังจากนั้น ทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไป
ผมแทบจะไม่เคยได้เข้าเรียนในคลาสต่างๆเลย ซึ่งในเวลานั้นผมปันเวลาไปช่วยงานทั้งรุ่นพี่ อาจารย์ ตัวคณะ และมหาวิทยาลัย เริ่มทำงานเก็บเงินสะสมเอง เริ่มก่อร่างสร้างตัวชื่อในมหาวิทยาลัย
โดยที่ไม่สนใจการเรียนเลย แม้แต่นิดเดียว
แม้ว่าทุกคนจะเตือนซักแค่ไหน ทั้งเพื่อนเตือน อาจารย์เตือน หรือแม้แต่ครอบครัว ผมก็ไม่ฟัง
และยังทำงานหามรุ่งหามค่ำต่อไป เพราะว่ามันสนุกไงครับ สนุกมาก
แต่แล้ว
หลังจากที่เช็คเกรดของปี 1 เทอม 2 รู้มั้ยครับ
ผมได้เกรดเพียง 0.82 เกรดรายวิชาของผมแทบจะเป็น F ทั้งหมด
และเกรดเฉลี่ยของผม ได้ไม่ถึงเกณท์ที่มหาวิทยาลัยกำหนดไว้
ผมโดนไทร์
ผมไม่เคยลืมเลยครับ ว่าในวินาทีนั้นผมรู้สึกยังไง
ผมปากสั่น มือสั่น หน้าชา ในหัวมีแต่คำถามเต็มไปหมด
ทุกอย่างที่เราวาดหวังไว้ ทุกอย่างที่เราก่อร่างสร้างตัว อนาคตที่เราฝันไว้ มันพังทลายตรงหน้าผมเลย
ผมรีบถามทั้งอาจารย์ที่ปรึกษา ทั้งเจ้าหน้าที่ประเมินผลของมหาวิทยาลัย
เค้าก็บอกว่า ช่วยอะไรไม่ได้แล้ว ระบบของมหาวิทยาลัยเป็นแบบนั้น เราก็ควรที่จะยอมรับ
แม้ว่าเราจะเป็นใคร มีตำแหน่งอะไร มีชื่อมาจากอะไร
มันช่วยอะไรไม่ได้เลย แม้แต่นิดเดียว
หลังจากที่ผมวางหูไป ผมร้องไห้ แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ซึ่งหลังจากที่ผมปรึกษากับครอบครัว เค้าก็บอกว่า นึกอยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ ในช่วงนี้ก็ต้องหาที่เรียนใหม่เอง แต่เค้าก็ยังช่วยเหลือเรา
และในช่วงนั้น เป็นช่วงหลังแอดมิชชั่น
สรุปคือ เรามีสิทธิ์ที่จะสอบรับตรงได้เท่านั้น ไม่สามารถเลือกมหาวิทยาลัยที่เราตั้งใจหวังได้ และเราไม่สามารถสมัครรับตรงในที่ๆเค้าดูประวัติของเราได้
ขึ้นชื่อว่าโดนไทร์ มันจะไปมีที่ไหนรับ
แต่ก็เหมือนสววรค์แกล้ง
มันมีมหาวิทยาลัยหนึ่งที่อยู่จังหวัดเดียวกัน ที่รับตรงในสายที่เราเรียน (ผมเรียนสายนิเทศครับ) รับสมัครหลังรอบแอดมิชชั่น ไม่ดูแกทแพท ไม่ดูประวัติ
ซึ่งผมก็ไปสมัคร และก็ได้มา แบบงงๆ ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ได้ที่เรียนใหม่ในไม่ถึงเดือน
มีโอกาสที่ไหน ก็ต้องคว้าไว้ครับ มันเลือกไม่ได้อยู่แล้ว
และในที่ๆผมอยู่ใหม่ มันก็ใช่อยู่แล้วครับ
ผมแก่สุดในรุ่น
ผมเคยเรียนในคณะที่ทุกๆคนที่นั้นอยากเรียนมาก พยายามที่จะเข้าในคณะที่ผมเคยเรียนมาแต่ทำไม่ได้
และผมโดนไทร์จากที่นั่นมา
มันเป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะไม่มองผมแบบแปลกๆ
และในมหาวิทยาลัยที่ใหม่นั้น ขึ้นชื่อในเรื่องโซตัส และรับน้องที่โหด
เพราะฉะนั้น ผมถูกเล็งหัวไว้ จากทั้งรุ่นพี่ และเพื่อนที่เข้ามาด้วยกัน
ปีหนึ่ง ไม่มีสิทธิ์ข้ามหน้าข้ามตารุ่นพี่ ไม่มีสิทธิ์ช่วยงานอาจารย์ ไม่มีสิทธิ์ทำผลงานประกวดใดๆ
มีเพียงแค่เรียน กลับหอ และโดนว๊ากเท่านั้น
เรียน กลับหอ โดนว๊าก เรียน กลับหอ โดนว๊าก เรียน กลับหอ โดนว๊าก เรียน กลับหอ โดนว๊าก เรียน กลับหอ โดนว๊าก เรียน กลับหอ โดนว๊าก
ซ้ำไปซ้ำมาไม่สิ้นสุด
แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเรื่องดีเสมอไปนะครับ
หลังจากที่ผมโดนไทร์มา ผมก็เปลี่ยนแปลงตัวเอง ขยันเรียนมาโดยตลอด นั่งหน้ามาโดยตลอด
ได้ทำกิจกรรมหลายอย่างที่ตัวเองไม่คิดว่าจะได้ทำ คือการทำงานเบื้องหน้า
มันก็... สนุกนะครับ สนุกดี แต่ก็รู้สึกแปลกๆ
ว่ามันใช่ตัวเราจริงๆอย่างนั้นเหรอ
มันคือตัวเราอย่างนั้นเหรอ
หรือมันเป็นตัวเรา ที่เขาอยากให้เป็น
และในสามสี่วันที่ผ่านมา ผมได้สนทนากับเพื่อน ในที่เก่า และได้ช่วยทำงานคลิป PR ของดาวเดือนและดาวเทียม
มันเป็นงานที่ผมเคยวางแผนไว้ว่าจะทำในช่วงเปิดเทอม
ถึงแม้ว่าเราจะมีเวลาเพียงน้อยนิด ก่อนที่จะสอบมิดเทอม
แต่ยังไงผมก็ต้องทำ เพราะเพื่อนขอทั้งที่ แถมเครื่องร้อนซะขนาดนี้ ใครมันจะไม่อยากทำล่ะครับ
....ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ ทำงานหามรุ่งหามค่ำตั้งแต่วันอาทิตย์ ยันวันพุธ ไม่ได้หลับไม่ได้นอน
หลังจากเรียนเสร็จ ก็รีบกลับไปนั่งหน้าคอม ตั้งหน้าตั้งตาตัดวิดีโอ
เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่ผมทำ แล้วผมมีความสุข
ผมได้เพื่อน ผมได้รุ่นพี่ ผมได้อาจารย์ ก็เพราะการตัดต่อวิดิโอ
มันเป็นสิ่งเดียว ที่ทำให้ผมมีตัวตน
ถึงมันจะเกิดปัญหามากมายหลายอย่าง ทั้งจากตัวของฟุตเทจเอง ทั้งสภาพคอมธรรมดาๆที่ผ่านการเรนเดอร์มานับไม่ถ้วน ทั้งสภาพไฟฟ้าของมหาวิทยาลัยที่ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก ทั้งปัญหาอินเตอร์เน็ตของมหาวิทยาลัยที่ค่อนข้างไม่เสถียร แต่มันก็เสร็จจนได้
ถึงมันจะไม่ดีเลิศเลอเพอร์เฟคเท่าไหร่ อาจจะยังไม่สมบูรณ์พร้อมที่จะออกไปในสายตาคนภายนอกได้
แต่ผมได้ทุ่มเททุกอย่าง ใส่เข้าไปในนั้น ทั้งฝีมือ ทั้งแรงกายแรงใจ ทั้งกำลังใจจากเพื่อนๆ พี่ๆ และครอบครัว
ถึงมันจะเป็นแค่ฝีมือของนักศึกษาต๊อกต๋อยคนนึง แต่ผมทุ่มเททุกอย่าง เพื่อที่จะให้งานนี้ ออกมาให้ดีที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้
และหลังจากที่คลิปทั้งสองคลิปได้ถูกปล่อยออกมา หลังจากนั้นผมก็สลบเลย หลับเป็นตาย ไม่ได้ดูความเคลื่อนไหวอะไรเลย
พอถึงในช่วงดึก ที่ผมเปิดเฟสขึ้นมา ฟีดแบ็คก็เด้งขึ้นมาในหน้าแรกทันที
ทั้งคำชมจากเพื่อน รุ่นพี่ และรุ่นน้อง (ที่ผมไม่เคยเจอหน้าเลย เพราะตอนนั้นผมก็ติดรับน้องที่ใหม่เหมือนกัน)
ว่าเป็นงานที่ดีมากๆ เป็นงานที่สื่อถึงคอนเซปต์ได้ดีมาก ต่างๆนานา
เค้าชมผลงานของผม ที่เป็นแค่นักศึกษาปีหนึ่ง ที่ยังไม่มีความพร้อมอะไรเลยคนนึง
และพอผมเจอคำพูดของเพื่อนคนนึง ที่ผมคบเค้ามานานแล้ว บอกประมาณว่า
ดูแล้วนึกถึงแกว่ะ ฝีมือแบบนี้คือมันเป็นตัวแกชัดๆเลย เห็นแล้วโคตรคิดถึง
แล้วเมื่อไหร่แกจะกลับมาหาพวกเราซักที ที่นี่ยังรอแกเสมอนะเว้ย
ถึงแม้เราจะอยู่ไกลแค่ไหน เราก็ยังเป็นเพื่อนกัน แล้วอย่าลืมมาหาพวกเราบ้างนะ เรายังรอแกเสมอ
พอผมอ่านจบประโยคนี้ ผมนั่งร้องไห้หนักมาก
ร้องไห้เหมือนกับตอนที่ผมรู้ว่าผมโดนไทร์
มันนึกย้อนถึงทุกอย่างที่เราอยู่ตรงนั้น ที่ๆเราได้เพื่อน ได้สังคม ได้ประสบการณ์ จากการที่เราเป็นตัวเราเอง
ทั้งความสุข ความเศร้า ความยินดี ความทุกข์ ความทรงจำทุกอย่าง มันกลับมาเข้าในหัวผมทั้งหมด
รุ่นพี่ที่เดิมทักหาผม และเริ่มให้ช่วยงานมากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมแสดงความห่วงใย
แล้วหลังจากนั้น ผมก็นั่งคิดว่า หรือผมจะซิ่วไปที่เดิมดี
แต่มันก็เป็นแค่ความคิดที่ดูตลก
เฮ้ย เราโดนไทร์มาจากที่นั้นมา แล้วเราจะสอบเข้าได้อยู่เหรอ
แล้วถ้าสมมุติเรามีสิทธิ์ขึ้นมา คิดว่าเค้าจะรับเราเหรอ
แล้วถ้าสมมุติว่าได้ขึ้นมา แต่เพื่อนเราก็จะอยู่ในปี 3 แล้วเราอยู่ในปี 1 แล้วมันจะไม่ตลกเหรอ
แล้วเราจะเรียนซ้ำอีก เรียนในบทเรียนที่เราเคยไม่ผ่านอยู่แล้ว
แล้วเราจะสู้ไหวเหรอ อุปสรรคมันมีตั้งหลายอย่าง
แต่มันอยากกลับไปที่เดิมจริงๆนะครับ
ที่เดิมที่เราเป็นตัวเรา ที่เดิมที่เราได้ทำในสิ่งที่เป็นตัวเรา ที่เดิมที่เราได้ปลดปล่อยตัวเอง ที่เดิมที่เรามีตัวตนจากการทำงาน
ไม่ใช่ที่ใหม่ที่เขาอยากให้เราเป็น ที่ใหม่ที่เรายังไม่คุ้นชินในสังคม ที่ใหม่ที่ไม่เปิดให้เราได้แสดงศักยภาพ ที่ใหม่ที่เราถูกวางคาแร็กเตอร์เป็นบุคคลที่เรียกว่า "เด็ก"
ผมจะทำอย่างไรในสถานการณ์นี้ดีครับ
ขอบคุณครับ
แปลกมั้ย...? เคยโดนไทร์ ได้ที่เรียนใหม่แล้ว แต่ก็อยากกลับไปอยู่ที่เดิม
เรื่องก็มีอยู่ว่า ปีที่แล้ว ผมเคยศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งทางตอนภาคเหนือ แต่ในตอนนั้นผมซึ่งยังอยู่ในช่วงที่บ้า เห่อ หรือยังไม่คุ้นชินกับการเรียนในระดับอุดมศึกษา
ในช่วงเทอมแรกผมเข้าเรียนตามปกติ พยายามเต็มที่แต่ก็ได้เกรดที่ไม่ค่อยน่าพอใจซักเท่าไหร่ แต่ในระหว่างนั้นผมก็เริ่มได้เพื่อน เริ่มได้สังคม เริ่มได้รู้ว่าตัวเราชอบอะไร
ในเทอมที่สอง ช่วงแรกผมยังเข้าเรียนบ้าง และก็เริ่มได้การทาบทามจากอาจารย์ จากรุ่นพี่ และเริ่มทำงานช่วยมหาวิทยาลัย ซึ่งมันเป็นอะไรที่สนุกมากครับ ได้ทดลองสิ่งแปลกใหม่ที่เรายังไม่เคยทำ ได้ทำในสิ่งที่เราชอบและเริ่มพัฒนาฝีมือตัวเอง เริ่มได้ช่วยเหลือรุ่นพี่ อาจารย์ และตัวคณะ จนได้มาเป็นสมาชิกของโปรเจคช่องของคณะ
และหลังจากนั้น ทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไป
ผมแทบจะไม่เคยได้เข้าเรียนในคลาสต่างๆเลย ซึ่งในเวลานั้นผมปันเวลาไปช่วยงานทั้งรุ่นพี่ อาจารย์ ตัวคณะ และมหาวิทยาลัย เริ่มทำงานเก็บเงินสะสมเอง เริ่มก่อร่างสร้างตัวชื่อในมหาวิทยาลัย
โดยที่ไม่สนใจการเรียนเลย แม้แต่นิดเดียว
แม้ว่าทุกคนจะเตือนซักแค่ไหน ทั้งเพื่อนเตือน อาจารย์เตือน หรือแม้แต่ครอบครัว ผมก็ไม่ฟัง
และยังทำงานหามรุ่งหามค่ำต่อไป เพราะว่ามันสนุกไงครับ สนุกมาก
แต่แล้ว
หลังจากที่เช็คเกรดของปี 1 เทอม 2 รู้มั้ยครับ
ผมได้เกรดเพียง 0.82 เกรดรายวิชาของผมแทบจะเป็น F ทั้งหมด
และเกรดเฉลี่ยของผม ได้ไม่ถึงเกณท์ที่มหาวิทยาลัยกำหนดไว้
ผมโดนไทร์
ผมไม่เคยลืมเลยครับ ว่าในวินาทีนั้นผมรู้สึกยังไง
ผมปากสั่น มือสั่น หน้าชา ในหัวมีแต่คำถามเต็มไปหมด
ทุกอย่างที่เราวาดหวังไว้ ทุกอย่างที่เราก่อร่างสร้างตัว อนาคตที่เราฝันไว้ มันพังทลายตรงหน้าผมเลย
ผมรีบถามทั้งอาจารย์ที่ปรึกษา ทั้งเจ้าหน้าที่ประเมินผลของมหาวิทยาลัย
เค้าก็บอกว่า ช่วยอะไรไม่ได้แล้ว ระบบของมหาวิทยาลัยเป็นแบบนั้น เราก็ควรที่จะยอมรับ
แม้ว่าเราจะเป็นใคร มีตำแหน่งอะไร มีชื่อมาจากอะไร
มันช่วยอะไรไม่ได้เลย แม้แต่นิดเดียว
หลังจากที่ผมวางหูไป ผมร้องไห้ แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ซึ่งหลังจากที่ผมปรึกษากับครอบครัว เค้าก็บอกว่า นึกอยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ ในช่วงนี้ก็ต้องหาที่เรียนใหม่เอง แต่เค้าก็ยังช่วยเหลือเรา
และในช่วงนั้น เป็นช่วงหลังแอดมิชชั่น
สรุปคือ เรามีสิทธิ์ที่จะสอบรับตรงได้เท่านั้น ไม่สามารถเลือกมหาวิทยาลัยที่เราตั้งใจหวังได้ และเราไม่สามารถสมัครรับตรงในที่ๆเค้าดูประวัติของเราได้
ขึ้นชื่อว่าโดนไทร์ มันจะไปมีที่ไหนรับ
แต่ก็เหมือนสววรค์แกล้ง
มันมีมหาวิทยาลัยหนึ่งที่อยู่จังหวัดเดียวกัน ที่รับตรงในสายที่เราเรียน (ผมเรียนสายนิเทศครับ) รับสมัครหลังรอบแอดมิชชั่น ไม่ดูแกทแพท ไม่ดูประวัติ
ซึ่งผมก็ไปสมัคร และก็ได้มา แบบงงๆ ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ได้ที่เรียนใหม่ในไม่ถึงเดือน
มีโอกาสที่ไหน ก็ต้องคว้าไว้ครับ มันเลือกไม่ได้อยู่แล้ว
และในที่ๆผมอยู่ใหม่ มันก็ใช่อยู่แล้วครับ
ผมแก่สุดในรุ่น
ผมเคยเรียนในคณะที่ทุกๆคนที่นั้นอยากเรียนมาก พยายามที่จะเข้าในคณะที่ผมเคยเรียนมาแต่ทำไม่ได้
และผมโดนไทร์จากที่นั่นมา
มันเป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะไม่มองผมแบบแปลกๆ
และในมหาวิทยาลัยที่ใหม่นั้น ขึ้นชื่อในเรื่องโซตัส และรับน้องที่โหด
เพราะฉะนั้น ผมถูกเล็งหัวไว้ จากทั้งรุ่นพี่ และเพื่อนที่เข้ามาด้วยกัน
ปีหนึ่ง ไม่มีสิทธิ์ข้ามหน้าข้ามตารุ่นพี่ ไม่มีสิทธิ์ช่วยงานอาจารย์ ไม่มีสิทธิ์ทำผลงานประกวดใดๆ
มีเพียงแค่เรียน กลับหอ และโดนว๊ากเท่านั้น
เรียน กลับหอ โดนว๊าก เรียน กลับหอ โดนว๊าก เรียน กลับหอ โดนว๊าก เรียน กลับหอ โดนว๊าก เรียน กลับหอ โดนว๊าก เรียน กลับหอ โดนว๊าก
ซ้ำไปซ้ำมาไม่สิ้นสุด
แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเรื่องดีเสมอไปนะครับ
หลังจากที่ผมโดนไทร์มา ผมก็เปลี่ยนแปลงตัวเอง ขยันเรียนมาโดยตลอด นั่งหน้ามาโดยตลอด
ได้ทำกิจกรรมหลายอย่างที่ตัวเองไม่คิดว่าจะได้ทำ คือการทำงานเบื้องหน้า
มันก็... สนุกนะครับ สนุกดี แต่ก็รู้สึกแปลกๆ
ว่ามันใช่ตัวเราจริงๆอย่างนั้นเหรอ
มันคือตัวเราอย่างนั้นเหรอ
หรือมันเป็นตัวเรา ที่เขาอยากให้เป็น
และในสามสี่วันที่ผ่านมา ผมได้สนทนากับเพื่อน ในที่เก่า และได้ช่วยทำงานคลิป PR ของดาวเดือนและดาวเทียม
มันเป็นงานที่ผมเคยวางแผนไว้ว่าจะทำในช่วงเปิดเทอม
ถึงแม้ว่าเราจะมีเวลาเพียงน้อยนิด ก่อนที่จะสอบมิดเทอม
แต่ยังไงผมก็ต้องทำ เพราะเพื่อนขอทั้งที่ แถมเครื่องร้อนซะขนาดนี้ ใครมันจะไม่อยากทำล่ะครับ
....ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ ทำงานหามรุ่งหามค่ำตั้งแต่วันอาทิตย์ ยันวันพุธ ไม่ได้หลับไม่ได้นอน
หลังจากเรียนเสร็จ ก็รีบกลับไปนั่งหน้าคอม ตั้งหน้าตั้งตาตัดวิดีโอ
เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่ผมทำ แล้วผมมีความสุข
ผมได้เพื่อน ผมได้รุ่นพี่ ผมได้อาจารย์ ก็เพราะการตัดต่อวิดิโอ
มันเป็นสิ่งเดียว ที่ทำให้ผมมีตัวตน
ถึงมันจะเกิดปัญหามากมายหลายอย่าง ทั้งจากตัวของฟุตเทจเอง ทั้งสภาพคอมธรรมดาๆที่ผ่านการเรนเดอร์มานับไม่ถ้วน ทั้งสภาพไฟฟ้าของมหาวิทยาลัยที่ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก ทั้งปัญหาอินเตอร์เน็ตของมหาวิทยาลัยที่ค่อนข้างไม่เสถียร แต่มันก็เสร็จจนได้
ถึงมันจะไม่ดีเลิศเลอเพอร์เฟคเท่าไหร่ อาจจะยังไม่สมบูรณ์พร้อมที่จะออกไปในสายตาคนภายนอกได้
แต่ผมได้ทุ่มเททุกอย่าง ใส่เข้าไปในนั้น ทั้งฝีมือ ทั้งแรงกายแรงใจ ทั้งกำลังใจจากเพื่อนๆ พี่ๆ และครอบครัว
ถึงมันจะเป็นแค่ฝีมือของนักศึกษาต๊อกต๋อยคนนึง แต่ผมทุ่มเททุกอย่าง เพื่อที่จะให้งานนี้ ออกมาให้ดีที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้
และหลังจากที่คลิปทั้งสองคลิปได้ถูกปล่อยออกมา หลังจากนั้นผมก็สลบเลย หลับเป็นตาย ไม่ได้ดูความเคลื่อนไหวอะไรเลย
พอถึงในช่วงดึก ที่ผมเปิดเฟสขึ้นมา ฟีดแบ็คก็เด้งขึ้นมาในหน้าแรกทันที
ทั้งคำชมจากเพื่อน รุ่นพี่ และรุ่นน้อง (ที่ผมไม่เคยเจอหน้าเลย เพราะตอนนั้นผมก็ติดรับน้องที่ใหม่เหมือนกัน)
ว่าเป็นงานที่ดีมากๆ เป็นงานที่สื่อถึงคอนเซปต์ได้ดีมาก ต่างๆนานา
เค้าชมผลงานของผม ที่เป็นแค่นักศึกษาปีหนึ่ง ที่ยังไม่มีความพร้อมอะไรเลยคนนึง
และพอผมเจอคำพูดของเพื่อนคนนึง ที่ผมคบเค้ามานานแล้ว บอกประมาณว่า
ดูแล้วนึกถึงแกว่ะ ฝีมือแบบนี้คือมันเป็นตัวแกชัดๆเลย เห็นแล้วโคตรคิดถึง
แล้วเมื่อไหร่แกจะกลับมาหาพวกเราซักที ที่นี่ยังรอแกเสมอนะเว้ย
ถึงแม้เราจะอยู่ไกลแค่ไหน เราก็ยังเป็นเพื่อนกัน แล้วอย่าลืมมาหาพวกเราบ้างนะ เรายังรอแกเสมอ
พอผมอ่านจบประโยคนี้ ผมนั่งร้องไห้หนักมาก
ร้องไห้เหมือนกับตอนที่ผมรู้ว่าผมโดนไทร์
มันนึกย้อนถึงทุกอย่างที่เราอยู่ตรงนั้น ที่ๆเราได้เพื่อน ได้สังคม ได้ประสบการณ์ จากการที่เราเป็นตัวเราเอง
ทั้งความสุข ความเศร้า ความยินดี ความทุกข์ ความทรงจำทุกอย่าง มันกลับมาเข้าในหัวผมทั้งหมด
รุ่นพี่ที่เดิมทักหาผม และเริ่มให้ช่วยงานมากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมแสดงความห่วงใย
แล้วหลังจากนั้น ผมก็นั่งคิดว่า หรือผมจะซิ่วไปที่เดิมดี
แต่มันก็เป็นแค่ความคิดที่ดูตลก
เฮ้ย เราโดนไทร์มาจากที่นั้นมา แล้วเราจะสอบเข้าได้อยู่เหรอ
แล้วถ้าสมมุติเรามีสิทธิ์ขึ้นมา คิดว่าเค้าจะรับเราเหรอ
แล้วถ้าสมมุติว่าได้ขึ้นมา แต่เพื่อนเราก็จะอยู่ในปี 3 แล้วเราอยู่ในปี 1 แล้วมันจะไม่ตลกเหรอ
แล้วเราจะเรียนซ้ำอีก เรียนในบทเรียนที่เราเคยไม่ผ่านอยู่แล้ว
แล้วเราจะสู้ไหวเหรอ อุปสรรคมันมีตั้งหลายอย่าง
แต่มันอยากกลับไปที่เดิมจริงๆนะครับ
ที่เดิมที่เราเป็นตัวเรา ที่เดิมที่เราได้ทำในสิ่งที่เป็นตัวเรา ที่เดิมที่เราได้ปลดปล่อยตัวเอง ที่เดิมที่เรามีตัวตนจากการทำงาน
ไม่ใช่ที่ใหม่ที่เขาอยากให้เราเป็น ที่ใหม่ที่เรายังไม่คุ้นชินในสังคม ที่ใหม่ที่ไม่เปิดให้เราได้แสดงศักยภาพ ที่ใหม่ที่เราถูกวางคาแร็กเตอร์เป็นบุคคลที่เรียกว่า "เด็ก"
ผมจะทำอย่างไรในสถานการณ์นี้ดีครับ
ขอบคุณครับ