เห็นมีดราม่าเรื่องscวันก่อนประเด็นเรื่องการผลักภาระให้ลูกค้าขอข้ามไปนะครับ คือสงสัยว่าถ้าเรายกเลิกscจริงๆมันไม่ส่งผลดีกับผู้ประกอบการเองหรอครับ
เพราะจากดราม่าผู้ประกอบการเองก็เคลมว่าเงินค่าscนั้นเอาไว้เป็นเงินพิเศษของพนักงานนอกเหนือจากค่าจ้าง แต่จากคำสังกรมสรรพากรเห็นว่าค่าscนั้นผู้ประกอบการต้องเอามาคำนวนเสียภาษีในส่วนเงินได้ของผู้ประกอบการเองจะอ้างว่าเอาไปเป็นเงินพิเศษแก่พนักงานไม่ได้ แปลว่า ผู้ประกอบการกำลังถูกรีดภาษีจากเงินที่ไม่ใช่เงินได้ที่แท้จริงตามเจตนารมย์ของกฎหมายอยู่นี่ครับ
ถ้าเราเปลี่ยนใหม่ไม่คิดscลงไปในบิล แต่สร้างค่านิยม(โดยช่วงแรกอาจติดเป็นประกาศขอความอนุเคราะห์อะไรก็ว่าไป)
ให้ลูกค้าจ่ายทิปแก่พนักงานโดยตรงโดยคิดเป็นเปอร์เซนจากค่าอาหารแบบบางประเทศเช่นUSA โดยผู้ประกอบการไม่ต้องเข้าไปยุ่งกับเงินส่วนนี้(อาจให้ผู้จัดการร้านเป็นคนแบ่งให้พนักงานเท่าๆกัน)
แบบนี้ลูกค้าก็เต็มใจจ่าย พนักงานก็ได้เงินพิเศษเป็นขวัญกำลังใจ ส่วนผู้ประกอบการก็ไม่ต้องแบกรับภาระภาษีที่ไม่ใช่เงินได้ที่แท้จริง แบบนี้ไม่WinWinกันทุกฝ่ายหรอครับ
*แก้tagกับคำผิดครับ
ยกเลิกservice charge เป็นประโยชน์แก่ทุกฝ่ายไม่ใช่หรอครับ
เพราะจากดราม่าผู้ประกอบการเองก็เคลมว่าเงินค่าscนั้นเอาไว้เป็นเงินพิเศษของพนักงานนอกเหนือจากค่าจ้าง แต่จากคำสังกรมสรรพากรเห็นว่าค่าscนั้นผู้ประกอบการต้องเอามาคำนวนเสียภาษีในส่วนเงินได้ของผู้ประกอบการเองจะอ้างว่าเอาไปเป็นเงินพิเศษแก่พนักงานไม่ได้ แปลว่า ผู้ประกอบการกำลังถูกรีดภาษีจากเงินที่ไม่ใช่เงินได้ที่แท้จริงตามเจตนารมย์ของกฎหมายอยู่นี่ครับ
ถ้าเราเปลี่ยนใหม่ไม่คิดscลงไปในบิล แต่สร้างค่านิยม(โดยช่วงแรกอาจติดเป็นประกาศขอความอนุเคราะห์อะไรก็ว่าไป)
ให้ลูกค้าจ่ายทิปแก่พนักงานโดยตรงโดยคิดเป็นเปอร์เซนจากค่าอาหารแบบบางประเทศเช่นUSA โดยผู้ประกอบการไม่ต้องเข้าไปยุ่งกับเงินส่วนนี้(อาจให้ผู้จัดการร้านเป็นคนแบ่งให้พนักงานเท่าๆกัน)
แบบนี้ลูกค้าก็เต็มใจจ่าย พนักงานก็ได้เงินพิเศษเป็นขวัญกำลังใจ ส่วนผู้ประกอบการก็ไม่ต้องแบกรับภาระภาษีที่ไม่ใช่เงินได้ที่แท้จริง แบบนี้ไม่WinWinกันทุกฝ่ายหรอครับ
*แก้tagกับคำผิดครับ