... คัดลอกมาบางตอนจากคำเทศนาหลวงตามหาบัว เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2543 ...
"" ...ศาสนาพุทธเรามีกฎมีระเบียบเรียบร้อย ไม่ว่าขั้นใดของประชาชนผู้เป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้า ขั้นนี้ ๆ เป็นลำดับ ขั้นนี้เป็นแกงหม้อใหญ่ก็ควรให้เหมาะสมกับแกงหม้อใหญ่ อันนี้แกงหม้อเล็กก็เหมาะสมกับแกงหม้อเล็ก แกงหม้อจิ๋วก็เหมาะสมกับแกงหม้อจิ๋ว ธรรมพระพุทธเจ้าวางระเบียบเรียบไปหมดหาที่ต้องติไม่ได้
แต่ผู้ทำลายธรรมพระพุทธเจ้าก็คือพวกเราเสียเอง สำคัญตรงนี้นะ ท่านสอนให้ทำอย่างนั้นกลับทำอย่างนี้ ให้ทำอย่างนี้กลับไปทำอย่างนั้น มันเป็นข้าศึกของศาสนาก็คือพวกเรา และมิหนำซ้ำก็จะตัดทอนคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร ออกมาเป็นการประกาศไปก็ได้ มันเริ่ม ๆ มีแล้วเวลานี้ ที่จะทำลายศาสนาพระพุทธเจ้าด้วยวิธีการต่าง ๆ มีเยอะ เอ้า ภายในวัดก็ทำลายอีกแบบหนึ่ง ส่วนมากเป็นวัดเป็นผู้ที่จะชี้แจงแสดงอรรถธรรมออกสู่ประชาชน
ถ้าทางวัดทางพระศึกษามาด้วยดี ปฏิบัติมาโดยชอบธรรมแล้วออกมาไม่ค่อยผิดพลาด ถ้าไปศึกษาเฉย ๆ ไม่สนใจกระทั่งว่าศีลเป็นยังไง ศีลเป็นยังไงไม่สนใจ มีแต่ศึกษาจับคำเอาเฉย ๆ คำพูด ๆ ศีลไม่มีสักตัว มันอาจจะลบว่าในพระไตรปิฎกนี้ไม่มีพระวินัยปิฎกก็ได้ เวลานี้ก็เริ่มปรากฏแล้วว่า อภิธรรมปิฎกไม่มีในพระไตรปิฎก ไตรแปลว่าอะไร ติ ออกจากสาม แปลสภาพมาเป็นไตร ปิฏก แปลว่า ภาชนะ ฟังให้ดีนะ นี่เรียนมาจะเอามหาออกเสียวันนี้ ปิฏก ภาษาบาลี เรามาแปลเป็นภาษาไทยว่า ปิฎก แปลว่า ภาชนะสำหรับรับรองปิฎกทั้งสาม ไตร นั่นน่ะสาม ภาชนะสำหรับรับธรรมทั้งสามประเภท
พระวินัยหนึ่ง พระสูตรหนึ่ง พระอภิธรรมหนึ่ง นี้คือปราชญ์ไปจดจารึกมา ออกเป็นพระไตรปิฎก พระวินัยปิฎก ๑ พระสุตตันตปิฎก ๑ พระอภิธรรมปิฎก ๑ เรียกว่าสาม พระวินัยปิฎกนี้เรียกว่ากฎของพระ วินัยของพระ กฎหมายพระ พระสูตรนั้นพูดถึงเรื่องสัตว์เรื่องบุคคล ทำดีทำชั่ว ตกนรกไปสวรรค์อะไร มีอยู่ทั่วไป เรียกว่าพระสูตร บางแห่งธรรมที่สูงกว่านั้นเข้ามาเป็นพระสูตรก็มี เช่น ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร นี่อริยสัจนะนี่ เข้าในพระอภิธรรมปิฎกได้เลยไม่สงสัย จากนั้นก็
พระอภิธรรม พระอภิธรรมปิฎก แปลว่าธรรมที่สูงสุดกว่าธรรมทั้งสองประเภทนี้
พระพุทธเจ้าตรัสรู้ขึ้นมาด้วยพระอภิธรรมปิฎก ด้วยจิตตภาวนา รากแก้วของพระอภิธรรมปิฎกคือภาวนา พระพุทธเจ้าตรัสรู้ขึ้นด้วยองค์ภาวนาล้วน ๆ เป็นศาสดาเอก เจริญอานาปานสติ เป็นยังไงที่ว่าพระอภิธรรมปิฎก จิต เจตสิก นิพพาน มีแต่เรื่องจิตล้วน ๆ นะ นี่ละท่านแสดงในอภิธรรมปิฎกไว้ นี่ก็ดูไม่ใช่มาพูดพล่าม ๆ นี่นะ ไม่ว่าพระสูตร พระวินัย พระอภิธรรม เราดูมาทั้งนั้นก่อนที่จะออกปฏิบัติ เพราะฉะนั้นที่จะมาโกหกง่าย ๆ ไม่ได้นะ ควรตีปากตีเอาเลยเรานะ เราก็มีมือ เขามีปาก พูดออกมาเป็นการลบล้างอรรถธรรมตีปากเลย อยากว่าอย่างนั้นนะ ก็เรียนมาด้วยกัน เห็นมาด้วยกัน นี่แว่ว ๆ ทราบมาอย่างนั้นว่า พระอภิธรรมปิฎกนี้ไม่มีในพระไตรปิฎก มี ๒ ปิฎก คือพระวินัยปิฎกกับพระสุตตันตปิฎก
พระอภิธรรมปิฎกคือหัวใจของพระ ถ้าอันนี้ไม่มีแล้วก็แสดงว่าศาสนาพุทธเราหมดเลย ไม่มี ศาสดาองค์เอกก็ขึ้นไม่ได้ ต้องขึ้นจากอภิธรรมนี้ พระอรหันต์ทุกองค์ขึ้นจากอภิธรรมปิฎกนี้ไม่ขึ้นจากไหน พระวินัยปิฎกนี้ท่านบัญญัติทีหลัง แต่ก่อนยังไม่มีพระวินัย เมื่อทำผิดทำพลาดก็ตั้งบัญญัติพระวินัย กฎหมายพระเข้าไป ๆ เรื่อย ๆ กฎหมายเป็นพื้นฐานแล้วก็ยังเป็นอนุบัญญัติ คือบัญญัติทีหลังปลีกย่อยไป อาบัติเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้บัญญัติต่อไป ๆ นี้เรียกว่าพระวินัยปิฎก พวกพระสุตตันตปิฎก ใครก็ทราบดังที่พูดนั่นละ นิทานเรื่องนั้นเรื่องนี้ ส่วนมากออกจากพระสุตตันตปิฎก ส่วนพระอภิธรรมปิฎกนี้พูดถึงเรื่องจิตตภาวนาเป็นพื้นฐานเลยเทียว
พระพุทธเจ้าตรัสรู้ด้วยพระอภิธรรม พระอรหันต์ตรัสรู้ด้วยพระอภิธรรม ถ้าพระอภิธรรมนี้ไม่มีในพระไตรปิฎกหรือไม่มีในศาสนาแล้ว ศาสนาก็หมดไปเลย นี่คือรากแก้วของศาสนาได้แก่พระอภิธรรม จะเป็นอะไรไป
มันเรียนเฉย ๆ ไม่ปฏิบัติก็จะไปรู้อะไร ให้เรียนซิ พระพุทธเจ้าปฏิบัติมาทุกสิ่งทุกอย่าง เรียนในหลักธรรมชาติคือพระพุทธเจ้า พระสงฆ์สาวกก็เรียนจากพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้าแล้วก็มาปฏิบัติ ๆ ปฏิบัติลงในจิตตภาวนา ภาวนานี้จะเป็นอะไร ถ้าไม่ใช่พระอภิธรรมจะเป็นอะไรไป คำว่า นิพพาน จิต เจตสิก รูป นิพพาน อะไรเหล่านี้ อธิบายไปเป็นเรื่องอภิธรรม คือเกี่ยวกับเรื่องจิตตภาวนาล้วน ๆ ลงได้เข้าทางด้านภาวนาหนีจากอภิธรรมไม่ได้ แยกไปไม่ได้เลย ถ้าอยากตกนรกก็ เอ๋า ว่างั้นเลย พระอภิธรรมไม่มี นั่นละมันจะลงนรก ต่อไปนี้พระวินัยก็จะไม่มี
แล้วยังได้ยินแว่ว ๆ อีกนะว่า พระพุทธเจ้าไม่ควรจะไปยึดท่าน คือพระพุทธเจ้าไม่มี ท่านปรินิพพานไปแล้ว ยังเหลือแต่พระธรรมกับพระสงฆ์ พระพุทธเจ้านิพพานไปแล้วถ้าจะไปยึดองค์ท่าน ก็จะเป็นการติดรูปติดอะไรท่านไป นี่มันบ้าหรือดี เราก็หูบ้าฟังมาอย่างนี้เหมือนกัน ถ้าเขาพูดว่าเป็นบ้าเราก็หูบ้าเหมือนกัน บ้าไปตามบ้า วันนี้พูดเรื่องบ้าด้วยกัน เรื่องพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ตัดพระพุทธเจ้าออก คือพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้วถือท่านหาอะไร เขาว่าอย่างนั้น ....
คัดลอกมาบางส่วนจากคำเทศนาเมื่อ วันที่ 18 พฤศจิกายน 2543
นี่เราก็ได้ยินวี่แววว่า พระอภิธรรมไม่มีในพระไตรปิฎก เราอยากจะไปถามหาโคตรหาแซ่ มันเอาโคตรแซ่มาจากไหนเอามารื้อพระอภิธรรม ซึ่งเป็นศาสนาของพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์นี้ออกไปไม่ให้มีเหลือ มันจะให้มีเหลือแต่เทวทัตทำลายทั้งชาติทั้งบ้านเมืองไปตาม ๆ กันหมดนั้นเหรอ เราอยากถามว่าอย่างนี้นะ แต่นี้เป็นเพียงว่าได้ยินมาแว่ว ๆ เพราะฉะนั้นเราจึงตอบเพียงแว่ว ๆ เสียก่อน ถ้ามันมาหมดทั้งโคตร เราก็จะยกโคตรพ่อโคตรแม่หลวงตาบัวขึ้นซัดกันเลย.....
cantona_z
23 ธันวาคม 2555 เวลา 13:59 น.
ทสกสิณ
21 Sep 2016
22:47:58
"พระพุทธเจ้าสอนไว้ไม่บกพร่องอะไร อย่าไปตัดไปทอน อย่าไปอวดเก่งยิ่งกว่าพระพุทธเจ้า ตัดนั้นออก ตัดนี้ออก ไม่มี"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ข้อที่สาม ปญฺญา ปริภาวิตํ จิตฺตํ สมฺมเทว อาสเวหิ วิมุจฺจติ
จิตที่ปัญญาซักฟอกเรียบร้อยแล้ว ย่อมหลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวงโดยชอบ คือจิตนี้จะหลุดพ้นด้วยปัญญา
ปัญญาเป็นเครื่องซักฟอกจิตให้หลุดพ้น ท่านจึงว่า ปญฺญา ปริภาวิตํ จิตฺตํ สมฺมเทว อาสเวหิ วิมุจฺจติ
จิตที่ปัญญาซักฟอกเรียบร้อยแล้วย่อมหลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวงโดยชอบ
นี่ธรรม ๓ ประการ คือ ศีล สมาธิ ปัญญา ก้าวเดินโดยลำดับ
สำหรับนิสัยผู้อยู่ในขั้นที่ควรจะพิจารณาโดยลำดับ
แต่ท่านผู้ที่เป็น ขิปปาภิญญา นั้นมีน้อยมาก คือศีล สมาธิ ปัญญานี้ไปพร้อม ๆ กัน เป็นผู้รวดเร็ว
อุคฆฏิตัญญู พวกนี้รวดเร็ว ไปเร็วๆ แต่ก็ไม่เคยพ้นไปจากศีล สมาธิ ปัญญานี้ไปได้
อันนี้พร้อมแล้ว หนุนผึงไปได้เลย นี่เป็นขั้นเป็นตอน ไม่ใช่จะเป็นขั้นเดียวตอนเดียว
ดังที่สมัยปัจจุบันนี้เรียนลัดกันก็มาก อาจารย์ก็อาจารย์เรียนลัด ต่อไปนี้อาจารย์นี้จะไม่มีหัวติดตัว คอติดตัวนะ
เพราะมันเรียนลัดตัดคอออกเลย ยังเหลือแต่ท่อนตัวกับขากลิ้งไปเลยอย่างนี้แหละ อาจารย์อย่างนี้ก็จะมีในปัจจุบันนี้นะ
สอนแบบเรียนลัดๆ ศีล สมาธิ ปัญญาไม่จำเป็น การบำเพ็ญไม่จำเป็นต้องบำเพ็ญสมาธิ เดินปัญญาไปเลย
...............................................................................
นี่ศาสดาองค์เอกสอนไว้ ศีล สมาธิ ปัญญา ก็พระพุทธเจ้าสอนไว้เอง อุคฆฏิตัญญู ผู้ที่ตรัสรู้เร็ว
ท่านก็ครบแบบแห่งการตรัสรู้เร็วของท่าน ผู้ที่จะตรัสรู้ในขั้นใดตอนใดของธรรม
ท่านสมบูรณ์ในธรรมขั้นนั้นตอนนั้นไปเหมือนกันหมด
ไม่ใช่อยู่ ๆ ตัดออกไปเลย แล้วขึ้นนิพพานผึงเลย ไม่เคยมีในพุทธศาสนาของเรา
อย่าพากันไปฟังนะแบบอุตรินั่น นี่แหละตัวที่มันมืดบอดที่สุด มันสอนโลกแบบง่ายที่สุดเลย
เรื่องการหลุดพ้นก็ไม่ต้องพิจารณา ไม่ต้องสมาธิ เดินปัญญาเลย ฟังซิ ผู้ที่ท่านปฏิบัติทั้งศีล ทั้งสมาธิ ทั้งปัญญา
ท่านปฏิบัติอยู่เต็มหัวใจของท่าน ท่านผ่านมาทุกแง่ทุกมุม รู้ทุกแง่ทุกมุม
เราไม่ปฏิบัติ หลับตาคุย หลับตาโม้ หลอกโลกสงสารใครจะเชื่อถือได้ คนดีมีในโลกนี้ คนชั่วมี
คนฉลาดยังมี ผู้ที่ทรงอรรถทรงธรรมอย่างแท้จริงยังมี ผู้ทรงมรรคทรงผล
ตามทางของศาสดาอย่างแท้จริงยังมี เราอย่าด่วนคุยด่วนโม้ คำพูดเช่นนี้ไม่มีในหลักพุทธศาสนา
นอกจากเป็นข้าศึกอันใหญ่หลวงต่อพุทธศาสนา ต่อประชาชนผู้ได้ยินได้ฟังจากมหาภัยนี้เท่านั้น
พากันฟังให้ดีนะ ธรรมพระพุทธเจ้าสมบูรณ์ทุกตอน จะเป็นตอนเร็วก็พร้อมแล้วที่จะเร็วได้
ถ้ายังไม่พร้อมก็หนุนกันเข้ามา เป็นขั้น ๆ พร้อมแล้วไปด้วยกันได้ทั้งนั้น
ไม่ว่าตรัสรู้เร็ว ตรัสรู้ช้า ต้องพร้อมแล้วถึงจะตรัสรู้ได้ อยู่ ๆ ก็ตรัสรู้ไปเลย เช่น ศีล สมาธิ ปัญญานี้
เรื่องสมาธิไม่จำเป็น เดินปัญญาเลย พร้อมไปด้วยปัญญาอย่างเดียวไม่เคยมีในหลักพุทธศาสนา
ศีล สมาธิ ปัญญา ไปพร้อมกัน เป็นแต่เพียงว่า รวมกันเร็วและช้าเท่านั้น ต้องมีในสิ่งเหล่านี้
รวมช้ารวมเร็วแต่ต้องรวม ต้องพร้อม ไม่พร้อมพ้นไม่ได้ นี่ให้พากันเข้าใจ
การปฏิบัติศาสนายกศาสดาองค์เอกขึ้นมาเป็นแบบเป็นฉบับ ไม่มีใครที่เป็นศาสดาองค์เอกได้ในโลกนี้
มีพระพุทธเจ้าเท่านั้น จึงตรัสรู้ได้เพียงพระองค์เดียว ไม่เคยมีสองมีสามเป็นคู่แข่งกัน
ถ้ามีก็จะเป็นสมัยปัจจุบันนี้ ที่ว่าศาสดาตาเดียว ศาสดาตาเอก ตาหนึ่งมันบอดแล้วยังเหลืออยู่ตาเดียว
ถ้าตานั้นบอดแล้วก็เป็นศาสดาตาบอด หลอกโลกสงสารไปเท่านั้น นอกจากนั้นไม่มี นี่พากันจำไว้
หลักของพุทธศาสนาเป็นอย่างนี้ พระพุทธเจ้าสอนไว้ไม่บกพร่องอะไร
อย่าไปตัดไปทอน อย่าไปอวดเก่งยิ่งกว่าพระพุทธเจ้า ตัดนั้นออก ตัดนี้ออก ไม่มี
ศาสนาสมบูรณ์แบบมาเรียบร้อยแล้ว ไปตัดตรงไหนผิดทั้งนั้นแหละ จะไปเพิ่มตรงไหนอีกก็ผิด
จึงเรียกว่า สวากขาตธรรม ตรัสไว้ชอบเรียบร้อยแล้ว ให้พากันดำเนินแล้วก้าวเดินตามนี้นะ
เรื่องในโลกนี้มันมีทั้งคนโง่คนฉลาด มีทั้งคนดี คนชั่ว ให้เราคัดเลือกด้วยดี
อย่าเชื่อสุ่มสี่สุ่มห้าจะเสียในตัวของเราเอง วันนี้ก็พูดเพียงย่อ ๆ เท่านี้ ให้ท่านทั้งหลายรู้วิธีปฏิบัติ
ยึดไปปฏิบัติก็แล้วกันนะ เอาละพอ ต่อไปนี้ให้พร
....Venerable Luangta Bua & อภิธรรม
"" ...ศาสนาพุทธเรามีกฎมีระเบียบเรียบร้อย ไม่ว่าขั้นใดของประชาชนผู้เป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้า ขั้นนี้ ๆ เป็นลำดับ ขั้นนี้เป็นแกงหม้อใหญ่ก็ควรให้เหมาะสมกับแกงหม้อใหญ่ อันนี้แกงหม้อเล็กก็เหมาะสมกับแกงหม้อเล็ก แกงหม้อจิ๋วก็เหมาะสมกับแกงหม้อจิ๋ว ธรรมพระพุทธเจ้าวางระเบียบเรียบไปหมดหาที่ต้องติไม่ได้
แต่ผู้ทำลายธรรมพระพุทธเจ้าก็คือพวกเราเสียเอง สำคัญตรงนี้นะ ท่านสอนให้ทำอย่างนั้นกลับทำอย่างนี้ ให้ทำอย่างนี้กลับไปทำอย่างนั้น มันเป็นข้าศึกของศาสนาก็คือพวกเรา และมิหนำซ้ำก็จะตัดทอนคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร ออกมาเป็นการประกาศไปก็ได้ มันเริ่ม ๆ มีแล้วเวลานี้ ที่จะทำลายศาสนาพระพุทธเจ้าด้วยวิธีการต่าง ๆ มีเยอะ เอ้า ภายในวัดก็ทำลายอีกแบบหนึ่ง ส่วนมากเป็นวัดเป็นผู้ที่จะชี้แจงแสดงอรรถธรรมออกสู่ประชาชน
ถ้าทางวัดทางพระศึกษามาด้วยดี ปฏิบัติมาโดยชอบธรรมแล้วออกมาไม่ค่อยผิดพลาด ถ้าไปศึกษาเฉย ๆ ไม่สนใจกระทั่งว่าศีลเป็นยังไง ศีลเป็นยังไงไม่สนใจ มีแต่ศึกษาจับคำเอาเฉย ๆ คำพูด ๆ ศีลไม่มีสักตัว มันอาจจะลบว่าในพระไตรปิฎกนี้ไม่มีพระวินัยปิฎกก็ได้ เวลานี้ก็เริ่มปรากฏแล้วว่า อภิธรรมปิฎกไม่มีในพระไตรปิฎก ไตรแปลว่าอะไร ติ ออกจากสาม แปลสภาพมาเป็นไตร ปิฏก แปลว่า ภาชนะ ฟังให้ดีนะ นี่เรียนมาจะเอามหาออกเสียวันนี้ ปิฏก ภาษาบาลี เรามาแปลเป็นภาษาไทยว่า ปิฎก แปลว่า ภาชนะสำหรับรับรองปิฎกทั้งสาม ไตร นั่นน่ะสาม ภาชนะสำหรับรับธรรมทั้งสามประเภท
พระวินัยหนึ่ง พระสูตรหนึ่ง พระอภิธรรมหนึ่ง นี้คือปราชญ์ไปจดจารึกมา ออกเป็นพระไตรปิฎก พระวินัยปิฎก ๑ พระสุตตันตปิฎก ๑ พระอภิธรรมปิฎก ๑ เรียกว่าสาม พระวินัยปิฎกนี้เรียกว่ากฎของพระ วินัยของพระ กฎหมายพระ พระสูตรนั้นพูดถึงเรื่องสัตว์เรื่องบุคคล ทำดีทำชั่ว ตกนรกไปสวรรค์อะไร มีอยู่ทั่วไป เรียกว่าพระสูตร บางแห่งธรรมที่สูงกว่านั้นเข้ามาเป็นพระสูตรก็มี เช่น ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร นี่อริยสัจนะนี่ เข้าในพระอภิธรรมปิฎกได้เลยไม่สงสัย จากนั้นก็พระอภิธรรม พระอภิธรรมปิฎก แปลว่าธรรมที่สูงสุดกว่าธรรมทั้งสองประเภทนี้
พระพุทธเจ้าตรัสรู้ขึ้นมาด้วยพระอภิธรรมปิฎก ด้วยจิตตภาวนา รากแก้วของพระอภิธรรมปิฎกคือภาวนา พระพุทธเจ้าตรัสรู้ขึ้นด้วยองค์ภาวนาล้วน ๆ เป็นศาสดาเอก เจริญอานาปานสติ เป็นยังไงที่ว่าพระอภิธรรมปิฎก จิต เจตสิก นิพพาน มีแต่เรื่องจิตล้วน ๆ นะ นี่ละท่านแสดงในอภิธรรมปิฎกไว้ นี่ก็ดูไม่ใช่มาพูดพล่าม ๆ นี่นะ ไม่ว่าพระสูตร พระวินัย พระอภิธรรม เราดูมาทั้งนั้นก่อนที่จะออกปฏิบัติ เพราะฉะนั้นที่จะมาโกหกง่าย ๆ ไม่ได้นะ ควรตีปากตีเอาเลยเรานะ เราก็มีมือ เขามีปาก พูดออกมาเป็นการลบล้างอรรถธรรมตีปากเลย อยากว่าอย่างนั้นนะ ก็เรียนมาด้วยกัน เห็นมาด้วยกัน นี่แว่ว ๆ ทราบมาอย่างนั้นว่า พระอภิธรรมปิฎกนี้ไม่มีในพระไตรปิฎก มี ๒ ปิฎก คือพระวินัยปิฎกกับพระสุตตันตปิฎก
พระอภิธรรมปิฎกคือหัวใจของพระ ถ้าอันนี้ไม่มีแล้วก็แสดงว่าศาสนาพุทธเราหมดเลย ไม่มี ศาสดาองค์เอกก็ขึ้นไม่ได้ ต้องขึ้นจากอภิธรรมนี้ พระอรหันต์ทุกองค์ขึ้นจากอภิธรรมปิฎกนี้ไม่ขึ้นจากไหน พระวินัยปิฎกนี้ท่านบัญญัติทีหลัง แต่ก่อนยังไม่มีพระวินัย เมื่อทำผิดทำพลาดก็ตั้งบัญญัติพระวินัย กฎหมายพระเข้าไป ๆ เรื่อย ๆ กฎหมายเป็นพื้นฐานแล้วก็ยังเป็นอนุบัญญัติ คือบัญญัติทีหลังปลีกย่อยไป อาบัติเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้บัญญัติต่อไป ๆ นี้เรียกว่าพระวินัยปิฎก พวกพระสุตตันตปิฎก ใครก็ทราบดังที่พูดนั่นละ นิทานเรื่องนั้นเรื่องนี้ ส่วนมากออกจากพระสุตตันตปิฎก ส่วนพระอภิธรรมปิฎกนี้พูดถึงเรื่องจิตตภาวนาเป็นพื้นฐานเลยเทียว พระพุทธเจ้าตรัสรู้ด้วยพระอภิธรรม พระอรหันต์ตรัสรู้ด้วยพระอภิธรรม ถ้าพระอภิธรรมนี้ไม่มีในพระไตรปิฎกหรือไม่มีในศาสนาแล้ว ศาสนาก็หมดไปเลย นี่คือรากแก้วของศาสนาได้แก่พระอภิธรรม จะเป็นอะไรไป
มันเรียนเฉย ๆ ไม่ปฏิบัติก็จะไปรู้อะไร ให้เรียนซิ พระพุทธเจ้าปฏิบัติมาทุกสิ่งทุกอย่าง เรียนในหลักธรรมชาติคือพระพุทธเจ้า พระสงฆ์สาวกก็เรียนจากพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้าแล้วก็มาปฏิบัติ ๆ ปฏิบัติลงในจิตตภาวนา ภาวนานี้จะเป็นอะไร ถ้าไม่ใช่พระอภิธรรมจะเป็นอะไรไป คำว่า นิพพาน จิต เจตสิก รูป นิพพาน อะไรเหล่านี้ อธิบายไปเป็นเรื่องอภิธรรม คือเกี่ยวกับเรื่องจิตตภาวนาล้วน ๆ ลงได้เข้าทางด้านภาวนาหนีจากอภิธรรมไม่ได้ แยกไปไม่ได้เลย ถ้าอยากตกนรกก็ เอ๋า ว่างั้นเลย พระอภิธรรมไม่มี นั่นละมันจะลงนรก ต่อไปนี้พระวินัยก็จะไม่มี
แล้วยังได้ยินแว่ว ๆ อีกนะว่า พระพุทธเจ้าไม่ควรจะไปยึดท่าน คือพระพุทธเจ้าไม่มี ท่านปรินิพพานไปแล้ว ยังเหลือแต่พระธรรมกับพระสงฆ์ พระพุทธเจ้านิพพานไปแล้วถ้าจะไปยึดองค์ท่าน ก็จะเป็นการติดรูปติดอะไรท่านไป นี่มันบ้าหรือดี เราก็หูบ้าฟังมาอย่างนี้เหมือนกัน ถ้าเขาพูดว่าเป็นบ้าเราก็หูบ้าเหมือนกัน บ้าไปตามบ้า วันนี้พูดเรื่องบ้าด้วยกัน เรื่องพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ตัดพระพุทธเจ้าออก คือพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้วถือท่านหาอะไร เขาว่าอย่างนั้น ....
นี่เราก็ได้ยินวี่แววว่า พระอภิธรรมไม่มีในพระไตรปิฎก เราอยากจะไปถามหาโคตรหาแซ่ มันเอาโคตรแซ่มาจากไหนเอามารื้อพระอภิธรรม ซึ่งเป็นศาสนาของพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์นี้ออกไปไม่ให้มีเหลือ มันจะให้มีเหลือแต่เทวทัตทำลายทั้งชาติทั้งบ้านเมืองไปตาม ๆ กันหมดนั้นเหรอ เราอยากถามว่าอย่างนี้นะ แต่นี้เป็นเพียงว่าได้ยินมาแว่ว ๆ เพราะฉะนั้นเราจึงตอบเพียงแว่ว ๆ เสียก่อน ถ้ามันมาหมดทั้งโคตร เราก็จะยกโคตรพ่อโคตรแม่หลวงตาบัวขึ้นซัดกันเลย.....
23 ธันวาคม 2555 เวลา 13:59 น.
21 Sep 2016
22:47:58
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เทศน์อบรมฆราวาส ณ ศาลาสวนแสงธรรม เมื่อวันที่ ๑๓ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕ [เช้า]
อ่านเนื้อหาเต็มได้จาก http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=1715&CatID=2