แข่งเรือลือเลื่อง เมืองงาช้างดำ จิตรกรรมวัดภูมินทร์ แดนดินส้มสีทอง เรืองรองพระธาตุแช่แห้ง :: ออกเดินทาง เที่ยวบิน FD 3554 #คนเดียวก็เฟี้ยวได้ ทริปไหว้พระ เมืองน่าน 3 วัน 2 คืน ... ค่าเครื่องบินไปกลับกรุงเทพ - น่าน 633 บาท ค่าเช่ามอเตอร์ไซต์ 400 บาท ค่าน้ำมัน 60 บาท ค่าที่พัก 1 คืน 500 บาท ทำบุญตามวัดต่างๆ 500 บาท ค่าอาหารวันละประมาณ 100 บาท รวม 300 บาท สถานที่ไปท่องเที่ยว 1.วัดพญาภู 2.วัดหัวข่วง 3.วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร 4.พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน (งาช้างดำ) และโบราณสถานวัดน้อย วัดที่เล็กที่สุดในประเทศไทย 5.วัดภูมินทร์ 6.วัดมิ่งเมือง 7.วัดศรีพันต้น 8.วัดพญาวัด 9. ชมพระอาทิตย์อัสดงบน วัดพระธาตุเขาน้อย 10.วัดสวนตาล 11. วัดพระธาตุแช่แห้ง อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน ::: อำเภอท่าวังผา 1. วัดศรีมงคล 2. วัดหนองบัว และ อำเภอปัว 1. วัดปรางค์ 2. วัดบ้านต้นแหลง 3. วัดภูเก็ต (โรงแรมธรรมะ) 4. บ้านไทลื้อ - ลำดวนผ้าทอ ::: กราบขอบพระคุณท่านเจ้าอาวาสวัดศรีมงคล อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน ที่เอื้อเฟื้อสถานที่พักพิง และมอบให้น้องนาค มัคคุเทศก์ประจำวัด เป็นผู้ดูแลในการเดินทาง ตลอดจนอาหารการกิน โอกาสหน้าจะมาเยือนอีก ณ #น่านนคร
การเดินทางไปจังหวัดน่าน เป็นเวลา 3 วันนั้น ไม่ใช่ไปเที่ยวเพื่อการสนุกสนาน แต่การไปครั้งนี้ ยังก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ธรรมและธรรมชาติ ตลอดจนแนวคิดในการบริหารจัดการ พุทธสถาน ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ของเยาวชน ในปัจจุบัน วัดจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องหากลยุทธ์ดึงเยาวชนเข้าวัด ต้องดำเนินนโยบายเชิงรุกพร้อมทั้งตั้งรับ ลดช่องว่างระหว่างวัย และลดขั้นตอนการปฏิบัติตนระหว่างบ้าน วัด โรงเรียน โดยไม่ทิ้งขนบธรรมเนียม เมื่อทุกอย่างมันง่าย ทำอะไรก็สำเร็จ :: โบสถ์ วิหาร สร้างราคาหลายสิบล้าน ต้องเปิดให้เยาวชนเข้าไปใช้ เข้าไปเล่น ไม่มีอะไรเสียหายหรอก วัดต้องยอมเปิดใจรับเทคโนโลยี Internet คือ ตัวดึงดูดเยาวชนได้ดีที่สุด ติดไวไฟ ให้เด็กมาเล่นในวัด. มีน้ำ มีข้าว มีขนมให้กิน ว่างๆ เด็กก็กวาดลานวัด เพียงแค่เปลี่ยนแนวคิด ก็จะพบกับความสำเร็จ :: ขอบคุณห้องเรียนทางธรรมะ ขอบคุณเจ้าอาวาสวัดศรีมงคล ที่ได้เมตตา พบปะพูดคุย
เมืองน่านนคร :: เป็นเมืองที่สงบ ปลอดภัย ผู้คนน้ำใจงาม เหตุไฉนจึงกล่าวเช่นนี้ เพราะจากการที่ได้มาสัมผัส วันแรกที่มาถึงเช่ารถมอเตอร์ไซต์ ขับไหว้พระชมเมือง ไม่ได้ล็อกคอรถและวางหมวกกันน็อก ไว้ก็ไม่หาย บางทีไปตามวัด เราอยากได้ภาพสวยๆ ก็ขอความอนุเคราะห์จากคนเมืองน่าน ช่วยถ่ายรูปให้ บางวัดไปแล้วไม่เจอคนก็ถ่ายเอง และที่ประทับใจในน้ำใจไมตรีเป็นยิ่งนัก คือ ท่านเจ้าอาวาสวัดศรีมงคล อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน ที่ท่านได้ให้ลูกศิษย์ขับรถมารับในเมือง และพาไปชมศิลปวัฒนธรรมของอำเภอท่าวังผา และอำเภอปัว ทั้งที่ไม่เคยรู้จักท่าน คุยกันแต่เพียงแค่ใน Facebook มาถึงวัดท่านก็จัดหาที่นอนให้ (ตามภาพที่เคยนำเสนอไป) สุดท้ายนี้ อยากบอกทุกท่านว่า น่านนคร เป็นเมืองที่น่าศึกษาและทัศนา ทั้งด้านวัดวาอาราม ธรรมชาติ ป่าเขาลำเนาไพร ปีหน้า พบกันที่ เมืองน่านกับแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ
หลังจากที่ท่องเที่ยวศึกษาวัฒนธรรมในเขตอำเภอปัว เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็มุ่งหน้าเข้าสู่วัดศรีมงคล ในช่วงบ่ายซึ่งฝนก็ตกตลอดเส้นทาง
วัดศรีมงคลเป็นวัดเก่าแก่ที่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมามาตั้งแต่ปี พ.ศ.2395 พระสงฆ์ที่มีชื่อที่สุดของวัดนี้คือหลวงปู่ก๋ง ภายในวัดมีศาสนสถานที่งดงามมากมาย มีแม้แต่ห้องพักสำหรับผู้มาปฏิบัติธรรมซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางทัศนียภาพที่งด งามตามธรรมชาติ ภาพจิตรกรรมฝาผนังของวัดนี้เขียนขึ้นในรัชกาลปัจจุบันนี้เองโดยเลียนแบบการ วาดของหนานบัวผัน จิตรกรชาวน่านเชื้อสายไทลื้อ ผู้ฝากฝีมือไว้ที่วัดภูมินทร์และวัดหนองบัวของจังหวัดน่าน
ที่ตั้งภาพจิตรกรรม: ภายในอุโบสถทั้ง 4 ด้าน
เนื้อหา: พุทธประวัติ ประวัติน่านและวรรณคดีต่างๆ
ภาพทั้งหมดเขียนไว้บนผนังตอนบนบริเวณเหนือหน้าต่างยกเว้นด้านทางเข้าที่มีการเขียนภาพระหว่างประตูด้วย
ผนังด้านพระประธานวาดภาพมารผจญโดยใช้องค์พระประธานเป็นพระพุทธเจ้า ด้านซ้ายพระวาดภาพการยกทัพของพญามาร ส่วนด้านขวาพระเขียนภาพกองทัพมารโดนน้ำท่วมและแม่พระธรณีบีบมวยผม ส่วนภาพในซุ้มที่ประดิษฐานพระประธานแบ่งเป็น ๓ แถว ล่างสุดเป็นพระสงฆ์สาวก เหนือขึ้นไปเป็นรูปอดีตพุทธ ส่วนบนสุดเขียนพระอินทร์และพระพรหมถือตุงมาบูชาพระพุทธเจ้า
ผนังด้านทางเข้าแบ่งออกเป็น 3 แถวเช่นกัน บนสุดคือฉากพระอินทร์ดีดพิณถวายพระพุทธเจ้า แถวกลางเป็นเรื่องรามเกียรติ์ ล่างสุดระหว่างประตูเขียนเรื่องน้ำท่วมเมืองน่านใน จ.ศ. 1243 (พ.ศ.2424)
ผนังด้านข้างมี 4 ห้อง เขียนข้างละ 2 เรื่องๆ ละ 2 ห้อง ขวาพระเขียนเรื่องสังข์ทองและเต่าน้อยอองคำ ส่วนด้านซ้ายพระเขียนเรื่องหงส์หินกับตำนานเมืองน่าน (ขุนนุ่นขุนฟอง)
ประตูวัด
พิพิธภัณฑ์ของทางวัด
ท่านเจ้าอาวาสวัดศรีมงคล
ถ่ายภาพกับเจ้าอาวาสวัดศรีมงคล
บรรยากาศตอนเย็น
เจ้าอาวาสผู้มีเมตตา เอื้อเฟื้อสถานที่พักผ่อน
เตรียมตัวสำรวจพิพิธภัณฑ์
พร้อมกันหรือยังครับ
ภายในพิพิธภัณฑ์
หีบพระธรรม
บริการฟรี WIFI
พระมหาเจดีย์ภายในวัด
พระประธานประจำอุโบสถ
เตรียมเครื่องประกอบพิธี
[CR] คนเดียวก็เฟี้ยวได้ น่านนคร ภาค 4 ตอน : ท่าวังผา
การเดินทางไปจังหวัดน่าน เป็นเวลา 3 วันนั้น ไม่ใช่ไปเที่ยวเพื่อการสนุกสนาน แต่การไปครั้งนี้ ยังก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ธรรมและธรรมชาติ ตลอดจนแนวคิดในการบริหารจัดการ พุทธสถาน ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ของเยาวชน ในปัจจุบัน วัดจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องหากลยุทธ์ดึงเยาวชนเข้าวัด ต้องดำเนินนโยบายเชิงรุกพร้อมทั้งตั้งรับ ลดช่องว่างระหว่างวัย และลดขั้นตอนการปฏิบัติตนระหว่างบ้าน วัด โรงเรียน โดยไม่ทิ้งขนบธรรมเนียม เมื่อทุกอย่างมันง่าย ทำอะไรก็สำเร็จ :: โบสถ์ วิหาร สร้างราคาหลายสิบล้าน ต้องเปิดให้เยาวชนเข้าไปใช้ เข้าไปเล่น ไม่มีอะไรเสียหายหรอก วัดต้องยอมเปิดใจรับเทคโนโลยี Internet คือ ตัวดึงดูดเยาวชนได้ดีที่สุด ติดไวไฟ ให้เด็กมาเล่นในวัด. มีน้ำ มีข้าว มีขนมให้กิน ว่างๆ เด็กก็กวาดลานวัด เพียงแค่เปลี่ยนแนวคิด ก็จะพบกับความสำเร็จ :: ขอบคุณห้องเรียนทางธรรมะ ขอบคุณเจ้าอาวาสวัดศรีมงคล ที่ได้เมตตา พบปะพูดคุย
เมืองน่านนคร :: เป็นเมืองที่สงบ ปลอดภัย ผู้คนน้ำใจงาม เหตุไฉนจึงกล่าวเช่นนี้ เพราะจากการที่ได้มาสัมผัส วันแรกที่มาถึงเช่ารถมอเตอร์ไซต์ ขับไหว้พระชมเมือง ไม่ได้ล็อกคอรถและวางหมวกกันน็อก ไว้ก็ไม่หาย บางทีไปตามวัด เราอยากได้ภาพสวยๆ ก็ขอความอนุเคราะห์จากคนเมืองน่าน ช่วยถ่ายรูปให้ บางวัดไปแล้วไม่เจอคนก็ถ่ายเอง และที่ประทับใจในน้ำใจไมตรีเป็นยิ่งนัก คือ ท่านเจ้าอาวาสวัดศรีมงคล อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน ที่ท่านได้ให้ลูกศิษย์ขับรถมารับในเมือง และพาไปชมศิลปวัฒนธรรมของอำเภอท่าวังผา และอำเภอปัว ทั้งที่ไม่เคยรู้จักท่าน คุยกันแต่เพียงแค่ใน Facebook มาถึงวัดท่านก็จัดหาที่นอนให้ (ตามภาพที่เคยนำเสนอไป) สุดท้ายนี้ อยากบอกทุกท่านว่า น่านนคร เป็นเมืองที่น่าศึกษาและทัศนา ทั้งด้านวัดวาอาราม ธรรมชาติ ป่าเขาลำเนาไพร ปีหน้า พบกันที่ เมืองน่านกับแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ
หลังจากที่ท่องเที่ยวศึกษาวัฒนธรรมในเขตอำเภอปัว เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็มุ่งหน้าเข้าสู่วัดศรีมงคล ในช่วงบ่ายซึ่งฝนก็ตกตลอดเส้นทาง
วัดศรีมงคลเป็นวัดเก่าแก่ที่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมามาตั้งแต่ปี พ.ศ.2395 พระสงฆ์ที่มีชื่อที่สุดของวัดนี้คือหลวงปู่ก๋ง ภายในวัดมีศาสนสถานที่งดงามมากมาย มีแม้แต่ห้องพักสำหรับผู้มาปฏิบัติธรรมซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางทัศนียภาพที่งด งามตามธรรมชาติ ภาพจิตรกรรมฝาผนังของวัดนี้เขียนขึ้นในรัชกาลปัจจุบันนี้เองโดยเลียนแบบการ วาดของหนานบัวผัน จิตรกรชาวน่านเชื้อสายไทลื้อ ผู้ฝากฝีมือไว้ที่วัดภูมินทร์และวัดหนองบัวของจังหวัดน่าน
ที่ตั้งภาพจิตรกรรม: ภายในอุโบสถทั้ง 4 ด้าน
เนื้อหา: พุทธประวัติ ประวัติน่านและวรรณคดีต่างๆ
ภาพทั้งหมดเขียนไว้บนผนังตอนบนบริเวณเหนือหน้าต่างยกเว้นด้านทางเข้าที่มีการเขียนภาพระหว่างประตูด้วย
ผนังด้านพระประธานวาดภาพมารผจญโดยใช้องค์พระประธานเป็นพระพุทธเจ้า ด้านซ้ายพระวาดภาพการยกทัพของพญามาร ส่วนด้านขวาพระเขียนภาพกองทัพมารโดนน้ำท่วมและแม่พระธรณีบีบมวยผม ส่วนภาพในซุ้มที่ประดิษฐานพระประธานแบ่งเป็น ๓ แถว ล่างสุดเป็นพระสงฆ์สาวก เหนือขึ้นไปเป็นรูปอดีตพุทธ ส่วนบนสุดเขียนพระอินทร์และพระพรหมถือตุงมาบูชาพระพุทธเจ้า
ผนังด้านทางเข้าแบ่งออกเป็น 3 แถวเช่นกัน บนสุดคือฉากพระอินทร์ดีดพิณถวายพระพุทธเจ้า แถวกลางเป็นเรื่องรามเกียรติ์ ล่างสุดระหว่างประตูเขียนเรื่องน้ำท่วมเมืองน่านใน จ.ศ. 1243 (พ.ศ.2424)
ผนังด้านข้างมี 4 ห้อง เขียนข้างละ 2 เรื่องๆ ละ 2 ห้อง ขวาพระเขียนเรื่องสังข์ทองและเต่าน้อยอองคำ ส่วนด้านซ้ายพระเขียนเรื่องหงส์หินกับตำนานเมืองน่าน (ขุนนุ่นขุนฟอง)
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น