เคยเป็นกันมั้ยครับ เวลาอยากทานอะไรอร่อยๆ หรือนัดเจอกับแก๊งค์เพื่อน แต่ประเด็นก็คือว่า ไม่รู้จะไปที่ไหนดี เพราะแต่ละคนก็มีความต้องการและข้อจำกัดไม่เหมือนกัน บางคนไม่กินไอ้นี่ บางคนไม่กินไอ้นั่น บางคนอยากทานอาหารตะวันตก แต่บางคนจะให้เป็น Japanese Day อยากอะไรก็ได้ที่ญี่ปุ่นๆ เฉยเลย อะไรแบบนี้ ผมก็เป็นอยู่บ่อยๆฮะ ยิ่งเป็นคนจัดการด้วยยิ่งปวดหัวที่สุด ไหนจะนัดวันเวลา แล้วยังต้องมานั่งเลือกร้านด้วยนะ แต่ว่าปัญหาเหล่านั้นจะหมดไป (ฟังดูเป็นช่องขายของยังไงก็ไม่รู้แฮะ) เพราะผมได้รับเกียรติจากห้องอาหาร BlueSpice @Terminal21 ให้ไปทานอาหาร Buffet ที่ร้าน เพื่อที่จะนำมารีวิวบอกเล่าเก้าสิบ ให้พ่อแม่พี่น้องฟังว่า ห้องอาหารแห่งนี้ จะช่วยแก้ปัญหาข้างต้นให้พ่อแม่พี่น้องได้อย่างไร รร รร ร (พอ!)
ไปถึงหน้าร้านก็ต้องสงบเสงี่ยมเจียมตัว เพราะการตกแต่งที่โดดเด่นกว่าร้านอื่นๆในละแวกข้างเคียง ทำให้ผมและทีมงานแอบเกร็งเล็กน้อย แต่เราแอบคิดในใจว่า เอ๊ หน้าร้านแค่นี้ จะรองรับลูกค้าบุฟเฟ่ต์ได้อย่างไร เราเก็บงำความสงสัยไว้จนได้รับการต้อนรับอย่างดีจากพนักงาน และนำเราไปที่โต๊ะ เราจึงได้พบว่าแท้จริงที่เราเห็นหน้าร้านนั้นเป็นเพียงแค่ทางเข้าครับ เพราะด้านในยังมีอีกเกือบ 100 โต๊ะ แถมยังมีทั้งโซนที่อยู่ติดกับไลน์อาหาร และโซนใกล้วิวที่สามารถมองเห็นตึกระฟ้าของกรุงเทพฯได้อย่างดี
(ที่นั่งแบบนี้ก็มีนะครับ กระจายอยู่ตามมุม)
เอาล่ะ หลังจากเดินสำรวจได้สักพักใหญ่ๆ ก็เริ่มหิวแล้วล่ะครับ (จริงๆ ก็หิวตั้งแต่แรกน่ะแหละครับ แต่เกรงใจ) ขอสำรวจไลน์อาหารสักหน่อยดีกว่า
ไฮไลท์ของห้องอาหารแห่งนี้คือ Live Cooking Station ที่เราสามารถเลือกวัตถุดิบที่มีอยู่ มาให้เชฟทำเป็นเมนูแบบที่ทำสดๆ ใหม่ๆ ได้เลย อย่างเซตนี้คือสำหรับทำชาบู เครื่องเยอะใช้ได้
ไปลองทำมา ได้หน้าตาประมาณนี้ (ผมใส่เครื่องมั่วซั่วดีจัง 555)
หรือถ้าใครชอบอาหารไทย Station ผัดไทยเขาก็ไม่ได้น้อยหน้าเหมือนกัน
เสร็จออกมาแล้วหน้าตาประมาณนี้ ผัดไทยนี่ จะว่าหาทานง่ายก็ง่ายอยู่นะครับ แต่ถ้าจะทานแบบถึงเครื่องถึงซอส ผัดเส้นได้แบบกำลังดี เหนียวนุ่ม เครื่องเต็มๆ แบบนี้ ต้องบอกว่าหายากครับ
สำหรับไลน์อาหารในแต่ละโซนนั้นก็ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่า ตัว Station เลยนะครับ ยกตัวอย่างเช่น มุมอาหารไทย ที่เปิดด้วยปลาดุกกรอบฟูแบบนี้ (น้ำยำอร่อยมาก จี๊ดจ๊าดได้ใจ แยกให้ราดเองทีละคำเพื่อความกรอบฟูของนื้อปลา)
ต้องบอกว่าหลายๆจานปรุงได้ดีทีเดียว หลายๆ คนอาจจะนึกถึงไลน์บุฟเฟ่ต์ที่ดูชืดๆ ต้องบอกว่าคุณจะไม่ได้เจอที่ BlueSpice แน่นอนครับ เพราะว่าทุกเมนูจะมีเชฟคอยทำมาเติมตลอด ทำให้ได้อาหารจานร้อนที่สดใหม่ น่ากิน ทุกจานเลยครับ เพราะอาหารไทย ความสดใหม่หรือทานตอนร้อนๆ ถือเป็นอีกองค์ประกอบของความอร่อยเลยล่ะครับ
น้ำพริกรสชาติเข้มข้นเลยทีเดียว ถ้าเป็นภาษาแม่ผม ต้องเรียกว่ามือถึง รู้เลยว่าเชฟที่ทำอาหารได้แบบนี้คือมือโปรแน่นอน อันนี้เป็นกับข้าวทั่วไป นอกจากยำปลาดุกฟูและน้ำพริกด้านบนแล้วก็ยังมีแกงเขียวหวาน ไก่ผัดมะม่วง ปลาผัดซอส รายการอาหารประมาณนี้ครับ
ส่วนไลน์อาหารนานาชาตินั้นก็ไม่น้อยหน้า เพราว่ามีทั้งพาสต้าที่ทำใหม่ จานต่อจาน แถมวัตถุดิบที่ทำก็ดีๆ ทั้งนั้นเลย สามารถมาเลือกได้เองตั้งแต่เส้น วัตถุดิบที่ใส่ ไปจนถึงซอส ทำให้คุณสามารถคิดเมนูใหม่ ได้เรื่อยๆฮะ (คิดเมนูเพลิน ระวังต้องรับกรรมนั่งกินให้หมดด้วยนะ)
แต่จานนี้พิเศษหน่อย เพราะเป็นซอสสะเต๊ะสูตรเฉพาะที่ทางร้านคิดค้นขึ้น โดยอาหารพิเศษแบบนี้จะมีเป็นช่วงๆ แอบถามมาว่าโปรโมชั่นช่วงนี้ เกี่ยวข้องกับแซลมอนนะครับ สาวกห้ามพลาด
ขออนุญาตรวมเซตพาสต้าสักเล็กน้อย
เดี๋ยวจะหาว่า เอ๊ ไหนตอนแรกพูดถึงอาหารนานาชาติไง ทำไมมีแต่ไทยกับตะวันตก แหม ใจเย็นๆครับผม มาแล้วฮะกับสิ่งที่ทุกท่านรอคอย
ซีฟู้ดไม่ได้ถึงขั้นโดดเด่นอะไรมากนะครับ แต่ทานได้แบบไม่มีข้อติ อาจจะเป็นเพราะว่าที่นี่เน้นฝีมือของเชฟที่ Station ปรุงสดซะมากกว่าครับ ถึงจะไม่ได้อะไรมาก แต่ถ้าโดนแบบด้านล่างไปสักชุดสองชุด ก็คงมีเป๋ได้เหมือนกัน (อ้อ อีกอย่างที่ชอบมากๆก็คือ ที่นี่มีน้ำจิ้มซีฟู้ดแบบรสจัดด้วยนะครับ ถ้าไม่สะใจ จะขอน้ำยำปลาดุกฟูมาราดเลยก็ยังได้ พูดแล้วเปรี้ยวปาก)
รวมตัวสักรูปสองรูปสิลูก
มาดูเมนูทั่วๆไป อย่างเทมปุระ กันหน่อย แป้งบาง กรอบใช้ได้ ทำร้อนๆ เสิร์ฟเรื่อยๆ ไม่ถึงกับว้าวแต่เพลินครับแบบนี้
แซลมอนโรล (อย่างที่บอกไป ทางร้านแอบกระซิบว่ารอบหน้าจะเป็นโปรฯแบบจัดเต็ม ขนมาเสิร์ฟเฉพาะแซลมอนกันเลยทีเดียว จะเอามาทำอะไรยังไงก็ต้องรอติดตามครับ)
บอกเชฟว่าขอแอคชั่นๆหน่อยครับ เชฟจัดให้เต็มที่เลย (แหม บ้ากล้องนี่น่า)
ต่อจากนี้เป็นเก็บตกอาหารคาวที่ตักมาทานกันละนะครับ
มีแต่อาหารไทยกับอาหารเอเชีย ขอลงฝั่งตะวันตกบ้างนะครับ
ตักสลัดได้รู้เลยว่าบุฟเฟ่ต์ กินสลัดแบบนี้จะผอมตอนหนายยย
เอ้า ลงแต่ของคาวเดี๋ยวคนรักของหวานจะน้อยใจ อยากบอกว่าของหวานที่นี่เขาก็ไม่ธรรมดานะครับ เพราะว่าอยู่ในโรงแรม มาตรฐานก็ไม่ต้องห่วง มาดูกันหน่อยว่ามีอะไรบ้าง
ด้านบนเป็นแพนเค้กที่มีเครื่องทำสดๆ พร้อมไซรัปและซอสให้เลือกเยอะเลยล่ะครับ นอกจากนี้ยังมีขนมไทย ไอศกรีม และผลไม้ด้วยนะ มีให้เลือกเต็มไปหมดเลย
สรุป: มองดูทั้งวิว การตกแต่งร้าน และความมืออาชีพของพนักงานแล้ว เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการรับประทานอาหารแบบทางการนิดๆ ได้เลยล่ะครับ สามารถใช้รับรองผู้หลักใหญ่ผู้ใหญ่ได้เป็นอย่างดี แต่ก็ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้น เพราะมุมสบายๆก็มีอยู่ครับ สามารถนัดเพื่อนฝูงมาพบปะกันได้ หรือจะใช้เป็นตัวเลือกร้านสำหรับเดทก็ใช้ได้นะครับ อีกอย่าง เพราะเดินทางง่ายมาก ติดทั้งรถไฟฟ้า รถใต้ดิน นัดกันได้สะดวกดีจริงๆ และที่สำคัญเลยคืออาหารหลากหลาย สามารถเอาใจได้ทั้งแก๊งค์เพื่อนๆ ญาติผู้ใหญ่ หรือจะนัดธุรกิจแบบเป็นทางการก็ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด ตัวร้าน BlueSpice @Terminal21 อยู่ชั้น 5 โซนร้านอาหารครับ สามารถติดต่อเพื่อสอบถามโปรโมชั่นและจองโต๊ะได้ที่ 02-108-0947- 8 ext. 104
เหมาะกับใคร?: มนุษย์อโศกที่เบื่อการนัดกินข้าวแบบเดิมๆ และสำหรับครอบครัวที่อยากใช้เวลาพักผ่อนร่วมกันในวันหยุดครับ
ค่าเสียหาย: บุฟเฟต์อาหารกลางวัน วันธรรมดา ตกอยู่ที่หัวละ 485 บาท ถ้าเป็นช่วงเย็นหรือวันหยุด เพิ่มอีกนิดที่ 520 บาทครับ
อ้อ สำหรับคนที่เพื่อนเยอะ ทางร้านฝากโปรโมชั่นไว้ให้พิจารณากับ “Hot Table อร่อยยกโต๊ะ” (จำกัด 4 ท่าน/โต๊ะ) ในราคาพิเศษเพียง 1,560 (net) ลองโทรไปถามรายละเอียดกันได้ครับ
[SR] [Review] พาไปชิมบุฟเฟต์แสนอร่อยใจกลางเมือง BlueSpice@Terminal21
ไปถึงหน้าร้านก็ต้องสงบเสงี่ยมเจียมตัว เพราะการตกแต่งที่โดดเด่นกว่าร้านอื่นๆในละแวกข้างเคียง ทำให้ผมและทีมงานแอบเกร็งเล็กน้อย แต่เราแอบคิดในใจว่า เอ๊ หน้าร้านแค่นี้ จะรองรับลูกค้าบุฟเฟ่ต์ได้อย่างไร เราเก็บงำความสงสัยไว้จนได้รับการต้อนรับอย่างดีจากพนักงาน และนำเราไปที่โต๊ะ เราจึงได้พบว่าแท้จริงที่เราเห็นหน้าร้านนั้นเป็นเพียงแค่ทางเข้าครับ เพราะด้านในยังมีอีกเกือบ 100 โต๊ะ แถมยังมีทั้งโซนที่อยู่ติดกับไลน์อาหาร และโซนใกล้วิวที่สามารถมองเห็นตึกระฟ้าของกรุงเทพฯได้อย่างดี
(ที่นั่งแบบนี้ก็มีนะครับ กระจายอยู่ตามมุม)
เอาล่ะ หลังจากเดินสำรวจได้สักพักใหญ่ๆ ก็เริ่มหิวแล้วล่ะครับ (จริงๆ ก็หิวตั้งแต่แรกน่ะแหละครับ แต่เกรงใจ) ขอสำรวจไลน์อาหารสักหน่อยดีกว่า
ไฮไลท์ของห้องอาหารแห่งนี้คือ Live Cooking Station ที่เราสามารถเลือกวัตถุดิบที่มีอยู่ มาให้เชฟทำเป็นเมนูแบบที่ทำสดๆ ใหม่ๆ ได้เลย อย่างเซตนี้คือสำหรับทำชาบู เครื่องเยอะใช้ได้
ไปลองทำมา ได้หน้าตาประมาณนี้ (ผมใส่เครื่องมั่วซั่วดีจัง 555)
หรือถ้าใครชอบอาหารไทย Station ผัดไทยเขาก็ไม่ได้น้อยหน้าเหมือนกัน
เสร็จออกมาแล้วหน้าตาประมาณนี้ ผัดไทยนี่ จะว่าหาทานง่ายก็ง่ายอยู่นะครับ แต่ถ้าจะทานแบบถึงเครื่องถึงซอส ผัดเส้นได้แบบกำลังดี เหนียวนุ่ม เครื่องเต็มๆ แบบนี้ ต้องบอกว่าหายากครับ
สำหรับไลน์อาหารในแต่ละโซนนั้นก็ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่า ตัว Station เลยนะครับ ยกตัวอย่างเช่น มุมอาหารไทย ที่เปิดด้วยปลาดุกกรอบฟูแบบนี้ (น้ำยำอร่อยมาก จี๊ดจ๊าดได้ใจ แยกให้ราดเองทีละคำเพื่อความกรอบฟูของนื้อปลา)
ต้องบอกว่าหลายๆจานปรุงได้ดีทีเดียว หลายๆ คนอาจจะนึกถึงไลน์บุฟเฟ่ต์ที่ดูชืดๆ ต้องบอกว่าคุณจะไม่ได้เจอที่ BlueSpice แน่นอนครับ เพราะว่าทุกเมนูจะมีเชฟคอยทำมาเติมตลอด ทำให้ได้อาหารจานร้อนที่สดใหม่ น่ากิน ทุกจานเลยครับ เพราะอาหารไทย ความสดใหม่หรือทานตอนร้อนๆ ถือเป็นอีกองค์ประกอบของความอร่อยเลยล่ะครับ
น้ำพริกรสชาติเข้มข้นเลยทีเดียว ถ้าเป็นภาษาแม่ผม ต้องเรียกว่ามือถึง รู้เลยว่าเชฟที่ทำอาหารได้แบบนี้คือมือโปรแน่นอน อันนี้เป็นกับข้าวทั่วไป นอกจากยำปลาดุกฟูและน้ำพริกด้านบนแล้วก็ยังมีแกงเขียวหวาน ไก่ผัดมะม่วง ปลาผัดซอส รายการอาหารประมาณนี้ครับ
ส่วนไลน์อาหารนานาชาตินั้นก็ไม่น้อยหน้า เพราว่ามีทั้งพาสต้าที่ทำใหม่ จานต่อจาน แถมวัตถุดิบที่ทำก็ดีๆ ทั้งนั้นเลย สามารถมาเลือกได้เองตั้งแต่เส้น วัตถุดิบที่ใส่ ไปจนถึงซอส ทำให้คุณสามารถคิดเมนูใหม่ ได้เรื่อยๆฮะ (คิดเมนูเพลิน ระวังต้องรับกรรมนั่งกินให้หมดด้วยนะ)
แต่จานนี้พิเศษหน่อย เพราะเป็นซอสสะเต๊ะสูตรเฉพาะที่ทางร้านคิดค้นขึ้น โดยอาหารพิเศษแบบนี้จะมีเป็นช่วงๆ แอบถามมาว่าโปรโมชั่นช่วงนี้ เกี่ยวข้องกับแซลมอนนะครับ สาวกห้ามพลาด
ขออนุญาตรวมเซตพาสต้าสักเล็กน้อย
เดี๋ยวจะหาว่า เอ๊ ไหนตอนแรกพูดถึงอาหารนานาชาติไง ทำไมมีแต่ไทยกับตะวันตก แหม ใจเย็นๆครับผม มาแล้วฮะกับสิ่งที่ทุกท่านรอคอย
ซีฟู้ดไม่ได้ถึงขั้นโดดเด่นอะไรมากนะครับ แต่ทานได้แบบไม่มีข้อติ อาจจะเป็นเพราะว่าที่นี่เน้นฝีมือของเชฟที่ Station ปรุงสดซะมากกว่าครับ ถึงจะไม่ได้อะไรมาก แต่ถ้าโดนแบบด้านล่างไปสักชุดสองชุด ก็คงมีเป๋ได้เหมือนกัน (อ้อ อีกอย่างที่ชอบมากๆก็คือ ที่นี่มีน้ำจิ้มซีฟู้ดแบบรสจัดด้วยนะครับ ถ้าไม่สะใจ จะขอน้ำยำปลาดุกฟูมาราดเลยก็ยังได้ พูดแล้วเปรี้ยวปาก)
รวมตัวสักรูปสองรูปสิลูก
มาดูเมนูทั่วๆไป อย่างเทมปุระ กันหน่อย แป้งบาง กรอบใช้ได้ ทำร้อนๆ เสิร์ฟเรื่อยๆ ไม่ถึงกับว้าวแต่เพลินครับแบบนี้
แซลมอนโรล (อย่างที่บอกไป ทางร้านแอบกระซิบว่ารอบหน้าจะเป็นโปรฯแบบจัดเต็ม ขนมาเสิร์ฟเฉพาะแซลมอนกันเลยทีเดียว จะเอามาทำอะไรยังไงก็ต้องรอติดตามครับ)
บอกเชฟว่าขอแอคชั่นๆหน่อยครับ เชฟจัดให้เต็มที่เลย (แหม บ้ากล้องนี่น่า)
ต่อจากนี้เป็นเก็บตกอาหารคาวที่ตักมาทานกันละนะครับ
มีแต่อาหารไทยกับอาหารเอเชีย ขอลงฝั่งตะวันตกบ้างนะครับ
ตักสลัดได้รู้เลยว่าบุฟเฟ่ต์ กินสลัดแบบนี้จะผอมตอนหนายยย
เอ้า ลงแต่ของคาวเดี๋ยวคนรักของหวานจะน้อยใจ อยากบอกว่าของหวานที่นี่เขาก็ไม่ธรรมดานะครับ เพราะว่าอยู่ในโรงแรม มาตรฐานก็ไม่ต้องห่วง มาดูกันหน่อยว่ามีอะไรบ้าง
ด้านบนเป็นแพนเค้กที่มีเครื่องทำสดๆ พร้อมไซรัปและซอสให้เลือกเยอะเลยล่ะครับ นอกจากนี้ยังมีขนมไทย ไอศกรีม และผลไม้ด้วยนะ มีให้เลือกเต็มไปหมดเลย
สรุป: มองดูทั้งวิว การตกแต่งร้าน และความมืออาชีพของพนักงานแล้ว เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการรับประทานอาหารแบบทางการนิดๆ ได้เลยล่ะครับ สามารถใช้รับรองผู้หลักใหญ่ผู้ใหญ่ได้เป็นอย่างดี แต่ก็ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้น เพราะมุมสบายๆก็มีอยู่ครับ สามารถนัดเพื่อนฝูงมาพบปะกันได้ หรือจะใช้เป็นตัวเลือกร้านสำหรับเดทก็ใช้ได้นะครับ อีกอย่าง เพราะเดินทางง่ายมาก ติดทั้งรถไฟฟ้า รถใต้ดิน นัดกันได้สะดวกดีจริงๆ และที่สำคัญเลยคืออาหารหลากหลาย สามารถเอาใจได้ทั้งแก๊งค์เพื่อนๆ ญาติผู้ใหญ่ หรือจะนัดธุรกิจแบบเป็นทางการก็ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด ตัวร้าน BlueSpice @Terminal21 อยู่ชั้น 5 โซนร้านอาหารครับ สามารถติดต่อเพื่อสอบถามโปรโมชั่นและจองโต๊ะได้ที่ 02-108-0947- 8 ext. 104
เหมาะกับใคร?: มนุษย์อโศกที่เบื่อการนัดกินข้าวแบบเดิมๆ และสำหรับครอบครัวที่อยากใช้เวลาพักผ่อนร่วมกันในวันหยุดครับ
ค่าเสียหาย: บุฟเฟต์อาหารกลางวัน วันธรรมดา ตกอยู่ที่หัวละ 485 บาท ถ้าเป็นช่วงเย็นหรือวันหยุด เพิ่มอีกนิดที่ 520 บาทครับ
อ้อ สำหรับคนที่เพื่อนเยอะ ทางร้านฝากโปรโมชั่นไว้ให้พิจารณากับ “Hot Table อร่อยยกโต๊ะ” (จำกัด 4 ท่าน/โต๊ะ) ในราคาพิเศษเพียง 1,560 (net) ลองโทรไปถามรายละเอียดกันได้ครับ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น