[CR] คนเดียวก็เฟี้ยวได้ น่านนคร ภาค 3 ตอน : ออกนอกกำแพงเมือง

แข่งเรือลือเลื่อง เมืองงาช้างดำ จิตรกรรมวัดภูมินทร์ แดนดินส้มสีทอง เรืองรองพระธาตุแช่แห้ง  :: ออกเดินทาง เที่ยวบิน FD 3554   #คนเดียวก็เฟี้ยวได้ ทริปไหว้พระ เมืองน่าน 3 วัน 2 คืน ... ค่าเครื่องบินไปกลับกรุงเทพ - น่าน 633 บาท ค่าเช่ามอเตอร์ไซต์ 400 บาท ค่าน้ำมัน 60 บาท   ค่าที่พัก 1 คืน 500 บาท  ทำบุญตามวัดต่างๆ 500 บาท ค่าอาหารวันละประมาณ 100 บาท รวม 300 บาท สถานที่ไปท่องเที่ยว  1.วัดพญาภู 2.วัดหัวข่วง 3.วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร 4.พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน (งาช้างดำ) และโบราณสถานวัดน้อย วัดที่เล็กที่สุดในประเทศไทย 5.วัดภูมินทร์ 6.วัดมิ่งเมือง 7.วัดศรีพันต้น 8.วัดพญาวัด 9. ชมพระอาทิตย์อัสดงบน วัดพระธาตุเขาน้อย 10.วัดสวนตาล 11. วัดพระธาตุแช่แห้ง อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน ::: อำเภอท่าวังผา 1. วัดศรีมงคล 2. วัดหนองบัว และ อำเภอปัว 1. วัดปรางค์ 2. วัดบ้านต้นแหลง 3. วัดภูเก็ต (โรงแรมธรรมะ) 4. บ้านไทลื้อ - ลำดวนผ้าทอ ::: กราบขอบพระคุณท่านเจ้าอาวาสวัดศรีมงคล อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน ที่เอื้อเฟื้อสถานที่พักพิง และมอบให้น้องนาค มัคคุเทศก์ประจำวัด เป็นผู้ดูแลในการเดินทาง ตลอดจนอาหารการกิน โอกาสหน้าจะมาเยือนอีก ณ #น่านนคร  

เช้าวันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน 2559  ฝนตกหนักตั้งแต่เมื่อคืน ตอนแรกตั้งใจว่า จะไปชมตลาดเช้า ของเมืองน่าน แต่ติดขัดเรื่องฝนตกหนัก ทำให้การไปตลาดต้องรอจน 7 โมงเช้า กางร่มเดินไปจากโรงแรมที่พัก ซึ่งไม่ไกลตลาดมากนัก ตลาดเช้าเมืองน่าน   บรรกาศท่ามกลางฝนตก   อากาศเย็นสบาย   ภายในตลาดสด สามเณรเดินบิณฑบาตร   อาหารเช้า ปาท่องโก๋นมข้น + หมูทอดเชียงราย  รวมมื้อนี้ 35 บาท    รอฝนหยุดมุ่งหน้าต่อ วัดสวนตาล  “วัดสวนตาล” วัดเก่าแก่ที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองน่านมาร่วม 600 ปีสร้างขึ้นในสมัยพระนางปทุมมาวดีชายาของพญาภูเข็ง เจ้าผู้ครองนครน่านเมื่อราวปี พ.ศ.1955 โดยสร้างขึ้นณบริเวณด้านนอกของกำแพงเมืองน่านด้านทิศเหนือ ซึ่งในอดีตเคยเป็นสวนตาลหลวงมาก่อน และเมื่อสร้างวัดแห่งนี้ขึ้นมาชื่อวัดจึงถูกเรียกตามชื่อของสวนตาลหลวงนั่น เอง นอกจากนี้วัดสวนตาลยังเป็นที่ประดิษฐานของ “พระเจ้าทองทิพย์” ทิพย์แห่งทองพระพุทธรูปสำริดองค์ใหญ่ด้วย   เพดานวิหาร   ถ่ายภาพกับพระประธาน   บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์    ต้นตาลคู่วัด   เพื่อคู่ใจ     กราบลาพระประธาน เพื่อมุ่งหน้าออกนอกเมือง   วัดภูมินทร์ อ.เมืองน่าน
วัดภูมินทร์
            เดิมชื่อ “วัดพรหมมินทร์” เป็นวัดหลวง ตั้งอยู่ในเขตพระนครดังปรากฏชื่อ ตำบลในเวียงในปัจจุบัน เจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์ สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2139  ต่อมาอีกประมาณ  300 ปี  มีการบูรณะครั้งใหญ่ ในสมัยเจ้าอนันตวรฤทธิ์เดช เมื่อ พ.ศ.2410 (ปลายสมัยรัชกาลที่ 4)  ใช้เวลาซ่อมแซมนานถึง  7 ปี
            ความสวยแปลกของวัดภูมินทร์ ที่เป็นหนึ่งเดียว คือ  เป็นวัดที่สร้างทรงจัตุรมุขหนึ่งเดียวในประเทศไทย ที่ดูคล้ายตั้งอยู่บนหลังพญานาคขนาดใหญ่  2 ตัว แหนพระอุโบสถเทินไว้กลางลำตัว  ตรงใจกลางพระอุโบสถจัตุรมุข ประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่  4 องค์ หันพรพักตร์ออกด้านประตูทั้งสี่ทิศหันเบื้องปฤษฏาค์ชนกัน ประดับนั่งบนฐานซุกชี เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย
            อาคารนี้เป็นทั้งพระอุโบสถ พระวิหาร และพระเจดีย์ในหลังเดียวกัน โดยใช้อาคารในแนว ตะวันออก-ตะวันตก เป็นพระวิหาร และอาคารแนว เหนือ-ใต้ เป็นพระอุโบสถ รัฐบาลไทยเคยพิมพ์รูปวัดภูมินทร์ ในธนบัตรใบละ 1 บาท ในช่วงสงครามโลกครั้งที่  2      
            ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง แสดงเรื่องราวชาดก  วิถีชีวิตตำสนานพื้นบ้าน และความเป็นอยู่ของชาวน่านในอดีต ได้แก่ การแต่งกายคล้ายผ้าซิ่นลายน้ำไหล การท่อผ้าด้วยกี่ทอมือ  การติดต่อซื้อขายกับชาวต่างชาติ     สิ่งน่าสนใจอีกอย่างหนึ่ง คือ บานประตูแกะสลักลึกเป็น 3 ชั้น บนไม้สักทองแผ่นเดียวขนาดใหญ่ ความหนาของไม้ประมาณ 4 นิ้วสลักเป็นลวดลายเครือเถา ที่ทั้งดอกและมีผลระย้า รวมทั้งสัตว์นานาชนิด ฝีมือช่างเมืองน่าน
           หอไตรวัดภูมินทร์ ลักษณะ สร้างขึ้นใหม่เลียนแบบของเดิม เมื่อ 5 มีนาคม 2537 อาคารสี่เหลียมทรงสูงสองชั้นก่ออิฐถือปูน มีบันใดภายในตัวอาคาร ชั้นบนมีระเบียง หลังคามีช่อฟ้าใบระกา พระประธาน   ภาพสำคัญ ปู่ม่าน  ย่าม่าน   รับพระจากพระประธานแล้ว เตรียมเดินทางต่อ   ส่งคืนมอเตอร์ไซต์ พร้อมชำระเงิน 400 บาท  

จากนั้น มุ่งหน้า วัดหนองบัว อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน   วัดหนองบัว   วัดหนองบัวเป็นวัดที่เก่าแก่ประจำหมู่บ้านหนองบัว ต. ป่าคา อ. ท่าวังผา จ. น่านอยู่ท่ามกลางหมู่บ้านไทยลื้ออัน สงบร่มเย็น วัดแห่งนี้ เป็นอีกหนึ่งผลงานทางสถาปัตยกรรม และจิตรกรรม ชิ้นเอกของเมืองน่าน วัดหนองบัวเป็น วัดชาวบ้าน ลักษณะการตกแต่งภายในตัววิหารจึงเรียบง่ายกว่า ทั้งลักษณะวิหารก็เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าธรรมดา แต่กระนั้น วิหารวัดหนองบัว ก็เป็นอาคารที่ทรงคุณค่า ในแง่สถาปัตยกรรมพื้นบ้าน ที่สวยงาม และหาชมได้ยาก จากคำบอกเล่า กล่าวว่า วัดนี้สร้างขึ้น ในราว พ.ศ.2405(สมัยรัชกาลที่ 4) โดยท่านสุนันต๊ะ (ครูบาหลวง) เป็น หัวเรี่ยวหัวแรง นำชาวบ้าน สร้างขึ้นเป็นวัดประจำหมู่บ้านหนองบัว สิ่งที่น่าสนใจในวัดหนองบัวภาพ คือจิตรกรรมฝาผนัง ที่ได้สะท้อนให้เห็นสภาพความเป็นอยู่ของผู้คน ในสมัย นั้นได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการแต่งกายของผู้หญิงที่นุ่งผ้าซิ่นลายน้ำไหลหรือผ้าซิ่นตีนจกที่สวยงาม นับว่ามี คุณค่าทางศิลปะและ ความสมบูรณ์ของภาพใกล้เคียงกับภาพจิตรกรรมฝาผนังของวัดภูมินทร์ในเมืองน่านเชื่อ กันว่า ภาพเขียนฝาผนังใน วัดหนองบัวแห่งนี้ เขียนขึ้นด้วยช่างสกุลเมืองน่านผู้เดียวกันกับ ผู้เขียนภาพฝาผนัง ในวัดภูมินทร์ (ข้อมูลจาก http://www.paiduaykan.com/76_province/north/nan/watnongbua.html) ภาพจิตรกรรม   ด้านหน้าวิหาร   วิหารไทลื้อ   ศูนย์วัฒนธรรมไทยลื้อ     มีงานวัฒนธรรมไทลื้อ พอดีช่วงที่ไป

ต่อไปด้วยวัดปรางค์ :::: วัดปรางค์ ตั้งอยู่ในอำเภอปัว จังหวัดน่าน สิ่งที่น่าสนใจในวัดนี้ ที่ทำให้ผู้คนหลั่งไหลมาชมคือ ต้นดิกเดียม ต้นไม้มหัศจรรย์ ผิดธรรมชาติ พันธุ์พฤกษาน่าฉงน แค่เห็นเป็นต้นไม้หันหลังให้แดดหันหน้า เข้าวัดก็แปลกเหลือหลายอยู่แล้ว แต่ใครจะเชื่อว่าต้นไม้ ประหลาดต้นนี้เป็นต้นอารมณ์ขัน ใบไม้จะไหวสั่นทุกครั้ง ที่ถูกคนสัมผัส จนได้รับแต่วตั้งให้เป็น 1 ใน UNSEEN THAILAND   ต้นดิกเดียม ต้นดิกเดียม  ต้นไม้กระดิกได้   ด้านในอุโบสถ วัดปรางค์   (ข้อมูลจาก http://www.lannatouring.com/Nan/Interesting-article/Wat-Tonlang-Nan.htm)    วัดต้นแหลง จากสถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในหนังสือเรื่องสถาปัตยกรรมวัดไทยลื้อในเขตจังหวัดน่าน ได้กล่าวถึงวัดต้นแหลงนี้ว่าเป็นวัดโบราณ สร้างมาสมัยชาวไทลื้อที่อพยพมาจากสิบสองปันนาในรุ่นแรกๆ เพราะมีสิ่งที่จะถือเป็นหลักฐานได้หลายแห่ง ดังนี้

1. วัดนี้ได้ย้ายจากทางทิศตะวันตกของหมู่บ้าน ซึ่งได้ถูกน้ำท่วมเซาะตลิ่งพัง ประกอบกับหมู่บ้านนี้มีแม่น้ำล้อมรอบ จึงได้ย้ายวัดไปตั้งชั่วคราวในป่าริมหมู่บ้านหนาด ตำบลไชยวัฒนา อำเภอปัว เป็นเวลา 3 ปี ต่อมาเมื่อน้ำลดลงและไม่ท่วมเซาะพังหมู่บ้านแล้ว จึงได้มาสร้างวัดในสถานที่เหมาะสม ในกลางหมู่บ้าน คือสถานที่ตั้งวัดปัจจุบัน

2. ผู้ปฏิสังขรณ์วัดนี้สืบต่อกันมาคือ ในพ.ศ. 2469 ได้มีพระครูญาณธาดา อดีตเจ้าคณะแขวงปัวเป็นเจ้าอาวาสวัดนี้ ได้พร้อมกับขุนสถาน สุทธารักษ์ อดีตกำนันตำบลสถาน และคณะศรัทธาราษฎรในหมู่บ้านพร้อมกับจ้างนายช่างมาก่อสร้างพระประธานองค์ใหญ่ มีหน้าตักกว้าง 108 นิ้ว สูง 156 นิ้ว และทำแท่นแก้วพระประธานโดยนายมอญ เป็นช่างผู้ก่อสร้าง ประมาณ 2 ปีจึงแล้วเสร็จ ได้ทำการสมโภชพุทธาภิเษกพระประธาน ต่อมา ในปีพ.ศ. 2471 ได้ขอรับพระราชทานวิสุงคามสีมาและทำการผูกพัทธสีมา เมื่อ 9 มีนาคม 2474

3. ใีนปี พ.ศ. 2493 พระสวัสดิ์ สุภทโท เป็นเจ้าอาวาส ได้แนะนำศรัทธาราษฎรในหมู่บ้านปั้นอิฐเพื่อต่อเติมเสริมผนังซึ่งเดิมเป็นไม้ จนถึง พ.ศ. 2494 กัยังไม่เสร็จและได้ลาสิกขาบทไปเมื่อ พ.ศ. 2495 เจ้าอธิการส่วย เวปุลโล ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส ได้ทำการก่อสร้างฝาผนังและพระอุโบสถเพิ่มเติมที่ค้างไว้เป็นเวลาอีก 1 ปี และในปีนี้เอง ได้แนะนำศรัทธารื้อกุฏิอีก 2 หลัง ซึ่งทรุดโทรมมากและหลังเล็ก เพื่อสร้างใหม่และสร้างเสร็จในปีต่อมา พ.ศ.2499 ก็ได้ทำการบูรณะฝาผนังพระอุโบสถที่ค้างไว้จนเสร็จ และพร้อมกันนี้ได้ร่วมกับศรัทธาในหมู่บ้านทำการบูรณะหลังคาอุโบสถที่ชำรุดเป็นกระเบื้องไม้ โดยมีนายวงค์ เขื่อนธนะ มาทำการช่วยเหลือและเป็นนายช่างทำช่อฟ้า ใบระกา จนเสร็จเรียบร้อย และได้ทำการสมโภชเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2500    พระประธาน    เครื่องบน   การมุงหลังคา
ชื่อสินค้า:   น่านนคร
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่