แห่ขายปิดกิจการปั๊มก๊าซแอลพีจี สู้น้ำมันไม่ไหว "เอสซีกรุ๊ป" ยอดขนส่งบ้านโรงโป๊ะวูบหนัก

ที่มา:    http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1474208560







น้ำมันขาลงพ่นพิษธุรกิจก๊าซ LPG ระส่ำ ยอดขายหด 50% แห่ปิดตัว-ประกาศขายกิจการ กรมธุรกิจพลังงานเผยยอดขยายปั๊มไม่ขยับเพิ่มมาตั้งแต่ต้นปี เอสซี กรุ๊ปฯ เผยยอดขนส่งด้วยรถยนต์ไปภูมิภาควูบ 30% ชี้ผู้ค้าก๊าซที่ขายเฉพาะภาคขนส่งอยู่ยาก แนะภาครัฐถึงเวลาจัดระเบียบประเภทเชื้อเพลิง

นายวิฑูรย์ กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ในช่วงต้นปีจนถึงปัจจุบันไม่มีผู้ประกอบการยื่นขออนุญาต เพื่อเปิดสถานีบริการก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ใหม่เพิ่มเติมในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล และส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการที่ได้ใบอนุญาตไปก่อนหน้านี้ และอยู่ในระหว่างก่อสร้างสถานีบริการ ภาวะดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังจากที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับเฉลี่ยไม่เกิน 45-50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ตั้งแต่ช่วงปีก่อนจนถึงปัจจุบัน ส่งผลให้ราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศลดลงตามไปด้วย

ผู้บริโภคส่วนใหญ่จึงหันมาเติมน้ำมันมากขึ้น โดยตัวเลขการใช้ก๊าซ LPG ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาได้ปรับลดลงถึงร้อยละ 11 และเมื่อภาครัฐได้ดำเนินการเตรียมเปิดเสรีตลาดก๊าซ LPG ด้วยการยกเลิกการชดเชยอัตราค่าขนส่งก๊าซ LPGด้วยแล้ว ส่งผลให้ค่าการตลาด (Markerting Margin) ของก๊าซ LPG ลดลงมาก โดยผู้ค้าก๊าซที่เพิ่งเริ่มจำหน่ายและเช่าที่ดินเพื่อเปิดสถานีบริการเริ่มไม่คุ้มค่าลงทุน

ทั้งนี้ คาดว่าราคาน้ำมันจะยังคงยืนราคาในระดับต่ำไปอีกนานนั้น ทำให้ยอดขายก๊าซ LPG ผ่านสถานีบริการลดลงมาก ฉะนั้นในช่วงปลายปีนี้อาจจะได้เห็นธุรกิจสถานีบริการก๊าซ LPG ที่จะเริ่มทยอยปิดตัวลงบ้าง แต่ในขณะเดียวในกรณีที่ราคาน้ำมันเริ่มปรับตัวสูงขึ้น ผู้ประกอบการก็ยังสามารถกลับมาเปิดสถานีบริการได้ เพราะธุรกิจนี้ไม่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนสูงมาก เมื่อเปรียบเทียบกับการเปิดสถานีบริการน้ำมัน




หมดยุคก๊าซ LPG - ในช่วงที่ราคาน้ำมันตลาดโลกแตะที่ 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ที่มีราคาถูกกว่าน้ำมันกลายเป็นทางเลือกของผู้บริโภค ปั๊มก๊าซใหม่เกิดขึ้นแทบทุกถนนสายหลัก-สายรอง แต่เมื่อราคาน้ำมันร่วงมาแตะที่ 45 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล คนแห่ใช้น้ำมัน ยอดขาย LPG วูบส่อปิด-ประกาศขายปั๊ม


ด้านนายณัฐพงษ์ รัตนสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย ไปป์ไลน์ เน็ตเวิร์ค จำกัด บริษัทในเครือเอสซี กรุ๊ป ผู้ให้บริการขนส่งน้ำมันและก๊าซ LPG กล่าวว่า ธุรกิจขนส่งก๊าซ LPG ในส่วนของเอสซี กรุ๊ปฯ ค่อนข้างได้รับผลกระทบตั้งแต่ที่ภาครัฐยกเลิกชดเชยค่าขนส่งก๊าซไปยังภูมิภาค ส่งผลให้ลูกค้าเลือกที่จะรับก๊าซ LPG จากคลังในต่างจังหวัดแทนการจ้างรถยนต์ขนส่งจากคลังบ้านโรงโป๊ะ จังหวัดชลบุรี ของบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ส่งผลให้ยอดขนส่งของบริษัทลดลงถึงร้อยละ 30 ทั้งนี้มองว่าผู้ค้าก๊าซ LPG

ที่จำหน่ายทั้งภาคครัวเรือนและภาคขนส่งจะสามารถอยู่รอดในธุรกิจนี้ได้ ในขณะนี้ผู้ค้าก๊าซ LPG เฉพาะภาคขนส่งจะบริหารต้นทุนได้ยาก และอาจจะเริ่มทยอยปิดกิจการในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้

นอกจากนี้กระทรวงพลังงานมีนโยบายที่จะปล่อยลอยตัวราคาก๊าซ LPG ในเร็ว ๆ นี้ หากราคาน้ำมันดีดกลับราคาก๊าซ LPG จะปรับราคาตามเช่นกัน ฉะนั้นจากนี้ราคาก๊าซ LPG จะไม่มีราคาถูกเหมือนในอดีตที่ภาครัฐสนับสนุนด้านราคา ฉะนั้นผู้บริโภคจะหันไปเติมน้ำมันเพิ่มขึ้น ซึ่งภาครัฐควรใช้ช่วงเวลานี้ในการจัดระเบียบเชื้อเพลิงของประเทศใหม่ โดยเฉพาะควรตัดสินใจเลือกระหว่างก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) หรือก๊าซ LPG

"มองว่าสุดท้ายรัฐอาจจะขึ้นภาษีสรรพสามิตก๊าซ LPG อีก เพราะไม่มีความจำเป็นที่จะให้คนมาเติมก๊าซ LPG แล้ว ตัวเลขกรมธุรกิจพลังงานว่าคนที่เข้ามาต่ออายุใบอนุญาต หรือคนที่จะมาติดตั้งก๊าซ LPG ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ตลาดนี้มันจะแคบลงเรื่อย ๆ ยิ่งเมื่อภาครัฐลอยตัวราคา

ผู้ประกอบการที่หวังว่าเมื่อราคาน้ำมันกลับมาดีดราคาขึ้นแล้ว จะกลับมาขายก๊าซได้ไม่มีทางแน่นอน เพราะราคา LPG มันจะขยับวิ่งตามราคาน้ำมัน"

ผู้สื่อข่าวประชาชาติธุรกิจได้สำรวจไปยังสำนักงานพลังงานจังหวัด ระบุว่า ในหลายพื้นที่ไม่มีการยื่นขออนุญาตเพื่อประกอบกิจการสถานีบริการก๊าซ LPG เพิ่มเติม

ที่สำคัญในบางพื้นที่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น จังหวัดอุดรธานี ที่มีสถานบริการรวม 23 แห่ง มีการประกาศขายกิจการเพราะยอดจำหน่ายหายไปกว่าร้อยละ 50 จังหวัดอุบลราชธานีมีสถานีบริการรวม 28 แห่ง มีปิดกิจการไปแล้ว 1 ราย รวมถึงศูนย์ติดตั้งถังก๊าซ LPG ก็ปิดกิจการด้วยเช่นกันเพราะไม่มีผู้ใช้บริการ จากเดิมที่ลูกค้าจะต้องจองคิวเพื่อติดตั้งเป็นเดือน นอกจากนี้ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา มีสถานีบริการก๊าซ LPG รวม 67 แห่ง ยังไม่มีแจ้งปิดกิจการและไม่มีการขออนุญาตเปิดใหม่

ในขณะที่พื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร มีสถานีบริการรวม 40 แห่งไม่มีการขออนุญาตเปิดสถานีบริการใหม่ แต่มีการเข้ามาจดเลิกและเปลี่ยนเจ้าของสถานีบริการแทน และพื้นที่จังหวัดสงขลา ที่สถานีบริการรวม 25 แห่ง และไม่มีผู้ประกอบการเข้ามาขออนุญาตขยายสถานีบริการก๊าซเพิ่มเติม ส่วนในพื้นที่ภาคกลางอย่างจังหวัดพระนครศรีอยุธยามีสถานีบริการรวม 58 แห่ง ไม่มีการขออนุญาตขยายใหม่ แต่กลับมีการขออนุญาตเปิดสถานีบริการน้ำมันเพิ่มขึ้น

รายงานจากกรมธุรกิจพลังงาน ระบุว่า ปัจจุบันมีสถานีบริการก๊าซ LPG ทั่วประเทศ 1,869 แห่ง โดยมีผู้ค้ารายใหญ่ครองตลาดคือ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) บริษัท เวิลด์แก๊ส (ประเทศไทย) จำกัด ฯลฯ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่