[CR] "รีวิวตะลุยญี่ปุ่น Osaka - Kyoto ในฤดูใบไม้ผลิ"

กระทู้รีวิว
.
.
.

.... โอฮาโย่ โกะไซมัส ... คนนิชิวะ ... คมบังวะ ....
ไม่รู้ว่าท่านผู้อ่านจะเข้ามาอ่านตอนไหน เลยขอสวัสดีมันทุกช่วงเวลาเลยแล้วกัน ฮ่าๆๆ




สืบเนื่องจากเมื่อเดือนเมษายน 2559 ผมได้มีโอกาสไปเที่ยว Osaka - Kyoto ซึ่งเป็นการไปเที่ยวญี่ปุ่นเป็นครั้งที่ 2 แต่เป็นการเขียนรีวิวครั้งแรก (เอ๊ะ! ยังงัย) ซึ่งผมเองมีเวลาไม่มาก เอาจริงๆได้เที่ยวแบบเต็มๆวันเพียง 3 วันเท่านั้น (ไม่รวมวันไปและวันกลับ)
.
.
เอาล่ะ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาครับท่านผู้โช้มมม  พร้อมแล้วก็ตามมาเล้ยยยย.....


"Day 0 : Go to KIX"
.
.... (KIX = Kansai International Airport) ....
ผมนั่งสายการบินปีกแดง จากสนามบินดอนเมือง ราคาตั๋วก็ถือว่าอยู่ในช่วงไม่ถูกไม่แพงมากนัก บริการโดยรวมก็ถือว่าโอเค สำหรับคนงบน้อย 555

มีใบ ตม. ญี่ปุ่นมาให้กรอกก็กรอกไป และที่สำคัญไปกว่านั้นผมได้ลิ้มรส Yamanashi mochi บนเครื่องบิน ซึ่งรสชาติก็ .... เอิ่ม ... ก็อร่อยอ่ะนะ ... อร่อยละกัน

ผมถึง KIX ประมาณ 4 ทุ่ม (สายการบิน Low cost ก็เงี้ยอ่ะนะ) กว่าจะผ่าน ตม. ที่นั่น รับกระเป๋า และเดินทางเข้าเมือง Osaka ก็เที่ยงคืน  ซึ่งโชคดีที่ผมจองที่พักไว้เรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องเสียเวลาไปเดินหา (จริงๆคืนนั้นอยากนอนสนามบินนะ แต่คนที่มาด้วยเหมือนจะงอแง 555)
และแล้ววันแรกก็ได้หมดไปอย่างรวดเร็ว




"Day 1 : Osaka Castle - Dotonbori"
.
เป็นเช้าวันแรกที่ตื่นขึ้นมาใน Osaka เมืองที่ได้ชื่อว่าใหญ่เป็นที่ 2 ของญี่ปุ่นรองจาก Tokyo  ผม Check out ออกจากที่พักเมื่อคืน และเดินทางไป Check in ที่พักใหม่ ซึ่งเข้าไปอยู่ใจกลางเมืองมากกว่าเดิม  โดยการเดินทางในเมือง Osaka ผมใช้รถไฟ Subway เป็นหลัก และได้ซื้อบัตร pass สำหรับเดินทางไว้เรียบร้อยแล้วจากตัวแทนขายในไทย
บัตร Osaka Amezing pass แบบ 2 วัน ซึ่งสามารถใช้ขึ้นรถไฟ Subway ใน Osaka ได้ไม่จำกัดสายและไม่จำกัดเที่ยว ซึ่งช่วยประหยัดค่าเดินทางได้มากและบัตรนี้ยังสามารถใช้เข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆที่ระบุไว้ได้ฟรี (รวมถึงใช้เป็นส่วนลดในบางที่) สถานที่เที่ยวที่ผมจะไปก็จะเป็นสถานที่ที่ระบุไว้ในบัตรนั่นเอง .... ซื้อมาแล้วต้องใช้ให้คุ้มเนอะ 555

.
เอาละ พร้อมแล้วก็ออกเดินทางกันเลย พร้อมหยิบแผนที่การเดินทางใน Osaka ขึ้นมาดู ......

..... เอิ่ม  จะซับซ้อนไปไหนเนี่ยยยยย ..... แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับผม (ปีที่แล้วไป Tokyo งงกว่านี้อี๊กกก)

.. "Osaka Castle (ปราสาทโอซาก้า)" ..
ปราสาทโอซาก้าเป็นที่แรกที่ผมมา เพราะว่าอยู่ใกล้ที่พักมากที่สุด  ว่าแล้วก็เดินเข้ามาสู่ตัวปราสาทกันเลย แต่กว่าจะถึงตัวปราสาทก็ไกลพอสมควร มีหลายประตู มีคูน้ำล้มรอบ

ในที่สุดก็เดินมาถึงตัวปราสาทโอซาก้า

เป็นปราสาทที่สวยงามสมคำล่ำลือมาก ผมเดินขึ้นไปในปราสาททุกชั้นจนถึงชั้นบนสุด ชื่นชมกับนิทรรศการ ประวัติความเป็นมาต่างๆ ที่ได้จัดไว้ด้านในปราสาท  อีกทั้งยังพบเจอคนไทยหลายกรุ๊ปมากๆ ทำให้รู้ว่าเดี๋ยวนี้คนไทยเที่ยวญี่ปุ่นกันเย๊อะ (-0-)
... ลานด้านหน้าปราสาทมีร้านขายของมากมาย แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้เลย ต้องกินให้ได้ นั่นคือ ... ไอติม

... อึ้มมมม อร่อยจริงๆแฮะ  อันนึงก็ราคา 300 เยน (ประมาณ 100 บาท) เฮ้ออ ... กินพอลิ้มรสพอเนอะ 555
ลานด้านหน้าปราสาทยังมีการแสดงกายกรรมคนนักท่องเที่ยวได้ดูอีกด้วย ... ปรบมือๆๆรัวๆๆ เยี่ยม

พอแสดงจบก็ขอบริจาคเงินเล็กๆน้อยๆเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ (ก็คล้ายๆบ้านเราเนอะ)
...
เอาละไปช๊อปปิ้งกันดีกว่า ... ผมเดินทางออกจากปราสาทโอซาก้า มุ่งหน้าไปย่าน Shinsaibashi - Dotonbori โดยใช้รถไฟใต้ดิน ก็ดูตามแผนที่อ่ะนะรับรองไม่หลงแน่นอน
... รอรถไฟที่สถานี Tanimach 4-Chome ในสถานีดูเงียบๆแฮะ...

แต่พอขึ้นมาบนรถไฟ....

... โอเค้ คนญี่ปุ่นเค้าชอบเดินทาง 555
.
.
และแล้วผมก็มาถึง .... "Shinsaibashi-suji (ถนนชินไซบาชิ)"

โอ้ววว นี่มันซอยละลายทรัพย์ของแท้ 555 อมยิ้ม02

แบรนด์ชั้นนำเรียกว่ามาหมดฮะ เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า
เดินไปเรื่อยๆก็ไม่วายที่จะต้องซื้อไอติมกิน...อีกแล้ว

เดินมาจนสุดถนน กับผู้คนที่เยอะมากๆ

ในที่สุดผมก็มาถึงจุดที่เป็นแลนมาร์กสำคัญของ Osaka เลยก็ว่าได้ นั่นคือ ... ป้าย Glico Man นั่นเอง

ป้าย Glico Man นี่ถ้าใครไม่ได้มาถ่ายรูป ถือว่ามาไม่ถึง Osaka เลยนะเนี่ย
และผมก็ได้พบกับสาวญี่ปุ่น (หรือเกาหลีดีนะ) ที่ยอมให้ถ่ายรูป ฮ่าๆๆๆ

จุดนี้เรียกว่า Dotonbori ซึ่งเป็นชื่อคลอง ทั้ง 2 ฝั่งคลองเต็มไปด้วยร้ายอาหาร แหล่งช้อปปิ้งมากมาย


และในที่สุด!!! ผมก็ได้กินทาโกะยากิ ซึ่ง Osaka ถือว่าเป็นต้นกำเนิดของทาโกะยากิด้วยคร้าบบบบ

หลังจากกินทาโกะยากิแล้ว ผมก็เดินหาร้านอาหาร ซึ่งที่นี่เด่นในเรื่องของป้ายไฟหน้าร้าน เรียกว่าแข่งกันเลยก็ว่าได้ครับ ป้ายสัญลักษณ์หน้าร้านเป็นรูปอะไรก็หมายถึงด้านในขายแบบนั้นนั่นเอง

แต่ในที่สุดผมก็เลือกกินร้านซูชิสายพาน อยากกินจานไหนก็หยิบมาได้เลยครับ คล้ายๆ Shabushi บ้านเรา โดยที่ 1 จาน (2 ชิ้น) ราคาอยู่ที่ประมาณ 130-140 เยน ครับ

เอาล่ะ ผมขอปิดท้ายวันแรกที่ Osaka ด้วยภาพย่าน Dotonbori ยามค่ำคืน ซึ่งผู้คนยังคงพลุกพล่านมากมายจริงๆครับ
จริงๆมีเรือให้นั่งล่องชมบรรยากาศริมคลองด้วย แต่คนเยอะมากจริงๆ จึงไม่ได้นั่งครับ ... แอบเสียดายนิดนึง ร้องไห้





"Day 2 : Tempozan - Santa Maria - Tsutenkaku Tower"
.
วันนี้ผมออกจากโรงแรมสายไปหน่อย แต่ก็ไม่เป็นไรครับ วันนี้จะเริ่มกันที่ที่เที่ยวบริเวณอ่าว Osaka แต่พอเดินออกจากโรงแรมก็เจอสาวญี่ปุ่นคนเดิมอีกล๊าววว ถือโอกาสถ่ายรูปอีกสักรูปละกันนะ 555

วันนี้ยังคงใช้บัตร Osaka Amazing pass เช่นเดิมครับ ซึ่งคลอบคลุมการใช้รถไฟ subway ในเมือง Osaka เรียบร้อยครับ

ถึงละครับชิงช้าสวรรค์ "Tempozan Giant Ferris Wheel" ซึ่งมันใหญ่มว๊วกกกกกกกประหลาดใจประหลาดใจ


อย่ารอช้าฮะ เรามาขึ้นชิงช้าสวรรค์กันดีกว่า

ไหนๆก็ไหนๆละ ขอสักหนึ่งรูปละกัน 555

ผมเลือกกระเช้าที่เป็นแบบพื้นเป็นกระจกใส ทำให้เพิ่มความหวาดเสียวมากขึ้นไปอี๊กกกก

นี่คือวิวบริเวณปากอ่าว Osaka อาคารรูปร่างแปลกๆสีน้ำเงิน-แดง นั่นคือพิพิธพันฑ์สัตว์น้ำ Kaiyukan นั่นเองครับ


จากนั้นผมก็มานั่งเรือ "Santa Maria" ต่อ ซึงจะล่องบริเวณรอบๆปากอ่าว Osaka
เรือนี้สร้างเลียนแบบเรือ Santa Maria ของโคลัมบัสผู้ค้นพบทวีปอเมริกา แต่มีขนาดใหญ่กว่า 2 เท่า



ผมเจอคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ในเรือด้วยครับ คริๆๆๆ

ว้าววว ... เห็นชิงช้าสวรรค์ Tempozan กับพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Kaiyukan ด้วยครับ

หลังจากที่เที่ยวอยู่บริเวณอ่าวแล้ว ยังพอมีเวลาเหลือเกือบครึ่งวัน ผมจะเดินทางไปเที่ยวต่อที่หอคอย Tsutenkaku Tower
ระหว่างที่เดินทางก็พบกับกลุ่มเด็กนักเรียนญี่ปุ่นน่าจะมาทัศนศึกษา เมื่อเด็กนักเรียนญี่ปุ่นต้องออกมาทัศนศึกษานอกโรงเรียนนั้นจะต้องใส่หมวกไว้ตลอดครับเพื่อให้คุณครูจดจำได้ง่ายเวลาที่เด็กๆพลัดหลงนั่นเองครับ


และแล้วผมก็มาถึง "Tsutenkaku Tower" ครั้งหนึ่งเคยเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงความเจริญของเมืองโอซาก้าสมัยก่อน ตั้งอยู่ในย่านที่เรียกว่า Shin-Sekai ซึ่งคำว่า "Tsutenkaku" ก็แปลว่า "สูงเท่าฟ้า" นั่นเองครับ

บริเวณย่าน Shin-Sekai นี้มีรูปปั้นของบิลลิเคน (Billiken) อยู่มากมายครับ ซึ่งบนหอคอยเองก็มีอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ชาวญี่ปุ่นเชื่อกันว่าหากเอามือของเราไปลูบๆถูๆที่เท้าของบิลลิเคนก็จะโชคดี และหากขอพรด้วยก็จะสมปรารถนาครับ

ผมขึ้นมาถึงชั้นบนสุดของหอคอย ได้เห็นวิวของเมือง Osaka แบบ 360 องศาเลยทีเดียวครับ

เอาล่ะ...ได้เห็นวิวจากมุมสูงของเมือง Osaka แล้ว ผมก็ลงจากหอคอยเดินเที่ยวช๊อปปิ้งบริเวณย่าน Shin-Sekai ต่อ ซึ่งมีลักษณะเป็นตรอกซอยมีร้านค้าและร้านอาหารอยู่มากมายครับ และยังมาเจอกับเจ้าบิลลิเคนนั่งอยู่ใจกลางตลาดด้วยครับ

เดินเล่นอยู่สักพัก เวลาของวันนี้ก็หมดไปอย่างรวดเร็ว คงต้องขอตัวไปพักผ่อนเพื่อพรุ่งนี้ผมจะได้ไปเยือน Kyoto เมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่น
.

ก่อนจะนอนขอจิ๊บเบียร์เย็นๆสักเล็กน้อย เค้าว่าเบียร์ญี่ปุ่นรสชาติดี แต่ผมว่านะ ... สู้ช้างบ้านเราไม่ได้เล้ยยยย คร่อกฟี้
.
เดี๋ยวผมมารีวิวต่อวันที่ 3 ใน "ความคิดเห็นที่ 1" เชิญติดตามกันได้เลยครับ จุ๊บๆ

ชื่อสินค้า:   เที่ยวญี่ปุ่นโอซาก้า - เกียวโต
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่