เรื่องที่สองอยู่ คห.6 จ้า










19 กันยาเมื่อปีที่แล้ว เหมยฉางซูปรากฏสู่หน้าจอโทรทัศน์เป็นครั้งแรก
ท่วงท่าที่งดงามของบุรุษเหมย แววตาที่ลุ่มลึกยากหยั่งถึง สะท้อนจิตใจที่มุ่งมั่นและสติปัญญาอันเฉียบแหลม
เหมยฉางซูจากเราไปแล้วกว่า 300 วัน แม้เขาจะไม่กลับมาอีกเลย
แต่เชื่อว่าพวกเราทุกคน ไม่มีทางลืม ชายหนุ่มที่เดินทางมายังเมืองจินหลิงในวันนี้ เพื่อกอบกู้ชื่อเสียงให้วงศ์ตระกูลและกองทัพชื่อเยี่ยน
บุรุษที่โฉมหน้าเปลี่ยนไป ไม่หลงเหลือเค้าโครงเดิมที่เขาปรารถนาจะกลับไป
เหมยฉางซูเป็นเพียงเปลือกเปราะบาง?
เชื่อว่าคนที่ได้ดูหลางหยาป่าง จะคุ้นกับภาพนี้ จริงๆ แล้วภาพของเพลงประกอบตอนต้นเรื่อง
คือดักแด้ที่กลายเป็นผีเสื้อ เปรียบเสมือนชีวิตของเหมยฉางซู
เมื่อดักแด้กลายเป็นผีเสื้อที่งดงาม เฉิดฉายอยู่บนโลก
ความงดงามของผีเสื้อเปรียบกับสติปัญญาล้ำเลิศที่ทำให้เหมยฉางซูโดดเด่นกว่าที่ปรึกษาคนใดใด
หากเพียงแต่ผีเสื้อก็เป็นสัตว์เปราะบาง วงจรชีวิตสั้น เหมือนดั่งร่างของเขาที่ไม่อาจทนหนาว ต้องการคนคอยคุ้มครองตลอดเวลา
จริงๆ เป็นภาพประกอบเพลงละครที่อาร์ตและสื่อความหมายดีมากๆ ค่ะ สะท้อนชีวิตของเหมยฉางซูก่อนเข้าเมืองจินหลิงได้เป็นอย่างดี
เหมยฉางซู เดิมก็คือหลินซูห์
จริงๆแล้ว เหมยฉางซูเหมือนแค่เปลือกเปราะบางที่ห่อหุ้มหัวใจทรนงของจอมทัพน้อยคนหนึ่งไว้
เป็นเหมือนพันธนาการที่รัดขึงแขนขาของเขามิอาจให้โลดแล่นดั่งใจฝันได้เหมือนเมื่อก่อน
ร่างกายที่แข็งแรงดุจลูกไฟน้อย ตนเองภาคภูมิที่มีสติปัญญาและพลกำลังปกป้องชาติและครอบครัว
แต่จู่ๆ วันหนึ่งก็เหมือนฟ้าทลายลงมา เขาที่ครึ่งเป็นครึ่งตายอยู่ ณ ผาเหมยหลิ่ง
ถูกยื้อชีวิตอย่างเต็มกำลังโดยประมุขหอหลางหยาและประมุขน้อยลิ่นเฉิน
แท้จริงเขาสามารถมีร่างกายที่แข็งแรงได้ หากไม่มีภารกิจใดต้องทำ
เขาสามารถใช้ชีวิตสงบสุขได้ในหอหลางหยา มีลิ่นเฉินเป็นสหาย ข้างกายมีหลีกังและเจินผิงคอยรับใช้
แต่ด้วยหัวใจที่แรงกล้าอย่างหนุ่มนักรบ เขาเลือกที่จะสู้สุดกำลัง โดยเลือกเส้นทางที่น่าขันทั้งน้ำตา
ลอกหนังขูดกระดูก บดกระดูกแล้วใช้เวลาปีกว่าเพื่อให้กระดูกประสานใหม่
หากแต่วิธีนี้ก็เหมือนชุบชีวิต ไม่อาจมีร่างกายแข็งแรงและอายุเท่าคนปกติได้
ยอมเป็นคนใหม่ในร่างที่อ่อนแอเจียนตาย น้ำเสียงใหม่ ใบหน้าใหม่ ร่างกายไร้ร่องรอยของหลินซูห์คนเดิม
การเปลี่ยนหลินซูห์ที่ภาคภูมิเป็นเหมยฉางซู สำหรับเขามันเจ็บปวดเสียยิ่งกว่ากรีดเลือดกรีดเนื้อ
เพราะนั่นคือการถอดเกียรติยศของตนเองลง ยอมลดตัวลงเพื่อมีชีวิตรอดกลับไปทำภารกิจสุดท้ายของชีวิต
ด้วยเหตุนี้ ตลอด 1 ปีที่ต้องนอนนิ่งอยู่บนเตียง มีลิ่นเฉินคอยเช็ดทำความสะอาดให้
บางที มันทรมานเสียยิ่งกว่าการรักษาร่างกาย แม้ลิ่นเฉินไม่รังเกียจ แม้ลิ่นเฉินจะเป็นสหาย
แต่เขาไม่เคยคิดฝันว่าตนเองจะตกต่ำถึงเพียงนี้ ที่เคยคิด อย่างมากก็แค่ตาย แค่สิ้นชีวิต ไม่ใช่ตายทั้งเป็นแบบนี้
“เมื่อข้ารอดมาได้ ก็จะไม่ใช้ชิวตให้สูญเปล่า”
คำพูดนี้หมายรวมถึง 2 ครั้ง
ครั้งแรกคือที่เหมยหลิ่ง ทัพชื่อเยี่ยนถูกสลาย พี่น้องรวมรบตายสิ้น แต่เขากลับรอดชีวิต
อีกครั้งคือช่วงการรักษาตัว 1 ปีที่ยากลำบาก เฉียดตายครั้งแล้วครั้งเล่า
กว่าตนเองจะเริ่มพูดได้อีกครั้ง กว่าตนเองจะขยับนิ้วได้อีกครั้ง เขานับวันรอแล้วรอเล่า
เฝ้าคอยให้ตัวเองมีพัฒนาการอย่างทรมาน
จุดนี้เองที่แฟนคลับหูเกอเชื่อว่า มีเพียงหูเกอเท่านั้นที่เข้าใจจิตใจของเหมยฉางซู
เมื่อ 2006 - 2007 ช่วงที่เขากำลังรักษา ใบหน้าซีกขวาที่บวมเป่งเป็นเท่าตัวของตัวเอง
ใบหน้าที่บิดเบี้ยว เลือดและเนื้อหนังผสมปนเป เขาต้องทนมองตัวเองในกระจกวันแล้ววันเล่า
รอคอย เฝ้ามอง ไม่มั่นใจว่าอนาคตของตนเองจะเป็นอย่างไร หูเกอในตอนนั้นไม่ต่างกับ 1 ปีของเหมยฉางซูแม้แต่น้อย
เมื่อชีวิตถูกเก็บขึ้นมาได้ เขาไม่ใช่หลินซูห์อีกแล้ว และเขาก็ไม่ใช่ตัวของเขาคนเดียวอีกต่อไป
เขาเป็นเพียงปณิธาน ปณิธานเพื่อบรรลุภารกิจหนึ่งเท่านั้น
เขาไม่ใช่เหมยฉางซู เพราะเหมยฉางซูเป็นเพียงชื่อเรียกเปลือกนอกของเขา
เป็นชื่อที่ใช้เพราะสะดวกต่อการทำภารกิจนี้เท่านั้น แต่แล้วก็ไม่ใช่ว่าพอฟื้นตัวเขาก็สามารถกลับไปได้ทันที
แผนการที่สมบูรณ์ของเขากลับต้องให้เขารอคอยอีกกว่า 12 ปี
วันเวลา 12 ปีที่อยู่ในคราบคนแปลกหน้า ชื่อแปลกหน้า ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเข้าใจ
แท้จริงความทุกข์ที่ไม่อาจพูดความจริงได้ของเหมยฉางซูบีบคั้นเสียยิ่งกว่าจอมแสบหมิงไถ
หมิงไถถือว่าโชคดีมากที่มีพี่ชายของเขาเป็นผู้บังคับบัญชา มีพี่สาวปกป้อง มีครอบครัวหลงเหลือ
แต่เหมยฉางซูมีเพียงลิ่นเฉินและอดีตทหารผู้รอดชีวิตไม่กี่สิบคน
ในบรรดาผู้คนเหล่านี้ ที่สามารถพึ่งเป็นที่พักทางใจได้....ไม่มีแม้เพียงคนเดียว แม้เพียงลิ่นเฉิน
“ข้ารู้เพียงเหมยฉางซู ไม่รู้จักหลินซูห์”
ลิ่นเฉินไม่สนใจว่าอดีตของเขาเป็นเช่นใด เขารู้แต่ว่าเขามีเพื่อนคนนี้ เพื่อนที่หาได้ยากเพราะมีสติปัญญาและกระบวนการความคิดใกล้เคียงกัน
ลิ่นเฉินเป็นเพื่อนเหมยฉางซู แต่ไม่คิดจะเป็นเพื่อนหลินซูห์ หากแต่เหมยฉางซูไม่ได้ต้องการเพื่อน
หลินซูห์ที่หลับใหลในร่างของเขาต่างหากที่ต้องการ
12 ปีผ่านไป ทุกอย่างพร้อมแล้ว ทั้งชื่อเสียงเรียงนาม เกียรติยศและอำนาจ
เขาพร้อมแล้วที่จะกลับไปลบล้างมลทินให้ตระกูลและกองทัพ 12 ปี เวลานานแสนนาน
แต่ไม่อาจชะล้างความเข้มข้นของปณิธานในหัวใจของเขาไปได้ ก้าวทุกก้าวที่เขาย่างตลอด 12 ปี ก็เพื่อก้าวนี้ที่จะย่างสู่จินหลิง
เรารู้ดีว่าหลังจากเหมยฉางซูเข้าเมืองจินหลิง เรื่องราวเป็นเช่นใด
จนเมื่อภารกิจของเขาเสร็จสิ้น ลิ่นเฉินที่สนับสนุนอยู่เบื้องหลังจึงเริ่มเกิดความกังวล
“เหมยฉางซูพยายามมีชีวิตรอดมาจนถึงทุกวันนี้ ก็เพื่อลบล้างมลทิน
วันนี้ภารกิจของเขาเสร็จสิ้นแล้ว เหมยฉางซูก็ไม่มีความจำเป็นต้องพยายามมีชีวิตอีกต่อไป”
เขาไม่อาจกลับไปเป็นหลินซูห์ หากแต่อยู่ในนามเหมยฉางซูก็ทุกข์ใจ
นั่นคือเหตุผลที่ลิ่นเฉินกลัว กลัวว่าเหมยฉางซูจะไม่อยากมีชีวิตต่อไปอีก
เพราะในความคิดแบบหลินซูห์ เขาควรจะตายไปพร้อมพวกพ้องตั้งแต่ 12 ปีที่แล้วที่ผาเหมยหลิ่ง
แต่แล้วทุกสิ่งก็เหมือนจะดีขึ้น เหมยฉางซูไม่มีทีท่าว่าจะละทิ้งลมหายใจของตนเอง ลิ่นเฉินวาดฝันวันเวลาที่ท่องยุทธภพอย่างสำราญ
เหมยฉางซูคิดเพียงตนเองตอนนี้ต้องตอบแทนลิ่นเฉิน การตอบแทนที่ดีที่สุดก็คือใช้ชีวิตที่เหลือเพียงน้อยนิดอย่างมีความสุขร่วมกับเขา
เดิมทีก็มีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน สงครามการเมืองในเมืองจินหลิงลดทอนลมหายใจของเขาไปไม่น้อยจนเหลือไม่ถึง 1 ปี
แต่เขาก็รู้ว่าฝีมือการแพทย์ของลิ่นเฉินสามารถยื้อชีวิตให้เขาได้นานกว่านั้น เขายอม เพราะลิ่นเฉินต้องการให้เป็นเช่นนั้น
มิใช่เพราะว่าเขากระตือรือร้นอยากมีชีวิต เขาแค่อยากทำอะไรที่ไม่ขัดใจเพื่อนรักของตนเองบ้างก็เท่านั้น
เรารู้ว่าเรื่องมันไม่ได้จบสวยเช่นนั้น
ด้วยเหตุสงคราม เหมยฉางซูจากเราไป
วันที่เขาจากไป เขาไม่ใช่เหมยฉางซู แต่เป็นหลินซูห์
ลิ่นเฉินได้ทำความรู้จักหลินซูห์ในช่วงสุดท้ายของชีวิตเพื่อนรัก
ในหัวของเขาคิดเพียงแต่ว่า เขารักเพื่อนที่ไม่รักชีวิต เขาทำใจไม่อยากชอบหลินซูห์ที่พรากชีวิตเพื่อนรักเขา
เหมยฉางซูเคยบอกว่า ลิ่นเฉินจะชอบหลินซูห์หากได้รู้จักเขา
ลิ่นเฉินอยากปฏิเสธเสียงแข็ง แต่ก็ไม่กล้า เพราะมันคือความเอาแต่ใจครั้งสุดท้ายของเหมยฉางซู
ธงทัพต้าเหลียงสะบัดพริ้ว เสียงกลองกระหื่มก้องทั่วพื้นสงคราม
หลินซูห์กลับสู่สนามรบอีกครั้ง เขาปลิดชีพเหมยฉางซูด้วยมือของตนเอง
*****************************************************************************
บทความนี้เป็นความเห็นที่วิเคราะห์ของ จขกท เห็นด้วยหรือต่างไป มาร่วมแชร์ความเห็นกันเน้อ ~~



ย้อนรำลึก "หลางหยาป่าง" ครบรอบ 1 ปี / เล่าเรื่องเหมยฉางซู
เรื่องที่สองอยู่ คห.6 จ้า
19 กันยาเมื่อปีที่แล้ว เหมยฉางซูปรากฏสู่หน้าจอโทรทัศน์เป็นครั้งแรก
ท่วงท่าที่งดงามของบุรุษเหมย แววตาที่ลุ่มลึกยากหยั่งถึง สะท้อนจิตใจที่มุ่งมั่นและสติปัญญาอันเฉียบแหลม
เหมยฉางซูจากเราไปแล้วกว่า 300 วัน แม้เขาจะไม่กลับมาอีกเลย
แต่เชื่อว่าพวกเราทุกคน ไม่มีทางลืม ชายหนุ่มที่เดินทางมายังเมืองจินหลิงในวันนี้ เพื่อกอบกู้ชื่อเสียงให้วงศ์ตระกูลและกองทัพชื่อเยี่ยน
บุรุษที่โฉมหน้าเปลี่ยนไป ไม่หลงเหลือเค้าโครงเดิมที่เขาปรารถนาจะกลับไป
เหมยฉางซูเป็นเพียงเปลือกเปราะบาง?
เชื่อว่าคนที่ได้ดูหลางหยาป่าง จะคุ้นกับภาพนี้ จริงๆ แล้วภาพของเพลงประกอบตอนต้นเรื่อง
คือดักแด้ที่กลายเป็นผีเสื้อ เปรียบเสมือนชีวิตของเหมยฉางซู
เมื่อดักแด้กลายเป็นผีเสื้อที่งดงาม เฉิดฉายอยู่บนโลก
ความงดงามของผีเสื้อเปรียบกับสติปัญญาล้ำเลิศที่ทำให้เหมยฉางซูโดดเด่นกว่าที่ปรึกษาคนใดใด
หากเพียงแต่ผีเสื้อก็เป็นสัตว์เปราะบาง วงจรชีวิตสั้น เหมือนดั่งร่างของเขาที่ไม่อาจทนหนาว ต้องการคนคอยคุ้มครองตลอดเวลา
จริงๆ เป็นภาพประกอบเพลงละครที่อาร์ตและสื่อความหมายดีมากๆ ค่ะ สะท้อนชีวิตของเหมยฉางซูก่อนเข้าเมืองจินหลิงได้เป็นอย่างดี
เหมยฉางซู เดิมก็คือหลินซูห์
จริงๆแล้ว เหมยฉางซูเหมือนแค่เปลือกเปราะบางที่ห่อหุ้มหัวใจทรนงของจอมทัพน้อยคนหนึ่งไว้
เป็นเหมือนพันธนาการที่รัดขึงแขนขาของเขามิอาจให้โลดแล่นดั่งใจฝันได้เหมือนเมื่อก่อน
ร่างกายที่แข็งแรงดุจลูกไฟน้อย ตนเองภาคภูมิที่มีสติปัญญาและพลกำลังปกป้องชาติและครอบครัว
แต่จู่ๆ วันหนึ่งก็เหมือนฟ้าทลายลงมา เขาที่ครึ่งเป็นครึ่งตายอยู่ ณ ผาเหมยหลิ่ง
ถูกยื้อชีวิตอย่างเต็มกำลังโดยประมุขหอหลางหยาและประมุขน้อยลิ่นเฉิน
แท้จริงเขาสามารถมีร่างกายที่แข็งแรงได้ หากไม่มีภารกิจใดต้องทำ
เขาสามารถใช้ชีวิตสงบสุขได้ในหอหลางหยา มีลิ่นเฉินเป็นสหาย ข้างกายมีหลีกังและเจินผิงคอยรับใช้
แต่ด้วยหัวใจที่แรงกล้าอย่างหนุ่มนักรบ เขาเลือกที่จะสู้สุดกำลัง โดยเลือกเส้นทางที่น่าขันทั้งน้ำตา
ลอกหนังขูดกระดูก บดกระดูกแล้วใช้เวลาปีกว่าเพื่อให้กระดูกประสานใหม่
หากแต่วิธีนี้ก็เหมือนชุบชีวิต ไม่อาจมีร่างกายแข็งแรงและอายุเท่าคนปกติได้
ยอมเป็นคนใหม่ในร่างที่อ่อนแอเจียนตาย น้ำเสียงใหม่ ใบหน้าใหม่ ร่างกายไร้ร่องรอยของหลินซูห์คนเดิม
การเปลี่ยนหลินซูห์ที่ภาคภูมิเป็นเหมยฉางซู สำหรับเขามันเจ็บปวดเสียยิ่งกว่ากรีดเลือดกรีดเนื้อ
เพราะนั่นคือการถอดเกียรติยศของตนเองลง ยอมลดตัวลงเพื่อมีชีวิตรอดกลับไปทำภารกิจสุดท้ายของชีวิต
ด้วยเหตุนี้ ตลอด 1 ปีที่ต้องนอนนิ่งอยู่บนเตียง มีลิ่นเฉินคอยเช็ดทำความสะอาดให้
บางที มันทรมานเสียยิ่งกว่าการรักษาร่างกาย แม้ลิ่นเฉินไม่รังเกียจ แม้ลิ่นเฉินจะเป็นสหาย
แต่เขาไม่เคยคิดฝันว่าตนเองจะตกต่ำถึงเพียงนี้ ที่เคยคิด อย่างมากก็แค่ตาย แค่สิ้นชีวิต ไม่ใช่ตายทั้งเป็นแบบนี้
“เมื่อข้ารอดมาได้ ก็จะไม่ใช้ชิวตให้สูญเปล่า”
คำพูดนี้หมายรวมถึง 2 ครั้ง
ครั้งแรกคือที่เหมยหลิ่ง ทัพชื่อเยี่ยนถูกสลาย พี่น้องรวมรบตายสิ้น แต่เขากลับรอดชีวิต
อีกครั้งคือช่วงการรักษาตัว 1 ปีที่ยากลำบาก เฉียดตายครั้งแล้วครั้งเล่า
กว่าตนเองจะเริ่มพูดได้อีกครั้ง กว่าตนเองจะขยับนิ้วได้อีกครั้ง เขานับวันรอแล้วรอเล่า
เฝ้าคอยให้ตัวเองมีพัฒนาการอย่างทรมาน
จุดนี้เองที่แฟนคลับหูเกอเชื่อว่า มีเพียงหูเกอเท่านั้นที่เข้าใจจิตใจของเหมยฉางซู
เมื่อ 2006 - 2007 ช่วงที่เขากำลังรักษา ใบหน้าซีกขวาที่บวมเป่งเป็นเท่าตัวของตัวเอง
ใบหน้าที่บิดเบี้ยว เลือดและเนื้อหนังผสมปนเป เขาต้องทนมองตัวเองในกระจกวันแล้ววันเล่า
รอคอย เฝ้ามอง ไม่มั่นใจว่าอนาคตของตนเองจะเป็นอย่างไร หูเกอในตอนนั้นไม่ต่างกับ 1 ปีของเหมยฉางซูแม้แต่น้อย
เมื่อชีวิตถูกเก็บขึ้นมาได้ เขาไม่ใช่หลินซูห์อีกแล้ว และเขาก็ไม่ใช่ตัวของเขาคนเดียวอีกต่อไป
เขาเป็นเพียงปณิธาน ปณิธานเพื่อบรรลุภารกิจหนึ่งเท่านั้น
เขาไม่ใช่เหมยฉางซู เพราะเหมยฉางซูเป็นเพียงชื่อเรียกเปลือกนอกของเขา
เป็นชื่อที่ใช้เพราะสะดวกต่อการทำภารกิจนี้เท่านั้น แต่แล้วก็ไม่ใช่ว่าพอฟื้นตัวเขาก็สามารถกลับไปได้ทันที
แผนการที่สมบูรณ์ของเขากลับต้องให้เขารอคอยอีกกว่า 12 ปี
วันเวลา 12 ปีที่อยู่ในคราบคนแปลกหน้า ชื่อแปลกหน้า ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเข้าใจ
แท้จริงความทุกข์ที่ไม่อาจพูดความจริงได้ของเหมยฉางซูบีบคั้นเสียยิ่งกว่าจอมแสบหมิงไถ
หมิงไถถือว่าโชคดีมากที่มีพี่ชายของเขาเป็นผู้บังคับบัญชา มีพี่สาวปกป้อง มีครอบครัวหลงเหลือ
แต่เหมยฉางซูมีเพียงลิ่นเฉินและอดีตทหารผู้รอดชีวิตไม่กี่สิบคน
ในบรรดาผู้คนเหล่านี้ ที่สามารถพึ่งเป็นที่พักทางใจได้....ไม่มีแม้เพียงคนเดียว แม้เพียงลิ่นเฉิน
“ข้ารู้เพียงเหมยฉางซู ไม่รู้จักหลินซูห์”
ลิ่นเฉินไม่สนใจว่าอดีตของเขาเป็นเช่นใด เขารู้แต่ว่าเขามีเพื่อนคนนี้ เพื่อนที่หาได้ยากเพราะมีสติปัญญาและกระบวนการความคิดใกล้เคียงกัน
ลิ่นเฉินเป็นเพื่อนเหมยฉางซู แต่ไม่คิดจะเป็นเพื่อนหลินซูห์ หากแต่เหมยฉางซูไม่ได้ต้องการเพื่อน
หลินซูห์ที่หลับใหลในร่างของเขาต่างหากที่ต้องการ
12 ปีผ่านไป ทุกอย่างพร้อมแล้ว ทั้งชื่อเสียงเรียงนาม เกียรติยศและอำนาจ
เขาพร้อมแล้วที่จะกลับไปลบล้างมลทินให้ตระกูลและกองทัพ 12 ปี เวลานานแสนนาน
แต่ไม่อาจชะล้างความเข้มข้นของปณิธานในหัวใจของเขาไปได้ ก้าวทุกก้าวที่เขาย่างตลอด 12 ปี ก็เพื่อก้าวนี้ที่จะย่างสู่จินหลิง
เรารู้ดีว่าหลังจากเหมยฉางซูเข้าเมืองจินหลิง เรื่องราวเป็นเช่นใด
จนเมื่อภารกิจของเขาเสร็จสิ้น ลิ่นเฉินที่สนับสนุนอยู่เบื้องหลังจึงเริ่มเกิดความกังวล
“เหมยฉางซูพยายามมีชีวิตรอดมาจนถึงทุกวันนี้ ก็เพื่อลบล้างมลทิน
วันนี้ภารกิจของเขาเสร็จสิ้นแล้ว เหมยฉางซูก็ไม่มีความจำเป็นต้องพยายามมีชีวิตอีกต่อไป”
เขาไม่อาจกลับไปเป็นหลินซูห์ หากแต่อยู่ในนามเหมยฉางซูก็ทุกข์ใจ
นั่นคือเหตุผลที่ลิ่นเฉินกลัว กลัวว่าเหมยฉางซูจะไม่อยากมีชีวิตต่อไปอีก
เพราะในความคิดแบบหลินซูห์ เขาควรจะตายไปพร้อมพวกพ้องตั้งแต่ 12 ปีที่แล้วที่ผาเหมยหลิ่ง
แต่แล้วทุกสิ่งก็เหมือนจะดีขึ้น เหมยฉางซูไม่มีทีท่าว่าจะละทิ้งลมหายใจของตนเอง ลิ่นเฉินวาดฝันวันเวลาที่ท่องยุทธภพอย่างสำราญ
เหมยฉางซูคิดเพียงตนเองตอนนี้ต้องตอบแทนลิ่นเฉิน การตอบแทนที่ดีที่สุดก็คือใช้ชีวิตที่เหลือเพียงน้อยนิดอย่างมีความสุขร่วมกับเขา
เดิมทีก็มีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน สงครามการเมืองในเมืองจินหลิงลดทอนลมหายใจของเขาไปไม่น้อยจนเหลือไม่ถึง 1 ปี
แต่เขาก็รู้ว่าฝีมือการแพทย์ของลิ่นเฉินสามารถยื้อชีวิตให้เขาได้นานกว่านั้น เขายอม เพราะลิ่นเฉินต้องการให้เป็นเช่นนั้น
มิใช่เพราะว่าเขากระตือรือร้นอยากมีชีวิต เขาแค่อยากทำอะไรที่ไม่ขัดใจเพื่อนรักของตนเองบ้างก็เท่านั้น
เรารู้ว่าเรื่องมันไม่ได้จบสวยเช่นนั้น
ด้วยเหตุสงคราม เหมยฉางซูจากเราไป
วันที่เขาจากไป เขาไม่ใช่เหมยฉางซู แต่เป็นหลินซูห์
ลิ่นเฉินได้ทำความรู้จักหลินซูห์ในช่วงสุดท้ายของชีวิตเพื่อนรัก
ในหัวของเขาคิดเพียงแต่ว่า เขารักเพื่อนที่ไม่รักชีวิต เขาทำใจไม่อยากชอบหลินซูห์ที่พรากชีวิตเพื่อนรักเขา
เหมยฉางซูเคยบอกว่า ลิ่นเฉินจะชอบหลินซูห์หากได้รู้จักเขา
ลิ่นเฉินอยากปฏิเสธเสียงแข็ง แต่ก็ไม่กล้า เพราะมันคือความเอาแต่ใจครั้งสุดท้ายของเหมยฉางซู
ธงทัพต้าเหลียงสะบัดพริ้ว เสียงกลองกระหื่มก้องทั่วพื้นสงคราม
หลินซูห์กลับสู่สนามรบอีกครั้ง เขาปลิดชีพเหมยฉางซูด้วยมือของตนเอง
*****************************************************************************
บทความนี้เป็นความเห็นที่วิเคราะห์ของ จขกท เห็นด้วยหรือต่างไป มาร่วมแชร์ความเห็นกันเน้อ ~~