ปัญหาเรื่อง ความคิดของแม่

อย่าหาว่าเราเอาแม่มานินทาอะไรยังงี้เลยนะคะ  แต่เราเป็นทุกข์เรื่องของแม่มากจริงๆ เกิดมาเราไม่ค่อยทุกข์กับเรื่องอะไรเท่าไหร่ เพราะเราคิดว่าเราแก้ปัญหาได้ หรือไม่ก็มันจะผ่านไปได้  เรื่องเกี่ยวกับคนอื่นเราก็ปล่อยผ่าน เรื่องตอนสอบหรือถูกคนอื่นเข้าใจผิดก็เครียดบ้างตามธรรมดา   แต่ไม่ได้รู้สึก"ทุกข์" แบบที่เราเจอปัญหากับแม่เลย

ขอเกริ่นถึงนิสัยคุณแม่ก่อนนะคะ คือแม่เป็นผู้หญิง active มากๆ ทำงานเก่งตั้งแต่เล็กๆ ทำอาหาร ตัดเสื้อ ดัดผมเอง ค้าขาย ฯลฯ คือทำได้หมดทุกอย่างยกเว้นเรื่องเกี่ยวกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่นมือถือ คุณแม่จะเล่นไม่ค่อยเป็นค่ะ   เรามีพี่น้องอีก 2 คนเป็นผู้ชาย นั่นคือเราเป็นลูกผู้หญิงคนเดียวของบ้าน  และเรียนเก่งสุด ดังนั้นแม่จะคาดหวังในตัวเราเยอะมาก  ตั้งแต่เล็กๆ แม่จะเลี้ยงพวกเราแบบชนิดที่เรียกว่าเกินความอบอุ่นค่ะ คือ"ร้อน"เลยทีเดียว   ขอไปไหนกับเพื่อนไม่เคยให้ไป บอกอันตราย ไปเข้าค่ายลูกเสือนอกสถานที่ก็ไม่ให้  ตอนเราเรียนจบม.6 เพื่อนทั้งห้อง(ห้องคิง) ขอไปเที่ยวทะเล (จ.เราติดทะเลค่ะ ที่ขอไปกันนี่คือห่างจากบ้านไปประมาณ 30 กิโล)ก็ไม่ให้  ห้ามมีแฟน ผู้ชายโทรมาหาที่บ้านก็ตัดสาย   จนพอเราเข้ามหาลัยที่กรุงเทพ ถึงได้มีอิสระบ้าง  แต่คำสั่งของเขาก็ยังเป็นประกาศิตมากนะคะ เช่นตอนเราจะไปงานลอยกระทงตอนปี 1 ปี 2 เขาจะโทรมาเลยว่าห้ามไป  ถ้าสามทุ่มโทรมาแล้วไม่อยู่ที่หอ( ตอนนั้นยังไม่มีมือถือนะคะ) คือจะตัดแม่ตัดลูกค่ะ  เราก็เลยไม่กล้าไปไหนเลย

จริงๆแล้วคุณแม่เลี้ยงเราดีมากค่ะ  ทำอาหารให้ทานเองแทบจะทุกมื้อ เราจำเป็นขาดเหลืออะไรเขาก็จะให้เงินเพิ่มตามสมควร  แต่เขาไม่เคยสปอยล์ลูกเลยนะคะ  ค่อนข้างดุ  ตั้งแต่เล็กถ้าแม่เข้าครัว นั่นคือเราจะนั่งดูทีวีไม่ได้ ต้องไปช่วยในครัวด้วย ทานข้าวเสร็จลูกๆก็มีหน้าที่ล้างจานกัน  สอนให้เรารีดผ้าซักผ้า และที่บ้านทุกคนต้องช่วยกันทำความสะอาดบ้านค่ะ  ไม่มีใครได้นั่งเฉยๆ การอบรมสั่งสอนเรื่องกิริยามารยาทก็ดีทุกอย่าง  


มองดูเหมือนชีวิตเราควรจะดี๊ดีใช่มั้ยคะ  แต่สิ่งที่ทำให้เราทุกข์มาตลอดก็คือ "ความคิด"ของแม่ค่ะ  เขามีคุณสมบัติที่ดีทุกอย่าง ทำเพื่อคนอื่นมาตลอด ดังนั้นเวลาที่คนอื่น ไม่ตอบสนองความดีที่เขาทำให้ เขาจะน้อยใจเสียใจและกลายเป็นความ"โกรธ" ค่ะ  ใช่ค่ะ  เขาโกรธง่ายมากๆ  และโกรธแรงโกรธนาน ชนิดที่เรากล้าเรียกได้ว่า  ไม่มีใครโกรธได้แรงเท่าแม่เราแล้วมั้ง ประกอบกับเขาจะภาคภูมิใจในตระกูลของเขามาก เพราะมาจากตระกูลผู้ดีเก่าของต่างจังหวัด  ดังนั้นพอพวกลูกๆไม่ได้ดั่งใจ เขาจะด่าแนวๆ ว่าพวกเราเป็นพวกไพร่ หรือขาดความเป็นผู้ดี (พ่อเลิกกับแม่ 10 กว่าปีแล้วค่ะ  สาเหตุจากแม่บอกว่าพ่ออิจฉาแม่ที่แม่เก่งเกินไปค่ะ  คอยแกล้งแม่ตลอดจนแม่ทนไม่ไหว และก็ไม่เป็นผู้นำ ไม่ช่วยอบรมดูแลลูก ประมาณนั้น) แล้วก็ด่าแต่ว่า ไม่มีเชื้อแม่สักคน ได้แต่ส่วนเลวๆของพ่อมา  (เวลาเขาด่านี่ด่าแรงจริงๆค่ะ  ที่เราเขียนนี่คือแปลออกมาให้ซอฟท์มากๆแล้ว)  ทั้งๆที่เราก็มองว่าเราควรเป็นคนธรรมดาดีกว่ามั้ย  เป็นผู้ดีแล้วคอยแต่ดูถูกคนอื่นว่าเป็นไพร่มันจะเป็นคนดีได้ยังไง ทุกครั้งที่ด่าใครเขาจะพูดเสมอว่า เขาเป็นผู้ดีอยู่กับไพร่อย่างพ่อและพวกเราลูกๆไม่ได้

จริงๆให้เราเล่าเรื่องของแม่ 3 วันก็ไม่จบค่ะ จะพยายามเล่าย่อๆนะคะ  คือโดยรวมนิสัยของเขาคือ

1. คาดหวังกับการกระทำของคนอื่นที่มีต่อเขามากกกกกกกกกกกก  เช่นตอนไปเที่ยว ตปท.กัน แม่ไปยิ้มให้คนที่เพิ่งเจอกันในทริปวันแรก เขาไม่ยิ้มตอบ เท่านั้นล่ะค่ะ  แม่เราโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ  พอเราบอกว่าเขาอาจจะไม่เห็นมั้งหรือไม่ก็ไม่ได้คิดว่ายิ้มให้เขาเพราะไม่ได้รู้จักกัน  แม่ด่าเราว่าเราเข้าข้างคนอื่นค่ะ แล้วก็ไล่ให้เราไปเป็นลูกคนอื่น อารมณ์เสียเกือบตลอดทริป เวลาคนๆนี้เดินผ่านแม่ก็จะกระชากแขนเราให้หลีกเขาและเดินเลี่ยงไม่ให้ไปใกล้ค่ะ ขนาดนั้นเลย  หรือพอคนในทริปคุยอวดเรื่องของเขา (กึ่งอวดกึ่งบอกเล่าน่ะ  เหมือนคนมารู้จักกันก็จะคุยว่าที่บ้านทำกิจการอะไร ลูกเรียนหมอนะอะไรงี้  แม่เราก็เป็นนะ) แม่ก็จะหงุดหงิดและพาลไม่ชอบหน้าเขา  และก็ไม่พูดกับคนนั้นไปเลย  
มีครั้งหนึ่งเราพาแม่มาที่คอนโดของเรา ก็ขนของมากันเยอะ ผ่านทางเข้าข้างหน้า ปกติจะมียามคนหนึ่งใจดีมาถามไถ่มาช่วยขนของให้ แต่พอวันนั้น เราก็ไม่เห็นยามคนนี้แถวทางเข้า  พอจอดรถเสร็จก็ต้องขนของกันเอง  แม่เราก็บ่นออกมาเลยว่า ทำไมคนพวกนี้ถึงใจจืดใจดำกัน ไม่มาช่วยยกของเลย หรือเห็นว่าของเยอะเลยไม่มาช่วย พวกนี้ก็ไพร่แบบนี้ล่ะ ฯลฯ เราพูดอะไรก็ไม่ได้ค่ะ  เดี๋ยวหาว่าเราเข้าข้างคนอื่นอีก  ทั้งๆที่วันนั้นยามคนเดิมอาจจะไม่อยู่หรือไม่เห็นเราก็ได้  แต่แม่ก็โกรธเขาไปเรียบร้อยแล้วค่ะ  

2. ลูกไม่สามารถแสดงความเห็นหรือแนวๆแนะนำได้   คือแม่สั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำค่ะ เราอายุจะสี่สิบแล้วนะคะ  แต่ก็คือไม่มีสิทธิ์ที่จะออกความเห็นอะไรได้ ตอนแต่งบ้านที่เราเพิ่งซื้อและพาเขามาอยู่ด้วย  เขาก็จะเป็นคนเลือกทุกสิ่งให้ลูกค่ะ อันไหนที่เราชอบก็จะมาบอกว่าไม่เห็นสวย ไม่มีรสนิยม เอาอันนี้ดีกว่า สุดท้ายบ้านของเราแต่แต่งสไตล์แม่หมดทุกห้องค่ะ   ชุดของเราที่ซื้อใส่เอง ถ้าเขาเห็นว่าไม่สวย เขาเก็บหมดค่ะ  ไม่ให้เราใส่ต้องใส่เฉพาะเสื้อผ้าที่เขาเลือกให้  แต่ช่างเถอะ อันนี้เราชินแล้ว

3.เจ้าคิดเจ้าแค้นและจำฝังใจ เราเคยดื้อเคยทำผิดกับเขาตอนเราแค่อายุ 13-14 ทุกวันนี้เขาก็ยังขุดเอามาว่าเรื่อยๆค่ะ เช่น มีอยู่วันหนึ่งเรากลับไปเห็นน้าข้างบ้านมาคุยกับแม่ แต่แม่หันหลังให้ประตู น้าหันมาทางเราตรงประตูเราก็เลยยกมือไหว้น้า พอแม่เราหันมาเราก็ไหว้แม่  พอน้ากลับไปแล้ว แม่ด่าเราแรงมากค่ะ  ประมาณว่ากล้าดียังไงมาไหว้เขาทีหลังคนอื่น  นี่แม่แกนะ คนอื่นเขาคงจะหัวเราะเยาะน่าดูถ้ารู้ว่ามีลูกไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงแบบนี้  เขาพูดแนวๆนี้ค่ะ จนเราตกใจมากว่านี่เราทำผิดขนาดนั้นเลยหรือ  มีอีกหลายเรื่องค่ะ ขอละไว้แล้วกัน

4. sensitive  คือไวต่อการกระทำของคนอื่นมากกกก จนบางทีเราคิดว่าแม่เรามโนค่ะ เช่นตอนแม่มาอยู่กับเราที่คอนโดใหม่ๆ ปกติจะมีแม่บ้านมาทำที่ห้องตลอด  เราก็ไม่เคยมีปัญหาอะไรนะคะ  ทำไม่เรียบร้อยบ้างก็เห็นใจเพราะที่ทำงานเราจ่ายเหมารวมค่าทำค่ะ ห้องก็เยอะเขาก็เคยๆบ่นปวดหลัง แต่พอแม่เรามาอยู่  แม่มักจะบอกเราว่า แม่บ้านมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ จะหาเรื่องเขา มองเขาด้วยความดูถูกว่าทำไมมาอยู่กับลูก ไม่กลับบ้านกลับช่อง (แม่เราบอกอย่างนี้จริงๆ ทั้งที่แม่บ้านไม่ได้"พูด"อะไรออกมาเลย)  บางทีแม่บ้านลืมใส่ถุงขยะใบใหม่ให้  แม่ก็บอกว่าเขาแกล้งแม่  ตอนหลังถึงขนาดให้เราออกไปด่าแม่บ้าน ว่าอย่ามาทำอย่างนี้กับแม่อีก (เราก็งงๆ แถมตอนออกไป แม่ถึงกับให้เราเรียกเขามาด่าที่หน้าห้องเลย แม่จะได้เห็นว่าเราด่าเขาจริงค่ะ ) เรางี้ลำบากใจมาก อยู่มาก็ไม่เคยมีปัญหา ตอนนี้ต้องมาด่าเขา แถมต้องไปทำเรื่องเปลี่ยนแม่บ้าน ตามที่แม่เราขออีก  

หรือวันก่อนนี้เองค่ะ แฟนเรากลับมาบ้านแล้วเขาน่าจะอารมณ์ไม่ดีมาจากข้างนอก  พอกลับมาเจอคุณแม่ก็ไหว้สวัสดีตามปกติ แต่ไม่ได้ถามไถ่อะไร รีบเดินไปห้องอื่นแล้วคุยโทรศัพท์  เท่านั้นล่ะค่ะ แม่เราโกรธมาก  หาว่าไม่มีมารยาท ถามว่าเขามาโกรธอะไรแม่ เราก็บอกใจเย็นๆเขาอาจจะโกรธคนอื่นมาก็ได้  แต่แม่เราเชื่อที่เขารู้สึกค่ะ  บอกว่าแฟนเราโกรธแม่ มีสิทธิ์มาโกรธหรอ ฉันทำอะไรให้ แล้วก็โมโหขึ้นห้องไปเลย เราตามไปอยู่กับเขาในห้อง เขาก็บอกให้เราคืนนี้ไปนอนกับแม่ ขนของออกมา ไม่ต้องไปพูดอะไรกับแฟนเราทั้งนั้น  เราบอกว่า ไม่ต้องทำขนาดนั้นก็ได้ค่ะ คุณแม่คิดมากเกินไปหรือเปล่า  โอ้ย...ตอนนี้เราเลยโดนด่าแทนค่ะ  ด่าว่าไม่เข้าข้าง เห็นแฟนดีกว่าแม่ จะออกจากบ้านไปอยู่บ้านพักคนชราบ้าง จะฆ่าตัวตายบ้าง ด่าเราเป็นลูกที่เลว ลูกเนรคุณ และเวลาแม่เราโกรธ ไม่ใช่ 2-3 ชม.หายนะคะ   ตอนนี้ 3 วันแล้ว แม่เราโกรธเรากับแฟน ไม่ยอมออกมาจากห้องค่ะ ปิดประตู ไม่ดูทีวี ไม่กินข้าว (ในห้องมีแต่นมกับน้ำเป็นเสบียง) ลูกไปเรียกกี่ครั้งก็ไม่ตอบ ไม่เปิด เอาข้าวไปวางไว้ให้ก็ไม่กินเข้าวันที่สามแล้ว เรากลัวแม่จะเป็นอะไรไป  แค่เรื่องเล็กๆแค่นี้ทำให้แม่เป็นแบบนี้หลายครั้งแล้วค่ะ  เคยโกรธไม่พูดกับเรานานสุดคือ 8 เดือน ใช่ค่ะ 8 เดือนที่ไม่พูดไม่รับโทรศัพท์ ไม่ให้เข้าบ้าน( ตอนนั้นเราอยู่หอ ไปๆกลับๆ บ้านต่างจังหวัดค่ะ)  

ตอนนี้เราก็ยังกลุ้มใจมาก  เราไม่รู้ว่าต้องทำยังไงให้เขามีความสุข  เขาคบใครไม่ได้ด้วยค่ะ ด้วยความที่ถ้าเขาไม่ชอบอะไรบางอย่างในตัวคนๆนั้นแล้ว เขาจะทำใจคบไม่ได้ ทั้งที่อาจไม่ได้เกี่ยวกับเราเลยก็ตาม  ทุกวันนี้คนที่เขาคุยได้ น่าจะมีเราซึ่งเป็นลูกสาวคนเดียวค่ะ  เราไม่รู้ว่าเราควรจะตอบสนองการกระทำของเขายังไงดี  นี่ก็ง้อเคาะประตูเรียกเขาทั้งวันเป็นสิบรอบ เราร้องไห้เสียใจ  คิดแต่ว่าทำไมเขาถึงไม่มีความสุขทั้งที่มันก็มีแต่ทะเลาะกันแบบไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร  แค่นี้ก็ทำให้เขาทุกข์และด่าทุกคน จมปลักอยู่ในความทุกข์ได้ขนาดนี้  เราอยากขอคำแนะนำค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่