[CR] WWOOF SWEDEN // ผู้หญิงคนเดียว แบกเป้เที่ยวยุโรป // #70daysinEurope

ต่อจากกระทู้ที่แล้ว
เราเล่าเรื่อง ช่วงเวลา 70 วันที่ได้ลองเป็น BACKPACKER
ออกเดินทางคนเดียวครั้งแรก ( สวีเดน นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ เดนมาร์ก สวิสเซอร์แลนด์ )
ตามอ่านได้จากกระทู้นี้เลยจ้า
http://pantip.com/topic/35594742


..............................................
และช่วงสุดท้ายในยุโรปของเรากับการเป็น wwoofer
แล้วคำว่า wwoof คืออะไร ?
WWOOF (วูฟ)  หรือชื่อแบบเต็มๆก็คือ "World Wild Opportunities on Organic Farms"
เป็นโครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมความรู้ที่เน้นเรื่องการทำฟาร์มออร์แกนิก
ซึ่งก็มีหลายประเทศเลย แต่ส่วนใหญ่ที่เห็นคนไทยไปกันเยอะก็คงจะเป็น ญี่ปุ่น
เราก็ไปอยู่ฟาร์ม เลือกได้ว่าชอบฟาร์มสัตว์พวกโคนม / แกะ ก็จะได้ลองทำชีส รีดนม
หรือจะลองเป็นมังสวิรัติ มาฟาร์มผักแบบเรา ก็เลือกได้เลย : -)
ลองดูน้า
http://www.wwoof.net/
http://wwoofinternational.org/

..............................................
เราลองเป็น wwoofer ครั้งแรก ด้วยการคลิกปุ่มหาโฮสแบบ Last minute
คือไม่ได้วางแผนมาก่อนจริงๆ แล้วเราก็เจอฟาร์มผักที่เมือง Östersund ตอนกลางของสวีเดน
โฮสเราชื่อ JORUN น่ารักมากๆ JORUN บอกว่าจาก Stockholm นั่งรถไฟตรงมาที่Östersund ได้เลย ถึงแล้วเดี๋ยวไปรับ
เราตกลงจะอยู่ช่วยที่ฟาร์มประมาณ 2 อาทิตย์ ฟาร์มที่เราไป กว้างใหญ่มากกกกก วันแรกที่ไปถึง
JORUN ก็พาเดินดูรอบๆ หลักๆที่นี่ปลูก แครอท มะเขือเทศ Beetroot แตงกวา แล้วก็หัวหอม
ในฟาร์มมีร้านขายของออร์แกนิกเล็กๆ ขายผักที่เก็บกันสดๆทุกวัน ลูกค้าก็จะขับรถมาซื้อที่ฟาร์มเลย ยิ้ม

ที่นี่เรากินมังสวิรัติกัน แต่ไม่ได้เคร่งกันขนาดนั้นนะ เพราะแค่เน้นกินผลผลิตที่ปลูกเองในฟาร์ม
มีกินปลาบ้าง อาทิตย์ละครั้งเวลาที่เราตกปลาได้ : -)







ORGANIC LIFE
อย่างที่บอกว่าฟาร์มเราค่อนข้างใหญ่ เลยต้องมีคนมาช่วยเก็บผักหลายคน
ช่วงที่เราไปเจอเพื่อนเยอะมากกกกก รู้สึกเหมือนมาเข้าค่ายนานาชาติอ่ะ  
มี wwoofer จากเยอรมัน ฝรั่งเศส อเมริกา อิรัก ซูดาน แล้วก็เราเอง ตัวแทนจากประเทศไทย 5555

ทำงานวันละกี่ชั่วโมง?
ที่นี่เราทำงานกันค่อนข้างตรงเวลา เริ่มงาน 08.00 น. พักกินข้าวตอน 11.00 น.แล้วก็เลิกงานตอนบ่ายสอง  
เป็นธรรมเนียมว่าหลังเลิกงานทุกคนจะมาพักเบรคกิน FIKA ด้วยกัน FIKA อารมณ์เหมือนสภากาแฟอ่ะ
ทุกคนจะนั่งจิบกาแฟ ชิลๆ กินขนมปัง คุกกี้ แล้วก็คุยกันยาวๆไปค่ะ ด้วยความที่มากันจากหลายประเทศก็ได้
คุยแลกเปลี่ยนนู่นนี่เยอะแยะมากส่วนคำถามที่เราโดนคือหัวข้อ "Lady Boy in Thailand"
โอ้ยยยยย 5555 นี่ก็อธิบายไปพร้อมกับเปิดรูปพี่ปอย ตรีชฎาให้ดู ฝรั่งอึ้งไปอีกค่า อิอิ

พักที่ไหน ?
เราได้ที่พัก เป็นห้องนอนเล็กบนบ้าน น่ารักหลับสบาย เป็นส่วนตัวดี
เป็นห้องของน้องสาว JORUN ที่ย้ายไปอยู่อีกเมืองนึง
เค้าเรียนศิลปะ ในห้องก็มีรูป Painting เต็มไปหมด เหมือนมีgallery ส่วนตัว
แต่เราลืมถ่ายรูปมา แหะๆ




แล้วอยู่ที่ฟาร์มต้องทำอะไรบ้าง ?
หลักๆคือ เก็บผัก เพราะที่นี่ปลูกผักหลากหลาย แล้วก็มีผักให้เก็บกันทุกวันเลย
หลังอาหารเช้า JORUN จะเดินไปเช็ค stock แล้วเราก็แบ่งหน้าที่กันว่า ใครจะไปเก็บอะไรบ้าง
ตลอดเวลาที่อยู่ฟาร์ม เราได้ลองเกือบทุกอย่างเลย เก็บมะเขือเทศ แตงกว่า เก็บมันฝรั่ง
แล้วก็ทุกวัน จะมีเวรทำอาหาร เพราะเราอยู่กันครอบครัวใหญ่ ทุกคนก็ช่วยๆกัน
บางวันเพื่อนจากฝรั่งเศสอยากกินพิซซ่า เย็นวันนั้นก็นวดแป้งกันสนุกเลย
แล้วห้องครัวฝรั่งคือพร้อม และมีอุปกรณ์เยอะมาก มีเตาอบนู่นนี่ทำได้ทุกเมนูเลย



BERRY LOVER
ซัมเมอร์ของสวีเดน เป็นช่วงเวลาที่น่ารักมาก ในป่าจะมีเบอรี่ลูกเล็กๆ ให้เก็บกันตลอดทาง
ด้วยเหตุนี้ ทุกๆปีจะมีพี่ไทย หนีไปรับจ้างเก็บเบอรี่กันเยอะมาก จนเกิดปัญหาว่าบางทีก็เก็บได้ไม่เยอะ
รายได้น้อย ไม่มีตังค์กลับประเทศ เป็นประเด็นให้การขอวีซ่าของเรา เริ่มมีความยุ่งยาก555
แต่เราไม่ได้รับจ้างอะไรนะ เวลาเสร็จงาน เรากับเพื่อนก็ชวนกันไปเดินเล่น ใกล้ฟาร์ม
ลองเก็บมากินเอง + ทำแยม งั่มมม อร่อยมาก จริงๆมีเบอรี่หลายอย่างเลย
ที่ปลูกเองในฟาร์มก็มี Redcurrant  Blackcurrant แล้วก็ Raspberry
กรี๊ดมากกก เก็บกันสนุกเลย เวลาว่างๆไม่มีอะไรทำ คือเดินไปเก็บมาไว้แล้วราดด้วยวิปครีม คือดีงามมาก อิอิ
บางวัน JORUN ก็ปั่นเบอรี่กับกล้วยเป็นแบบ Smoothie ได้เป็นของหวานหลังมื้อเย็นได้ดีเลย : -)




แล้ว 2 อาทิตย์ก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว  
เราบอกลาเพื่อนจากเยอรมันกับฝรั่งเศส ทุกคนแยกย้ายกลับบ้าน
เราคิดไว้ว่าจะกลับไปหาพี่แล้วอยู่เที่ยวกัน ที่ STOCKHOLM  ก่อนจะกลับไทย
.....
คืนสุดท้าย ที่ Östersund ประมาณ 5 ทุ่ม
JORUN วิ่งมาเคาะประตูห้อง ท่าทางตกใจมาก แล้วบอกให้เราวิ่งออกไปนอกระเบียง
เรางงมาก ว่าเกิดอะไรขึ้น ??
แล้วสิ่งที่เห็นคือ

" แสงเหนือ "

กีสสสสสส ไปไอซ์แลนด์มา 10 วัน ไม่เคยได้เจอ
สุดท้ายก็มาเจอกันที่นี่ ฮือออ สวยยยยยยยยยยย
ทุกคนวิ่งมานอกบ้าน แล้วทิ้งตัวลงที่สนามหญ้า
มองดูการแสดงจากบนฟ้า แสงเหนือกำลังเคลื่อนไหว
และเริ่มเปลี่ยนสีจากเขียว เป็นสีม่วงบ้าง ในบางจังหวะ
ช็อตนั้น คือแบบเหมือนโดนสะกดเลย เหมือนมีเวทมนต์555
ขอบคุณที่ผ่านมาเติมเต็มทริปนี้ของเรานะ เป็นทริปที่เราประทับใจมากจริงๆ ยิ้ม




ส่งท้ายทริปนี้ด้วยการกลับมาที่ STOCKHOLM
เรามีเวลาเที่ยวนิดหน่อย ก่อนจะกลับไทย
ที่เที่ยวแนะนำ
1. Rosendals Trädgård ( ROSE GARDEN )  
   http://www.rosendalstradgard.se/
   อันนี้ชอบส่วนตัว อยากมาเดินดูสวน ดูดอกไม้ 555 ที่นี่เป็นสวนดอกไม้ด้านหลังของพระราชวัง
   เปิดให้เข้าชมตลอดไม่เสียตัง ข้างในจะมีเรือนกระจกเรียงกัน 5 หลัง มีร้านขายต้นไม้แล้วก็ cafe น่ารักมาก
  
  
2. Vasa Museum
    พิพิธภัณฑ์เก็บเรือรบ VASA ที่ใหญ่มากก แล้วก็จมอยู่ใต้น้ำมาเป็นร้อยปี
    ข้างในมี 7 ชั้น เดินดูเรือกันเพลินๆ
    
3. GAMLA STAN
    เรานั่งเรือต่อมาจาก Vasa Museum แล้วมาเดินเล่นที่ GAMLA STAN
    ที่นี่เป็นเหมือนเขตเมืองเก่าของ Stockholm ตึกสวยมาก แล้วก็ให้อารมณ์เป็นตรอกเล็กๆ
    มีร้านค้าเยอะมาก ตลอดทางเลย แล้วก็มีคนมาเล่นดนตรีเปิดหมวก เพิ่มสีสันกันไป
    
    
    
    

// Epilogue //

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านมาถึงตอนนี้นะ
ทริป 70 วัน ในยุโรป ให้ประสบการณ์เราหลายอย่างเลย
จากคนที่ไม่กล้าลองสิ่งใหม่ๆ กลายเป็นคนที่มีความกล้ามากขึ้น
อยากรู้ อยากลองทำในสิ่งที่ไม่คุ้นเคย
หลายๆครั้งที่มีปัญหา ทริปนี้สอนให้เรามีสติ รอบคอบในการตัดสินใจ
แล้วเราก็พบว่า เป็นผู้หญิงออกเดินทางคนเดียว ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดนะคะ
แค่เราไม่ประมาทก็พอ เรียนรู้ limit ของตัวเอง
........
หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นแหล่งข้อมูลดีๆ และช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับใครหลายๆคนนะ
ลองเก็บกระเป๋ากัน ออกไปดูโลกใบนี้กัน ว่ามันกว้างแค่ไหน
........
มีคำถามอะไร ทักทายหลังไมค์ได้ตลอดจ้า : -)
ชื่อสินค้า:   #70daysinEurope
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่