กระทู้เดิม
http://pantip.com/topic/35594284 บอกไม่ได้ปาโดยตรง
น้องถูกเชิญไปออกข่าว
นักเรียนสาว ม.5 ถูกครูปาแก้วใส่ เปิดใจหลังเกิดเหตุ เผยไม่คิดให้ครูต้องบอกขอโทษ เพียงโทร. มาถามไถ่อาการก็พอ
จากกรณีข่าวนักเรียนหญิงชั้น ม.5 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.นครราชสีมา โพสต์ข้อความร้องเรียนผ่านโลกโซเชียลว่า ตนถูกครูสอนวิชาพลศึกษาปาแก้วเซรามิกใส่บริเวณกกหูด้านซ้าย ทำให้ได้รับบาดเจ็บกล้ามเนื้อบวมทับเส้นประสาทคู่ที่ 7 ส่งผลให้ใบหน้าเสียโฉม ปากเบี้ยว และตาซ้ายปิดไม่สนิท แม้เข้าแจ้งความมาเดือนกว่าแล้วแต่เรื่องก็ยังไม่คืบหน้า จนต้องโพสต์ร้องเรียนในโลกออนไลน์และได้เข้าร้องเรียนกับมูลนิธิปวีณาฯ ต่อมาต้นสังกัดเตรียมตั้งกรรมการสอบวินัยครูคู่กรณี ขณะที่ยุติธรรมจังหวัดโคราชเตรียมเข้าดูแลให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่ายตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด วันที่ 13 กันยายน 2559 รายการข่าวมื้อเช้า Workpoint News ได้เชิญน้องทราย น.ส.นฤดี จอดสันเทียะ และคุณปรียาพร จันทร์หอม คุณอาของน้องทราย มาร่วมพูดคุยในรายการ โดยคุณปรียาพร ผู้เป็นอา เปิดเผยกับนายบรรจง ชีวมงคลกานต์ พิธีกรและผู้สื่อข่าวประจำรายการ ว่า ที่ผ่านมามีการเจรจาเพื่อหาข้อยุติถึง 3 ครั้งด้วยกัน ซึ่งครั้งแรกทางโรงเรียนระบุว่า ยินดีรับผิดชอบออกค่าใช้จ่ายในการรักษาน้องทรายจนหายดี
ส่วนในครั้งที่ 2 ทางโรงเรียนก็ยังยืนยันขอรับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายเช่นเดิม แต่ปรากฏว่า ในครั้งที่ 3 เมื่อทางโรงเรียนทราบว่า ค่าใช้จ่ายในการรักษาน้องทราย เป็นเงินจำนวน 3 แสนบาท ก็ได้ยื่นข้อเสนอกลับมาว่า จะช่วยออกค่ารักษาให้เพียง 8 หมื่นบาท โดยจะจ่ายรวมถึงค่ารักษาพยาบาลก่อนหน้านี้ ที่เป็นเงินประมาณ 40,099 บาทด้วย หลังจากนั้น จะไม่ขอรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่มีตามมาอีก
ขณะที่น้องทราย เล่าว่า ในวันที่ 8 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันเกิดเหตุ ตนและเพื่อนในห้องกำลังเรียนวิชาพลศึกษา โดยครูผู้ชายที่ก่อเหตุให้ตนนั่งเข้าแถวเพื่อรอการเรียนการสอน แต่จุดที่นั่งอยู่นั้นมีแดดส่องและร้อนมาก จึงตัดสินใจยืนขึ้นเพื่อหลบแดด เป็นจังหวะเดียวกับที่ครูหันมาเห็นพอดี ทำให้ครูแสดงความไม่พอใจ เนื่องจากเหมือนขัดคำสั่ง ก่อนหยิบแก้วน้ำเซรามิกปาใส่โดนบริเวณกกหู และหัวคิ้วซ้ายจนได้รับบาดเจ็บ เป็นแผลบวมปูด นอกจากนี้ ครูยังพูดอีกว่า "พวกจะยืนกันทำไม ขัดคำสั่งเหรอ รู้ไหม กูกะจะปาให้หัวแตกเลย" เมื่อฟังจากคำพูดของครู ตนจึงมั่นใจว่า ครูตั้งใจปาแก้วใส่ศีรษะของตน ไม่ใช่อุบัติเหตุตามที่มีการกล่าวอ้าง
ด้าน ว่าที่ร้อยตรี นิพนธ์ ภักดีแก้ว ผู้อำนวยการโรงเรียนโชคชัยสามัคคี กล่าวว่า ทางโรงเรียนไม่ได้นิ่งนอนใจ ซึ่งหลังเกิดเหตุตนได้สอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น และได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ เบื้องต้นทราบว่า มีเหตุการณ์เกิดขึ้นจริง แต่ครูไม่ได้เจตนาปาแก้วน้ำใส่นักเรียน เพียงต้องการปาแก้วใส่กำแพง เพื่อปรามให้เด็กเงียบเพราะช่วงนั้นมีเด็กหลายคนยืนไม่เป็นระเบียบและคุยกันเสียงดัง แต่เมื่อแก้วน้ำไปถูกกำแพงได้กระเด็นไปโดนศีรษะของเด็กนักเรียนจนได้รับบาดเจ็บ อีกทั้งแก้วที่ประเด็นอยู่ในขณะนี้ก็เป็นแก้วพลาสติกไม่ใช่แก้วเซรามิก
นอกจากนี้ นายไพฑูรย์ แกลงกระโทก คุณครูพละคู่กรณี ก็ยอมรับผิดต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งยืนยันว่า ไม่ได้มีเจตนาปาแก้วน้ำไปโดนเด็กนักเรียนแต่อย่างใด อีกทั้งหลังเกิดเหตุนายไพฑูรย์ก็ได้แสดงความรับผิดชอบ โดยได้ออกค่ารักษาพยาบาลให้แก่เด็กนักเรียนที่ได้รับบาดเจ็บไปแล้วหลาย ครั้ง
ขณะที่น้องทราย กล่าวต่อว่า ตนมีความกังวลใจอยู่ 2 เรื่อง คือ เรื่องการเรียน ที่ช่วงนี้ตนต้องหยุดเรียนบ่อย ๆ เพราะต้องไปพบแพทย์ รวมถึงไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจเรื่องคดี และเรื่องที่ 2 คือ เรื่องสายตาของเพื่อนนักเรียนด้วยกัน เนื่องจากหลังเกิดเรื่อง สายตาของคนอื่น ๆ ที่มองตนก็เปลี่ยนไป เชื่อว่า เป็นผลมาจากหน้าตาของตนที่เปลี่ยนแปลงไปหลังเกิดอุบัติเหตุ ส่วนคุณครูท่านอื่น ๆ ท่านก็สอนและคอยดูแลตนเหมือนเดิม คุณครูบางท่านยังบอกว่า รายงานวิชาไหนที่ทำมาส่งไม่ทัน ก็ไม่ต้องกังวล ขอให้ค่อย ๆ ทยอยทำมาส่ง
สำหรับประเด็นที่ว่า หลังเกิดเรื่องนายไพฑูรย์ คุณครูพละคู่กรณี ยังไม่ขอโทษน้องทรายนั้น ทาง ว่าที่ร้อยตรี นิพนธ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้เข้าข้างหรือปกป้องนายไพฑูรย์ เพียงแต่อยากให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียดเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทั้ง 2 ฝ่าย ส่วนเรื่องที่ยังไม่มีการขอโทษน้องทรายนั้น เชื่อว่า นายไพฑูรย์ น่าจะเกิดอาการเครียดหนัก จนไม่กล้าเข้าไปคุยกับน้องทรายก็เป็นได้
ว่าที่ร้อยตรี นิพนธ์ ยังกล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องที่น้องทรายกังวลเรื่องการเรียนนั้น ตนกำชับคุณครูแต่ละรายวิชาแล้วให้หาทางช่วยเหลือน้องทราย อาจมีทั้งการสอนเพิ่มเติมนอกเวลาเรียน หรือการทำงานมาส่งเพิ่ม เพื่อให้น้องทรายเรียนจบ ม.6 ทันเพื่อนคนอื่น ๆ นอกจากนี้ ตนยังได้เชิญนักจิตวิทยามาพูดคุยกับน้องทราย และเพื่อน ๆ ก็เป็นไปได้ด้วยดี
ด้านคุณปรียาพร เล่าต่อว่า ในการเจรจากันครั้งที่ 3 ตนไม่ทราบว่าใครเป็นคนบอกว่า หากอยากได้เงินมากกว่าที่ทางโรงเรียนมอบให้ ก็ขอให้ฟ้องร้องเอาเอง และขอยืนยันว่า เงินค่ารักษาพยาบาลจำนวน 3 แสนบาท เป็นเงินที่ทางคุณหมอประเมินมาให้ ไม่ใช่จำนวนเงินที่ทางครอบครัวกำหนดขึ้นเอง
คุณปรียาพร กล่าวทิ้งท้ายว่า ทุกครั้งที่มีการเจรจานายไพฑูรย์ เดินทางมาด้วยจริง แต่ไม่เคยมีการพูดคุยกัน อีกทั้งเวลาเจรจาก็มีแต่ผู้อำนวยการโรงเรียนที่เป็นคนเจรจากับทางครอบครัวเท่านั้น
อย่างไรก็ดี น้องทราย กล่าวทิ้งท้ายว่า ตั้งแต่เข้ารับการรักษามาตลอด 1 เดือน ก็ยังไม่หายดี ซึ่งคุณหมอก็บอกว่า เส้นประสาทตาเริ่มเสื่อมสภาพลง หากภายใน 3 เดือน อาการไม่ดีขึ้น ต้องเข้ารับการผ่าตัด ทั้งนี้ ตนอยากฝากบอกนายไพฑูรย์ว่า ตนไม่โกรธอะไรคุณครู ขอแค่พูดหรือโทร. มาถามไถ่อาการกับตนบ้างก็ยังดี ไม่จำเป็นต้องมาบอกขอโทษอะไร
http://hilight.kapook.com/view/142138 ขอบคุณkapook .com แหล่งข่าว
น้องโดนครูเอาแก้วปา ให้สัมภาษณ์ทางทีวี ว่าครูพละปาแก้วเข้าที่หน้าโดนเส้นประสาทหน้าเบี้ยว
น้องถูกเชิญไปออกข่าว
นักเรียนสาว ม.5 ถูกครูปาแก้วใส่ เปิดใจหลังเกิดเหตุ เผยไม่คิดให้ครูต้องบอกขอโทษ เพียงโทร. มาถามไถ่อาการก็พอ
จากกรณีข่าวนักเรียนหญิงชั้น ม.5 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.นครราชสีมา โพสต์ข้อความร้องเรียนผ่านโลกโซเชียลว่า ตนถูกครูสอนวิชาพลศึกษาปาแก้วเซรามิกใส่บริเวณกกหูด้านซ้าย ทำให้ได้รับบาดเจ็บกล้ามเนื้อบวมทับเส้นประสาทคู่ที่ 7 ส่งผลให้ใบหน้าเสียโฉม ปากเบี้ยว และตาซ้ายปิดไม่สนิท แม้เข้าแจ้งความมาเดือนกว่าแล้วแต่เรื่องก็ยังไม่คืบหน้า จนต้องโพสต์ร้องเรียนในโลกออนไลน์และได้เข้าร้องเรียนกับมูลนิธิปวีณาฯ ต่อมาต้นสังกัดเตรียมตั้งกรรมการสอบวินัยครูคู่กรณี ขณะที่ยุติธรรมจังหวัดโคราชเตรียมเข้าดูแลให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่ายตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด วันที่ 13 กันยายน 2559 รายการข่าวมื้อเช้า Workpoint News ได้เชิญน้องทราย น.ส.นฤดี จอดสันเทียะ และคุณปรียาพร จันทร์หอม คุณอาของน้องทราย มาร่วมพูดคุยในรายการ โดยคุณปรียาพร ผู้เป็นอา เปิดเผยกับนายบรรจง ชีวมงคลกานต์ พิธีกรและผู้สื่อข่าวประจำรายการ ว่า ที่ผ่านมามีการเจรจาเพื่อหาข้อยุติถึง 3 ครั้งด้วยกัน ซึ่งครั้งแรกทางโรงเรียนระบุว่า ยินดีรับผิดชอบออกค่าใช้จ่ายในการรักษาน้องทรายจนหายดี
ส่วนในครั้งที่ 2 ทางโรงเรียนก็ยังยืนยันขอรับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายเช่นเดิม แต่ปรากฏว่า ในครั้งที่ 3 เมื่อทางโรงเรียนทราบว่า ค่าใช้จ่ายในการรักษาน้องทราย เป็นเงินจำนวน 3 แสนบาท ก็ได้ยื่นข้อเสนอกลับมาว่า จะช่วยออกค่ารักษาให้เพียง 8 หมื่นบาท โดยจะจ่ายรวมถึงค่ารักษาพยาบาลก่อนหน้านี้ ที่เป็นเงินประมาณ 40,099 บาทด้วย หลังจากนั้น จะไม่ขอรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่มีตามมาอีก
ขณะที่น้องทราย เล่าว่า ในวันที่ 8 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันเกิดเหตุ ตนและเพื่อนในห้องกำลังเรียนวิชาพลศึกษา โดยครูผู้ชายที่ก่อเหตุให้ตนนั่งเข้าแถวเพื่อรอการเรียนการสอน แต่จุดที่นั่งอยู่นั้นมีแดดส่องและร้อนมาก จึงตัดสินใจยืนขึ้นเพื่อหลบแดด เป็นจังหวะเดียวกับที่ครูหันมาเห็นพอดี ทำให้ครูแสดงความไม่พอใจ เนื่องจากเหมือนขัดคำสั่ง ก่อนหยิบแก้วน้ำเซรามิกปาใส่โดนบริเวณกกหู และหัวคิ้วซ้ายจนได้รับบาดเจ็บ เป็นแผลบวมปูด นอกจากนี้ ครูยังพูดอีกว่า "พวกจะยืนกันทำไม ขัดคำสั่งเหรอ รู้ไหม กูกะจะปาให้หัวแตกเลย" เมื่อฟังจากคำพูดของครู ตนจึงมั่นใจว่า ครูตั้งใจปาแก้วใส่ศีรษะของตน ไม่ใช่อุบัติเหตุตามที่มีการกล่าวอ้าง
ด้าน ว่าที่ร้อยตรี นิพนธ์ ภักดีแก้ว ผู้อำนวยการโรงเรียนโชคชัยสามัคคี กล่าวว่า ทางโรงเรียนไม่ได้นิ่งนอนใจ ซึ่งหลังเกิดเหตุตนได้สอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น และได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ เบื้องต้นทราบว่า มีเหตุการณ์เกิดขึ้นจริง แต่ครูไม่ได้เจตนาปาแก้วน้ำใส่นักเรียน เพียงต้องการปาแก้วใส่กำแพง เพื่อปรามให้เด็กเงียบเพราะช่วงนั้นมีเด็กหลายคนยืนไม่เป็นระเบียบและคุยกันเสียงดัง แต่เมื่อแก้วน้ำไปถูกกำแพงได้กระเด็นไปโดนศีรษะของเด็กนักเรียนจนได้รับบาดเจ็บ อีกทั้งแก้วที่ประเด็นอยู่ในขณะนี้ก็เป็นแก้วพลาสติกไม่ใช่แก้วเซรามิก
นอกจากนี้ นายไพฑูรย์ แกลงกระโทก คุณครูพละคู่กรณี ก็ยอมรับผิดต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งยืนยันว่า ไม่ได้มีเจตนาปาแก้วน้ำไปโดนเด็กนักเรียนแต่อย่างใด อีกทั้งหลังเกิดเหตุนายไพฑูรย์ก็ได้แสดงความรับผิดชอบ โดยได้ออกค่ารักษาพยาบาลให้แก่เด็กนักเรียนที่ได้รับบาดเจ็บไปแล้วหลาย ครั้ง
ขณะที่น้องทราย กล่าวต่อว่า ตนมีความกังวลใจอยู่ 2 เรื่อง คือ เรื่องการเรียน ที่ช่วงนี้ตนต้องหยุดเรียนบ่อย ๆ เพราะต้องไปพบแพทย์ รวมถึงไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจเรื่องคดี และเรื่องที่ 2 คือ เรื่องสายตาของเพื่อนนักเรียนด้วยกัน เนื่องจากหลังเกิดเรื่อง สายตาของคนอื่น ๆ ที่มองตนก็เปลี่ยนไป เชื่อว่า เป็นผลมาจากหน้าตาของตนที่เปลี่ยนแปลงไปหลังเกิดอุบัติเหตุ ส่วนคุณครูท่านอื่น ๆ ท่านก็สอนและคอยดูแลตนเหมือนเดิม คุณครูบางท่านยังบอกว่า รายงานวิชาไหนที่ทำมาส่งไม่ทัน ก็ไม่ต้องกังวล ขอให้ค่อย ๆ ทยอยทำมาส่ง
สำหรับประเด็นที่ว่า หลังเกิดเรื่องนายไพฑูรย์ คุณครูพละคู่กรณี ยังไม่ขอโทษน้องทรายนั้น ทาง ว่าที่ร้อยตรี นิพนธ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้เข้าข้างหรือปกป้องนายไพฑูรย์ เพียงแต่อยากให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียดเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทั้ง 2 ฝ่าย ส่วนเรื่องที่ยังไม่มีการขอโทษน้องทรายนั้น เชื่อว่า นายไพฑูรย์ น่าจะเกิดอาการเครียดหนัก จนไม่กล้าเข้าไปคุยกับน้องทรายก็เป็นได้
ว่าที่ร้อยตรี นิพนธ์ ยังกล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องที่น้องทรายกังวลเรื่องการเรียนนั้น ตนกำชับคุณครูแต่ละรายวิชาแล้วให้หาทางช่วยเหลือน้องทราย อาจมีทั้งการสอนเพิ่มเติมนอกเวลาเรียน หรือการทำงานมาส่งเพิ่ม เพื่อให้น้องทรายเรียนจบ ม.6 ทันเพื่อนคนอื่น ๆ นอกจากนี้ ตนยังได้เชิญนักจิตวิทยามาพูดคุยกับน้องทราย และเพื่อน ๆ ก็เป็นไปได้ด้วยดี
ด้านคุณปรียาพร เล่าต่อว่า ในการเจรจากันครั้งที่ 3 ตนไม่ทราบว่าใครเป็นคนบอกว่า หากอยากได้เงินมากกว่าที่ทางโรงเรียนมอบให้ ก็ขอให้ฟ้องร้องเอาเอง และขอยืนยันว่า เงินค่ารักษาพยาบาลจำนวน 3 แสนบาท เป็นเงินที่ทางคุณหมอประเมินมาให้ ไม่ใช่จำนวนเงินที่ทางครอบครัวกำหนดขึ้นเอง
คุณปรียาพร กล่าวทิ้งท้ายว่า ทุกครั้งที่มีการเจรจานายไพฑูรย์ เดินทางมาด้วยจริง แต่ไม่เคยมีการพูดคุยกัน อีกทั้งเวลาเจรจาก็มีแต่ผู้อำนวยการโรงเรียนที่เป็นคนเจรจากับทางครอบครัวเท่านั้น
อย่างไรก็ดี น้องทราย กล่าวทิ้งท้ายว่า ตั้งแต่เข้ารับการรักษามาตลอด 1 เดือน ก็ยังไม่หายดี ซึ่งคุณหมอก็บอกว่า เส้นประสาทตาเริ่มเสื่อมสภาพลง หากภายใน 3 เดือน อาการไม่ดีขึ้น ต้องเข้ารับการผ่าตัด ทั้งนี้ ตนอยากฝากบอกนายไพฑูรย์ว่า ตนไม่โกรธอะไรคุณครู ขอแค่พูดหรือโทร. มาถามไถ่อาการกับตนบ้างก็ยังดี ไม่จำเป็นต้องมาบอกขอโทษอะไร
http://hilight.kapook.com/view/142138 ขอบคุณkapook .com แหล่งข่าว