เอเจนซีส์ - สาวนิวซีแลนด์ประสบปัญหาอย่างหนักในการจะมีลูก โดยใช้สเปิร์มของผู้บริจาค เนื่องจากกฎหมายทำให้ขาดแรงจูงใจในการบริจาค จนส่งผลให้สาวในประเทศนี้ต้องรอสเปิร์มนานประมาณ 2 ปี
แคทรีน ฮีพ หญิงสาวชาวนิวซีแลนด์ วัย 40 ที่ตระหนักว่า ช่วงเวลาของเทพนิยายเรื่องการแต่งงานและมีลูกอย่างสุขสมหวังนั้น ได้ผ่านพ้นไปแล้ว เธอจึงได้ตัดสินใจยกเลิกกรมธรรม์ประกันภัย แล้วไปลงทะเบียนขอรับบริจาคสเปิร์ม
“นับตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ฉันก็คาดหวังว่าจะได้มีลูกเมื่อฉันโตขึ้น ฉันอยากจะเป็นแม่คนมาโดยตลอด แต่ความคิดเรื่องไปคลินิกเพื่อช่วยให้มีลูกนั้นไม่เคยผุดขึ้นมาเลย” เธอกล่าว
ด้วยการส่งเสริมจากครอบครัวและเพื่อน ๆ ฮีพได้ไปลงทะเบียนกับคลินิกแห่งหนึ่ง ซึ่งทำให้เธอได้ตระหนักว่าต้องอยู่ในรายชื่อรอคิวนานถึง 2 ปี
“ฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่ามันขาดแคลน มันน่าประหลาดใจมากจริง ๆ มันเป็นสิ่งที่ฉันควบคุมไม่ได้ เพราะอย่างนั้นฉันเลยพยายามทำเรื่องนี้ระหว่างใช้ชีวิตในช่วงที่รอ ฉันเดตกับผู้ชายบ่อย ๆ โดยหวังว่าจะมีลูกได้ด้วยวิธีแบบดั้งเดิม” เธอกล่าว
นิวซีแลนด์กำลังประสบกับการขาดแคลนสเปิร์ม โดยบรรดาผู้ให้คำแนะนำด้านการเจริญพันธุ์ ได้ระบุว่า การรอคิวยาวนานส่งผลให้เพิ่มความเครียดอย่างมากต่อบรรดาผู้ที่อยากเป็นแม่คน ซึ่งเดิมก็เครียดมากอยู่แล้ว
“เราได้ยินข่าวมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่า มีหญิงนิวซีแลนด์เดินทางไปต่างประเทศ เพื่อร่วมการท่องเที่ยวด้านการเจริญพันธุ์” ดร.แมรี เบิร์ดซอล ผู้เชี่ยวชาญจากสมาคมเจริญพันธุ์ ระบุถึงการท่องเที่ยวซึ่งมักเป็นที่รู้จักกันในชื่อการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
“มันเป็นสถานการณ์ที่ท้าทายมาก มันท้าทายในแง่ของการชักชวนคนให้มาบริจาค มันเป็นเรื่องที่หนักหนามากสำหรับผู้หญิงที่พร้อมทั้งทางกายภาพและชีวภาพ แต่กลับไม่อาจมีครอบครัวได้” เบิร์ดซอล กล่าว
เมื่อปี 2004 รัฐบาลนิวซีแลนด์ได้เสนอกฎหมายห้ามทำการบริจาคสเปิร์มแบบปิดบังตัวตน ทั้งยังห้ามผู้บริจาครับเงินจากการให้บริจาค
ผู้บริจาคสเปิร์มในนิวซีแลนด์ มักมีค่าใช้จ่ายเล็กน้อย อาทิ ค่ารถในการเดินทางไปคลินิก แต่พวกเขาไม่ได้รับการชดเชยใด ๆ ต่อเวลาที่พวกเขาเสียไป ทั้งการทดสอบทางการแพทย์อย่างเข้มงวด รวมถึงการรับฟังคำแนะนำ
ภายใต้กฎหมายใหม่ ผู้บริจาคสเปิร์มยังจะต้องเห็นพ้องให้มีการระบุตัวตนของพวกเขาได้ เมื่อบุตรที่เกิดจากสเปิร์มของผู้บริจาคมีอายุครบ 18 ปี นั่นยิ่งทำให้แรงจูงใจในการบริจาคลดลง
ในขณะที่การบริจาคสเปิร์มลดลง จำนวนผู้ขอรับบริจาคสเปิร์มกลับเพิ่มสูงขึ้นมาก ทั้งจากบรรดาคู่รักเพศเดียวกันและหญิงโสด
ดร.จอห์น พีค ผู้จัดการทั่วไปของสมาคมเจริญพันธุ์ ซึ่งเป็นคลินิกเจริญพันธุ์ที่ใหญ่สุดของนิวซีแลนด์ เปิดเผยว่า ปกติที่นั่นจะมีสเปิร์มในประเทศมากพอสำหรับ 80 ครอบครัว แต่จำนวนผู้ลงทะเบียนขอรับบริจาคสูงกว่านั้นถึง 4 เท่าตัว
“นิวซีแลนด์ขาดแคลนผู้บริจาคสเปิร์มมานานแล้ว มันขาดแคลนมาอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว” ดร.พีค กล่าว
ฟิโอนา แมคโดนัลด์ ผู้ให้คำแนะนำด้านการเจริญพันธุ์ของคลินิก Repromed ในเมืองโอคแลนด์ บอกว่า การรอคิวยาวเพื่อขอรับบริจาคสเปิร์ม ยิ่งเพิ่มความกดดันให้กับหญิงนิวซีแลนด์
“มันหนักหนามากสำหรับผู้หญิงที่นาฬิกาทางชีวภาพยังคงเดินไม่หยุด ทุกเดือนที่ผ่านไปจะรู้สึกเหมือนแก่มากขึ้นเรื่อย ๆ พวกเธอหลายคนอาจเข้าสู่ช่วงวัย 40 ไปแล้ว ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่โหดร้าย ตอนนั้นเวลาแค่ 6 เดือน ก็ทำให้เกิดความแตกต่างแล้วว่าจะมีลูกได้หรือไม่” แมคโดนัลด์ กล่าว
เมื่อปี 2015 สมาคมเจริญพันธุ์ได้ให้บริการแก่หญิง 300 ราย ที่ได้รับการบริจาคสเปิร์ม ในจำนวนนั้นมี 35 เปอร์เซ็นต์ ที่มีคู่รักต่างเพศ แต่ฝ่ายชายไม่แข็งแรงสมบูรณ์ ส่วนคู่รักเลสเบียนมี 25 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลืออีก 40 เปอร์เซ็นต์เป็นหญิงโสด
แมคโดนัลด์ บอกว่า ทุกวันนี้หญิงโสดได้กลายเป็นกลุ่มใหญ่สุด ที่มาขอรับบริจาคสเปิร์มที่คลินิก Repromed ซึ่งขั้นตอนแรกสุดของกระบวนการก็มักจะเป็นการให้คำแนะนำที่น่าเศร้า
“ผู้หญิงบางคนรู้สึกอับอายที่ต้องใช้วิธีนี้ในการเป็นแม่คน หนึ่งในขั้นตอนแรก ๆ นั้นค่อนข้างน่าเศร้า เมื่อชีวิตมันไม่เป็นไปอย่างที่คุณหวังไว้ คุณไม่เจอคู่ชีวิต แล้วคุณก็ต้องเริ่มเดินสู่เส้นทางของการเป็นแม่ด้วยตัวคนเดียว” แมคโดนัลด์ กล่าว
ดร.กาย กูเดกซ์ ผู้อำนวยการด้านการแพทย์ของ Repromed บอกว่า คลินิกของเขาถึงขนาดจำเป็นจะต้องตรวจสอบอย่างจริงจัง เรื่องการนำเข้าสเปิร์มจากต่างชาติ ขณะที่การขาดแคลนก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะทุเลาลงเลย
ในระหว่างที่ฮีพอยู่ในรายชื่อผู้รอรับบริจาค ทางคลินิก Repromed ก็ได้แนะนำให้เธอลองไถ่ถามเพื่อนชายเกี่ยวกับการบริจาคสเปิร์ม แต่ก็ไม่สำเร็จ เธอยังได้ลองตรวจดูตามเว็บไซต์หาสเปิร์มของนิวซีแลนด์ แต่ก็พบว่าพวกนั้นไม่ค่อยตรงไปตรงมา
“พวกนั้นไม่เป็นมืออาชีพเลย มีบางรายที่น่าขนลุกด้วย ผู้ชายหลายคนบอกว่ายินดีช่วย แต่จะใช้วิธีดั้งเดิม ไม่ใช่การบริจาคสเปิร์ม แต่เป็นการมีเซ็กซ์” ฮีพ กล่าว
หลังจากรอนานนับปี ฮีพก็ได้รับบริจาคสเปิร์ม ซึ่งในความพยายามครั้งแรกเมื่อช่วงต้นปีนี้ เธอก็ได้ตั้งท้องในที่สุด เธอบอกว่าแม้จะเหนื่อย แต่ก็เต็มไปด้วยความสุข โดยเธอเสียค่าใช้จ่ายสำหรับกระบวนการทั้งหมดไปประมาณ 14,000 ดอลลาร์นิวซีแลนด์
Source: manager.co.th
หญิงนิวซีแลนด์เครียด! สเปิร์มขาดแคลนหนัก วอนผู้ชายช่วยเป็นฮีโรมาบริจาคกันหน่อย
แคทรีน ฮีพ หญิงสาวชาวนิวซีแลนด์ วัย 40 ที่ตระหนักว่า ช่วงเวลาของเทพนิยายเรื่องการแต่งงานและมีลูกอย่างสุขสมหวังนั้น ได้ผ่านพ้นไปแล้ว เธอจึงได้ตัดสินใจยกเลิกกรมธรรม์ประกันภัย แล้วไปลงทะเบียนขอรับบริจาคสเปิร์ม
“นับตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ฉันก็คาดหวังว่าจะได้มีลูกเมื่อฉันโตขึ้น ฉันอยากจะเป็นแม่คนมาโดยตลอด แต่ความคิดเรื่องไปคลินิกเพื่อช่วยให้มีลูกนั้นไม่เคยผุดขึ้นมาเลย” เธอกล่าว
ด้วยการส่งเสริมจากครอบครัวและเพื่อน ๆ ฮีพได้ไปลงทะเบียนกับคลินิกแห่งหนึ่ง ซึ่งทำให้เธอได้ตระหนักว่าต้องอยู่ในรายชื่อรอคิวนานถึง 2 ปี
“ฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่ามันขาดแคลน มันน่าประหลาดใจมากจริง ๆ มันเป็นสิ่งที่ฉันควบคุมไม่ได้ เพราะอย่างนั้นฉันเลยพยายามทำเรื่องนี้ระหว่างใช้ชีวิตในช่วงที่รอ ฉันเดตกับผู้ชายบ่อย ๆ โดยหวังว่าจะมีลูกได้ด้วยวิธีแบบดั้งเดิม” เธอกล่าว
นิวซีแลนด์กำลังประสบกับการขาดแคลนสเปิร์ม โดยบรรดาผู้ให้คำแนะนำด้านการเจริญพันธุ์ ได้ระบุว่า การรอคิวยาวนานส่งผลให้เพิ่มความเครียดอย่างมากต่อบรรดาผู้ที่อยากเป็นแม่คน ซึ่งเดิมก็เครียดมากอยู่แล้ว
“เราได้ยินข่าวมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่า มีหญิงนิวซีแลนด์เดินทางไปต่างประเทศ เพื่อร่วมการท่องเที่ยวด้านการเจริญพันธุ์” ดร.แมรี เบิร์ดซอล ผู้เชี่ยวชาญจากสมาคมเจริญพันธุ์ ระบุถึงการท่องเที่ยวซึ่งมักเป็นที่รู้จักกันในชื่อการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
“มันเป็นสถานการณ์ที่ท้าทายมาก มันท้าทายในแง่ของการชักชวนคนให้มาบริจาค มันเป็นเรื่องที่หนักหนามากสำหรับผู้หญิงที่พร้อมทั้งทางกายภาพและชีวภาพ แต่กลับไม่อาจมีครอบครัวได้” เบิร์ดซอล กล่าว
เมื่อปี 2004 รัฐบาลนิวซีแลนด์ได้เสนอกฎหมายห้ามทำการบริจาคสเปิร์มแบบปิดบังตัวตน ทั้งยังห้ามผู้บริจาครับเงินจากการให้บริจาค
ผู้บริจาคสเปิร์มในนิวซีแลนด์ มักมีค่าใช้จ่ายเล็กน้อย อาทิ ค่ารถในการเดินทางไปคลินิก แต่พวกเขาไม่ได้รับการชดเชยใด ๆ ต่อเวลาที่พวกเขาเสียไป ทั้งการทดสอบทางการแพทย์อย่างเข้มงวด รวมถึงการรับฟังคำแนะนำ
ภายใต้กฎหมายใหม่ ผู้บริจาคสเปิร์มยังจะต้องเห็นพ้องให้มีการระบุตัวตนของพวกเขาได้ เมื่อบุตรที่เกิดจากสเปิร์มของผู้บริจาคมีอายุครบ 18 ปี นั่นยิ่งทำให้แรงจูงใจในการบริจาคลดลง
ในขณะที่การบริจาคสเปิร์มลดลง จำนวนผู้ขอรับบริจาคสเปิร์มกลับเพิ่มสูงขึ้นมาก ทั้งจากบรรดาคู่รักเพศเดียวกันและหญิงโสด
ดร.จอห์น พีค ผู้จัดการทั่วไปของสมาคมเจริญพันธุ์ ซึ่งเป็นคลินิกเจริญพันธุ์ที่ใหญ่สุดของนิวซีแลนด์ เปิดเผยว่า ปกติที่นั่นจะมีสเปิร์มในประเทศมากพอสำหรับ 80 ครอบครัว แต่จำนวนผู้ลงทะเบียนขอรับบริจาคสูงกว่านั้นถึง 4 เท่าตัว
“นิวซีแลนด์ขาดแคลนผู้บริจาคสเปิร์มมานานแล้ว มันขาดแคลนมาอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว” ดร.พีค กล่าว
ฟิโอนา แมคโดนัลด์ ผู้ให้คำแนะนำด้านการเจริญพันธุ์ของคลินิก Repromed ในเมืองโอคแลนด์ บอกว่า การรอคิวยาวเพื่อขอรับบริจาคสเปิร์ม ยิ่งเพิ่มความกดดันให้กับหญิงนิวซีแลนด์
“มันหนักหนามากสำหรับผู้หญิงที่นาฬิกาทางชีวภาพยังคงเดินไม่หยุด ทุกเดือนที่ผ่านไปจะรู้สึกเหมือนแก่มากขึ้นเรื่อย ๆ พวกเธอหลายคนอาจเข้าสู่ช่วงวัย 40 ไปแล้ว ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่โหดร้าย ตอนนั้นเวลาแค่ 6 เดือน ก็ทำให้เกิดความแตกต่างแล้วว่าจะมีลูกได้หรือไม่” แมคโดนัลด์ กล่าว
เมื่อปี 2015 สมาคมเจริญพันธุ์ได้ให้บริการแก่หญิง 300 ราย ที่ได้รับการบริจาคสเปิร์ม ในจำนวนนั้นมี 35 เปอร์เซ็นต์ ที่มีคู่รักต่างเพศ แต่ฝ่ายชายไม่แข็งแรงสมบูรณ์ ส่วนคู่รักเลสเบียนมี 25 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลืออีก 40 เปอร์เซ็นต์เป็นหญิงโสด
แมคโดนัลด์ บอกว่า ทุกวันนี้หญิงโสดได้กลายเป็นกลุ่มใหญ่สุด ที่มาขอรับบริจาคสเปิร์มที่คลินิก Repromed ซึ่งขั้นตอนแรกสุดของกระบวนการก็มักจะเป็นการให้คำแนะนำที่น่าเศร้า
“ผู้หญิงบางคนรู้สึกอับอายที่ต้องใช้วิธีนี้ในการเป็นแม่คน หนึ่งในขั้นตอนแรก ๆ นั้นค่อนข้างน่าเศร้า เมื่อชีวิตมันไม่เป็นไปอย่างที่คุณหวังไว้ คุณไม่เจอคู่ชีวิต แล้วคุณก็ต้องเริ่มเดินสู่เส้นทางของการเป็นแม่ด้วยตัวคนเดียว” แมคโดนัลด์ กล่าว
ดร.กาย กูเดกซ์ ผู้อำนวยการด้านการแพทย์ของ Repromed บอกว่า คลินิกของเขาถึงขนาดจำเป็นจะต้องตรวจสอบอย่างจริงจัง เรื่องการนำเข้าสเปิร์มจากต่างชาติ ขณะที่การขาดแคลนก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะทุเลาลงเลย
ในระหว่างที่ฮีพอยู่ในรายชื่อผู้รอรับบริจาค ทางคลินิก Repromed ก็ได้แนะนำให้เธอลองไถ่ถามเพื่อนชายเกี่ยวกับการบริจาคสเปิร์ม แต่ก็ไม่สำเร็จ เธอยังได้ลองตรวจดูตามเว็บไซต์หาสเปิร์มของนิวซีแลนด์ แต่ก็พบว่าพวกนั้นไม่ค่อยตรงไปตรงมา
“พวกนั้นไม่เป็นมืออาชีพเลย มีบางรายที่น่าขนลุกด้วย ผู้ชายหลายคนบอกว่ายินดีช่วย แต่จะใช้วิธีดั้งเดิม ไม่ใช่การบริจาคสเปิร์ม แต่เป็นการมีเซ็กซ์” ฮีพ กล่าว
หลังจากรอนานนับปี ฮีพก็ได้รับบริจาคสเปิร์ม ซึ่งในความพยายามครั้งแรกเมื่อช่วงต้นปีนี้ เธอก็ได้ตั้งท้องในที่สุด เธอบอกว่าแม้จะเหนื่อย แต่ก็เต็มไปด้วยความสุข โดยเธอเสียค่าใช้จ่ายสำหรับกระบวนการทั้งหมดไปประมาณ 14,000 ดอลลาร์นิวซีแลนด์
Source: manager.co.th