[CR] รักษาโรคซึมเศร้า ที่ รพ.มนารมย์

ช่วงนี้เห็นข่าวและคนที่แชร์เกี่ยวโรคซึมเศร้ากันเยอะมาก
บางคนก็บอกว่าเป็นแค่กระแสของสังคมรึเปล่า
แต่เราเองอยากจะบอกกับทุกคนในปัจจุบันมีผู้ป่วยโรคซึมเศร้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
และหลายคนไม่รู้ตัว ครอบครัวก็ไม่รู้
จนวันที่จบชีวิตตัวเองไปแล้ว ญาติจึงพึ่งทราบว่าป่วย
      เราเองก็เป็นหนึ่งในคนที่ไม่เคยทราบว่าตัวเองป่วยโรคซึมเศร้า
แต่ตอนนี้เรารู้ตัวว่าเราเป็น แล้วเราดีใจมากที่เรารู้แล้วว่าเราป่วย
ตอนนี้เราก็ยังป่วยและกำลังรักษาอยุ่
    
    ก่อนหน้านี้สองสามเดือน  เรามีอารมณ์เบื่อและเครียดในเรื่องงานมาก
ไม่มีอารมณ์ ที่อยากจะตื่นไปทำงาน ยิ่งฝืนตัวเองก็รู้สึกว่า ร่างกายยิ่งต่อต้าน
จนเมื่อเดือนที่แล้วที่ตัดสินใจลาออก โดยที่ยังไม่งานรองรับ หลังจากที่ลาออกก็ตั้งใจว่าจะอยู่บ้าน
พักผ่อนร่างกาย พักผ่อนสมอง ทำอะไรที่เราอยากทำ
แล้วค่อยหางานทำไปเรื่อยๆ แต่พอเอาเข้าจริง พออยู่บ้าน กลับรู้สึกเบื่อ
ตื่นมาก็เบื่อ คิดว่าจะมานอนดูซีรีย์ ดูไปซักแปบก็เบื่อ เลยเลิก
ไปเดินเล่นชอปปิ้งแค่คิดต้องเจอร้านเดิมๆก็ขี้เกียจไป
ไปออกกำลังกาย แปบเดียวก็เหนื่อยง่าย
คือเบื่อมากๆ เบื่อทุกอย่าง ไม่มีสมาธิ เซ็ง ไม่มีอารมณ์จะทำอะไรเลยแม้แต่นิดเดียวจริงๆ
อยากจะนอนมันทั้งวันเพราะเบื่อ
กิจกรรมที่เราเคยสนใจไม่สามารถดึงความสนใจเราได้เลย
    เลยลองทำแบบทดสอบโรคซึมเศร้าดู เป็นเกือบหมดทุกข้อในเชคลิส
(ใครที่คิดว่าสงสัยว่าจะเป็นลองค้นหาใน แบบทดสอบGoogle แล้วทำดูนะ)
จนคิดว่าไม่ไหวกับตัวเองแล้ว ถ้าไม่ตัดสินใจทำอะไรเพื่อตัวเอง
ชีวิตต้องจมและพังไปกับมันแน่
    ตอนแรกลองไปโรงพยาบาลรัฐบาล เพราะคิดว่าค่าหมอกับค่ายาน่าจะไม่แพง
หรือใช้สิทธิประกันสังคมได้ เลยลองโรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยากับโรงพยาบาลจุฬา
แต่สรุปว่าไม่ได้คิวทั้งสองที่ เพราะต้องไปจองคิวแต่เช้ามืด ซึ่งเราไปไม่เคยทัน
เลยลองหาโรงพยาบาลเอกชนที่เกี่ยวกับจิตเวชที่ ราคาค่ารักษาอยู่ในงบประมาณที่ตั้งไว้
เลยรู้จักโรงพยาบาลมนานมย์  เป็นโรงพยาบาลที่รักษาเกี่ยวกับจิตเวชอย่างเดียว
ตอนแรกไม่กล้าไป รพ.นี้กลัวเข้าไปแล้ว
คนจะมองว่าบ้า จิตไม่ปกติ เพราะเป็นรพ.จิตเวชล้วนๆเลย
แต่เราคิดผิด เพราะบางคนที่ไปพบจิตแพทย์
มีทั้งนอนไม่หลับ ปัญหาเครียดก็มี แต่สังคมไทยเรามักจะนิยมมองคนที่ไปพบจิตแพทย์เป็นคนวิกลจริต
อย่าไปยึดติดกับค่านิยมที่ไม่ได้ทำให้ชีวิตเราดีขึ้น แล้วอีกปัญหาหนึ่งที่คนป่วยไม่ยอมไปพบแพทย์ด้วยก็คือ
คนรอบตัวมักจะบอกว่า เราคิดมากไปเอง ไปเข้าวัดสวดมนต์เดี๋ยวก็หาย  
เขาไม่ได้รู้สึกและทราบในสิ่งที่เราเป็นแม้แต่น้อย มีแค่ตัวเราเท่านั้นที่รู้สึกว่ามันแย่แค่ไหน
อย่าไปแคร์คำพูดคนอื่น พาตัวเองไปหาหมอให้ได้ บอกคนที่คิดว่าเราไว้ใจและพร้อมจะเข้าใจเรา
พาไปหาหมอ ต้องพยายามพาตัวเองไปพบจิตแพทย์ที่ไหนก็ได้ที่สะดวกไป
    อยากให้บอกทุกคนว่าโรคซึมเศร้าเป็นโรคเกิดจากสารเคมีในสมองที่ไม่สมดุล
สามารถรักษาได้ด้วยการทานยาเป็นประจำอย่างต่อเนื่องตามคำแนะนำของแพทย์
ตอนแรกเราก็คนที่ไม่เชื่อว่ายาจะทำให้อะไรดีขึ้น เราคิดเสมอว่าที่มันแย่มันเป็นเรื่องของจิตใจเราล้วนๆ
ยาก็คงไม่น่าจะช่วยอะไรหรอก แต่ก็จะลองดู   หลังเราลองกินยาตามที่หมอสั่ง ไปประมานสองอาทิตกว่าๆ
เราเริ่มเห็นผลจริงๆ เริ่มรู้ว่ายาช่วยได้จริงๆ   รู้สึกมีชีวิตชีวา ตื่นมาแล้วสดชื่น สดใส ร่าเริง จิตใจปลอดโปร่ง
เริ่มอยากไปไหนมาไหน เราดีใจมากที่เรามาถูกทาง เหมือนกับเราค่อยๆได้ชีวิตเราคืนมา
    ทุกวันนี้ก็เลยรู้ตัวเองว่าพลาดที่ตัดสินใจลาออกจากงาน ถ้าได้ลองไปหาหมอ ทานยาซักพัก
คงไม่คิดอะไรตื้นๆแบบนั้น ตอนที่กำลังป่วย อย่าทิ้งชีวิต อย่าบอกตัวเองว่าจะไม่เอาอะไรแล้ว
อย่าตัดสินใจอะไรใหญ่ๆในชีวิต เพราะบางทีกลับมาแก้ไขไม่ได้แม้เราจะหายป่วยแล้ว

การพูดคุยกับหมอ
    รพ.มนารมย์เป็นรพ.ที่ต้องโทรไปนัดล่วงหน้า
ไม่แนะนำให้ walk-in เข้าไปเพราะจะรอหมอนาน
หมอก็จะถามอาการเรา เรามีอาการเป็นอย่างไร
ซักถามเกี่ยวกับตัวเรา ถามประวัติในชีวิตคร่าวๆ
เราก็พยายามตอบคำถามให้หมด

ยาที่ทาน
     หมอจะให้ทานยาทั้งหมดสองตัว ตัวแรก FULOX ยาตัวนี้เป็นยาหลักเลย
คือยาต้านความเศร้ามันจะช่วยเข้าไปปรับสมดุลสารเคมีในสมองเรา
ครั้งแรกที่หาหมอ หมอให้ทานครั้งละครึ่งเม็ดเช้าและก่อนนอน
หลังจากนั้น สองอาทิตย์ไปพบหมอ ให้ทานเป็น ครั้งละ 1 เม็ดก่อนนอน
หมอแจ้งว่าทานต่อเนื่องอย่างต่ำ 6 เดือน

ตัวที่สอง ยา LORA ยาตัวนี้ช่วยคลายกังวล ทานครั้งละเม็ดก่อนนอน
ครั้งที่สองที่เราไปหาหมอ หมอแจ้งว่า
ช่วงอาทิตย์ที่กินแรกๆ อารมณ์จะยังแปรปรวน อยู่บ้าง
พยายามจดอารมณ์และความรู้สึกในแต่ละวันลงในกระดาษเพื่อที่เวลาพบหมอคราวหน้า
หมอจะได้ปรับยาเหมาะกับตัวเราได้มากที่สุด



ผลข้างเคียง
     หลักจากที่ทานยาในช่วงแรก ผลข้างเคียงจากยา
ซึ่งเราไม่แน่ใจว่ายาตัวไหนระหว่าง FULOX หรือ LORA  
แต่เท่าที่เราศึกษามาในอินเตอร์เนต
น่าจะเป็นตัว FULOX  ที่ทำให้เรา ง่วงนอน ปากแห้ง กระหายน้ำบ่อย  เบื่ออาหาร น้ำหนักลดลง
หมอแจ้งว่าทานไปเรื่อยๆแล้วผลข้างเคียงจะลดลง

ค่ารักษา
    เราเคยโทรไปถามที่รพ.มนารมย์ เจ้าหน้าแจ้งค่าหมอคร่าวๆต่อครั้งว่า 500-3000
หมอแต่ละท่านจะเรทราคาไม่เท่ากัน  
สามารถโทรสอบถามได้ที่การเงินว่าหมอแต่ละท่านเรทราคาเท่าไหร่

ครั้งแรก เราจ่ายไป 1,386
ค่าหมอ 1,000
ค่ารพ. 200
ค่ายา 186  (ยาประมาณ 2 อาทิตย์)  

มาพบหมอรอบที่สองเราขอเปลี่ยนหมอ
เพราะหมอท่านแรก เข้าอาทิตย์ละครั้ง
ทำไม่ให้ไม่สะดวกเวลานัด

ครั้งที่สองจ่ายไป 1,630
ค่าหมอ 800
ค่ารพ. 200
ค่ายา 630   (ยากินได้ประมาณ 1 เดือน)

เอาบัตรเครดิตรูดไป จะแนบใบเสร็จให้ดู




โดยรวมของรพ.มนารมย์

เราว่าเป็นรพ.ที่บรรยากาศสบายๆ ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้  ช่วงไปวันธรรมดา ค่อนข้างเงียบ
ไม่มีคนไข้พลุกพล่าน เพราะส่วนใหญ่คนไข้ต้องนัดเวลาเข้ามา  แลไม่วุ่นวายดี
เจ้าหน้าบริการรวดเร็วดีมาก ย้ำว่าเร็วมาก  แทบไม่ต้องรอคิวจ่ายเงิน  ไม่ต้องรอคิวรับยาเลย
โดยรวมแล้วเราประทับใจกับรพ.นี้มาก แนะนำเลยถ้าใครสนใจจะไปรักษา
ด้วยราคาค่ารักษาเราคิดว่าก็ไม่แพงมากจนเกินไป  ถ้าไป BTS ก็ลงสถานีแบริ่ง ถ้าขับรถไปก็ก็มีที่จอดรถใน รพ. ได้เลย
ส่วนนี้เป็น เวบไซต์ ของ รพ.ลองเข้าไปดูรายละเอียดได้ http://www.manarom.com/

*****ค่ารักษาค่ายาทุกอย่าง เราจ่ายเองหมดทุกบาท เรารีวิวให้เป็นประสบการณ์เท่านั้น
เราอาจจะพิมพ์ผิดและเรียบเรียงประโยคผิดไปบ้าง แต่นี่ก็เป็นสิ่งที่พยายามได้ดีที่สุด ณ ขณะนี้
ถ้าผิดพลาดตรงไหนไปเราขอโทษด้วย******************
ชื่อสินค้า:   โรงพยาบาลมนารมย์
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่