★★★ควันหลงฟุตบอลไทย-ญี่ปุ่น เพราะแพ้มาก่อนจึงแกร่งกว่า★★★

สวัสดีครับ

นี้เป็นกระทู้แรกใน ศุภชลาศัยของผม ผมอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้มานาน
แล้วไม่เคยทำประโยชน์เลยวันนี้มีโอกาสเลยขอเป็นฝ่ายแบ่งปันบ้างครับ

คงเจ็บปวดกันไม่น้อยใช่ไหมครับสำหรับผลการแข่งขันฟุตบอลโลก
รอบคัดเลือกโซนเอเซียที่ผ่านมาของทีมชาติไทย

และเพื่อนทุกท่านๆก็คงได้เห็นความแข็งแกร่งของทีมชาติญี่ปุ่นกันไปแล้วนะครับ
(ตอนนี้เชื่อว่า ซึบาสะ เฮียวกะ มิซากิ มีตัวตนจริงๆก็เบียด ตัวจริงตอนนี้ไม่ง่ายถ้า
ไม่ท็อปฟอร์ม 555)

แต่น้องๆเด็กที่อายุยังไม่เกิน 20ปีดี ทราบหรือไม่ครับว่า กว่าที่เราจะได้เห็น
ทีมชาติญี่ปุ่นอันแข็งแกร่งและทรงพลังไม่ด้อยกว่า
ก้ปตันซึบาสะ ทาคาสุงิ แห่งยิ่งประตุสู่ฝัน โทชิ แห่ง Shoot ชีนะ แห่ง Viva Calco
(ใหม่กว่านี้ไม่รู้จักครับ ใครรุ้จัก ผมเชื่อว่าคุณก็เกิน 30 แล้ว 555)

นั้น พวกเขาก็มีจุดเริ่มต้นไม่ต่างจากที่ไทยกำลังเดินทางตอนนี้ครับ
มาผมจะเล่าให้ฟัง

1986 กำแพงใหญ่ที่ชื่อเกาหลีใต้


ครั้งแรกที่เข้าใกล้ฟุตบอลโลกของญี่ปุ่น พวกเขาคือ คู่ปรับตลอดกาลอย่างเกาหลีใต้ครับ
ในปีนั้นโควต้าของโซนเอเชียยังเป็น 2 ที่นั่ง ญีุ่่ปุ่นอยู่สาย A ร่วมสายเดียวกับเกาหลีใต้

การแข่งขันแบ่งออกเป็นหลายรอบมากครับ และในที่สุดทั้งสองก็มาเจอกันในรอบชิงชนะเลิศของสาย
ผู้ชนะจะได้ตั๋วไปบอลโลก

และเป็นครั้งแรกที่ความผิดหวังมาเยือนพวกเขาครับ
ญี่ปุ่นแพ้ให้กับ เกาหลีใต้ทั้งไปและกลับ ( เหย้าแพ้ 1-2, เยือนแพ้ 0-1)

เรื่องจริงคือตอนนั้นฟุตบอลในบ้านเขายังไม่บูมครับ
แม้ไม่มีคนคาดหวังเท่าไหรแต่คนดูก็เต็มสนามเหมือนกันนะครับ
ซึบาสะและวากาบายาชิก็ยังเป็นเด็กประถมอยู่ครับญีปุ่นคงเลยยังไม่มีผู้เล่นเก่งๆ^^

1990 รักไม่แพ้ รักไม่ชนะ รักเสมอ

ฟุตบอลโลกรอบนี้ญี่ปุ่น ตกรอบมันตั้งแต่รอบคัดเลือกเลยครับ
พวกเขามีแค่ 7 แต้มจากการลงแข่ง 6 นัด (ระบบคะแนนแบบชนะ 2แต้ม)

ผลเป็นดังนี้ฮะ

เสมอ ฮ่องกงนอกบ้าน       0-0
เสมอ อินโตนีเซียนอกบ้าน 0-0
ชนะ เกาหลีเหนือในบ้าน    2-1
ชนะ อินโดในบ้าน            2-0
เสมอ ฮ่องกงในบ้าน          0-0
แพ้ เกาหลีเหนือนอกบ้าน    0-2

ทำให้เป็น เกาหลีเหนือ (เกาหลีอีกแล้ว) ที่ทำได้ดีกว่าด้วยคะแนน 9 แต้มเข้ารอบ
ฟุตบอลโลกหนนี้สำหรับญี่ปุ่นยังคงไม่มีอะไรน่าจดจำ
เจลีกก็ยังไม่ก่อตั้ง ซึบาสะก็ยังอยู่มัธยมต้น (แต่ตอนอายุ 15ก็แอบติดทีมชาติแล้วนะ^^)

1994 โศกนาฏกรรมที่โดฮา(ドーハの悲劇) 

Ref : http://blog-imgs-22.fc2.com/w/a/k/wakaraka/20060601194613.jpg

นับเป็นการแข่งขันคัดเลือกฟุตบอลโลกหนที่นักกีฬาญี่ปุ่นคนญีุ่่ปุ่นทุกคนไม่มีวันลืม
พวกเราเรียกมันว่า ドーハの悲劇 แปลไทยๆให้ได้อารมณ์ก็ได้ว่า

”โศกนาฏกรรมที่โดฮา”

นับเป็นหนที่ใกล้เคียงกับคำว่าฟุตบอลโลกมากที่สุดเพราะพวกเขา
กำตั๋วไป อเมริกา ไว้ในมือได้แล้วแม้กระทั้ง 90 นาทีสุดท้ายของการแข่งขันนัดสุดท้ายกับอิรักที่กรุงโดฮา

เงื่อนไขในการเข้ารอบของญี่ปุ่นคือต้องชนะเท่านั้น
ส่วนอิรักเองถ้าชนะพวกเขาก็ได้สิทธินั้นเช่นกัน
การแข่งขันเป็นไปอย่างดูเดือด พวกเขานำ อิรัก ได้ 2-1

ใน 15 นาทีสุดท้าย (จากบทสัมภาษณ์นักเตะรุ่นเก่าๆของญี่ปุ่น)
ทุกคนในประเทศเชื่อว่าพวกเขาจะได้ไปบอลโลกกันแน่ๆ

แต่โชคชะตาที่ชื่อว่า เทพเจ้าฟตุบอลกลับไม่ถูกใจเสียงั้น
การบุกของอิรักเฮือกสุดท้ายทำให้อิรักได้เตะมุมในช่วงทดเจ็บ

ผู้บรรยายญีุ่่ปุ่นถึงกลับเชียร์ออกนอกหน้าว่า ของให้หมดเวลาเร็วๆ
ขอแค่ ป้องกัน การบุกครั้งนี้(ครั้งสุดท้าย)ได้...

ที่มุมธงด้านขวาอิรักเล่นสั้น กระชากบอลหลบผู้เล่นญีุ่่ปุ่นไปเส้นหลังแล้วเปิดบอลโด่งมาที่หน้าประตุ

ตู้ม (เสียงโหม่งบอลฮะ แหะๆ)

บอลกระทบศรีษะของผู้เล่นอิรักที่สะบัดหัวหมายให้บอลโค้งหลบผู้รักษาประตุ

ซวบ (เสียงบอลกระทบตาข่าย)

บอลลูกดังกล่าวลงไปนอนแน่นิ่งแถวๆเสาสองเรียกเสียงนกหวีดจากกรรมการ

และทำให้ สกอร์บอร์ดต้องทำงานอีกครั้ง

อิรัก 2-2 ญีุ่่ปุ่น

สิ้นเสียงนกหวีด นักฟุตบอลญีุ่่ปุ่นเกือบทุกคนล้มตัวนอนอย่างอาลัยตายอยากเป็นภาพที่
คนญี่ปุ่นไม่อยากจดจำแน่ๆครับ

หนึ่งในนั้นมีนักเตะ ขวัญใจ ผม จาก เวอร์ดี้  คาวาซากิ ”รามอส” อยู่ด้วย
(ผมยาวๆ ฮิปปี้ แต่โคตรเก่ง)
ในวันนั้น เขา อายุ 36ปี โอกาสไปฟุตบอลโลกครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของเขาก็จบลง

ปล เจลีกมาแล้วครับ แต่ก็เป็นปีแรกเลยยังไม่ส่งผล (ทาคาสุงิ ติดทีมหลังจากนี้ด้วยฮะ 555)


1998 ยิงประตูสู่ฝัน

อีกสี่ปีให้หลัง ญีุ่่ปุ่นก็ได้ไปบอลโลกสมใจครับ แต่เรื่องราวมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น

ในปี 1996 ก่อนฟุตบอลโลกที่ ฝรั่งเศสจะเริ่มการเสาะหาผู้จัดการแข่งขัน
ครั้งถัดไปก็เริ่มขึ้น

ญี่ปุ่นได้เป็นเจ้าภาพร่วมกับ เกาหลีใต้ ครับ
หมายความว่า ในปี 2002 ญี่ปุ่นจะได้สิทธิเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายอย่างแน่นอน

แต่สำหรับชาติซามูไรนั้นการได้ไปบอลโลกด้วยข้อครหาว่า มีแต่ความแข็งแกร่งทางการเงิน
และเศรษฐกิจไม่เก่งเท่าไหรในเรื่องฟุตบอลนั้น

มันยิ่งกว่าการถูกใครสักคนอมอุจจาระสุนัขมา พ่นใส่หน้า (สรุปพี่คนนั้นอมป่าวนะครับผมไม่ได้ตาม 555)

ทางเดียวที่จะหนีความอับอายนี่ได้คือไปบอลโลกที่ฝรั่งเศสนั้นเองครับ

แม้ทางดูเหมือนจะสะดวกขึ้น เอเชียได้รับการขยายต่อเติมโควต้าจาก 2 มาเป็น 3.5 ที่น่ง

ด้วยผลงานครั้งก่อนหน้าน้นกับการได้แชมป์เอเชียช่วงนั้นทำให้ ประชาชนชาวญี่ปุ่นมั่นใจ
สุดปลายเท้าว่า คราวนี้แหละ(วะ)

แต่น่าเสียดายที่ผลลัพธ์ไม่ง่ายอย่างนั้นครับ

ชนะ อุเบกิสถาน ในบ้าน    total 3pts
เสมอ UAE นอกบ้าน  total 4pts
แพ้เกาหลี คาบ้าน (โดนกดดัน จนต้องเปลี่ยนโค้ช) total 4pts
เสมอ คาซักสถาน นอกบ้าน total 5pts
เสมอ อุเบกิสถาน นอกบ้าน total 6pts
เสมอ UAE อีกครั้งในบ้าน total 7pts

พอจัดการ UAEในบ้านไม่ได้เท่านั้นแหละครับ

ประชาชนชาวญี่ปุ่นที่เรามักจะชื่นชมในความมีมารยาทของพวกเขา

ก็ประท้วงทีมรักของพวกเขาด้วยการ

ขึ้นไปนั่งบนรถบัส(นักกีฬา) แม่มเสียเลย

#มีความโหด ฮ่าฮ่าฮ่า

เหมือนผีชัตเตอร์มานั่งบนไหล่ แรงกดดันนี้ทำให้นักกีฬาญี่ปุ่น
วิ่งเป็นม้า คว้าชัยชนะได้ในอีกสองนัดที่เหลือ รวมคะแนน 13Pts

แถมเป็นการชนะ เกาหลีใต้ที่บ้านของพวกเขาด้วยนะครับ

ไปลองนั่งบนหลังคารถบัสกันไหมฮะ ^^ (ล้อเล่นนะครับ)

ด้วย ผลงานเป็นอันดับสองของสาย ทำให้พวกเขาดีพอจะไปชิงตั๋วไปบอลโลก
ใบที่ 3 กับ อิหร่าน

ชนะได้ไปบอลโลกเลย แพ้ก็ได้ไปลุ้นต่อกับการเตะกับชาติฝั่งอเมริกาใต้
ซึ่งถ้าจำไม่ผิดเป็น อาเจนติน่า ที่ไม่มี เมสซี่ แต่มี มาราโดน่า ฮะ ^^

เมื่อยแล้ว ไว้มาต่อนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่