GHost Detective File 4-5 ผู้สัมผัสวิญญาณ

เมื่อรู้ถึงแฟนที่ทำใหเดาวถึงกับอึ้งจากนั้นวงสนทนาก็ไม่มีอะไรมากนอกจากการแจงงานเกี่ยวกับการหาข้อมูลของที่ดินบริเวณสตูดิโอ กับการคุยเล่นเรื่องการประกวด ส่วนดาวดาวก็เหมือนจะอยู่ในโหมดปิดปรับปรุงไปพักหนึ่ง

เมื่อสมควรแก่เวลาและหมอเจี๊ยบก็เคลียร์งานเสร็จเรียบร้อย ทุกคนก็พากันกลับ

แต่...

จุดหมายปลายทางของภู เจี๊ยบต้อม ต่างก็เป็นบ้านของดาว

เมื่อดาวมาถึงบ้านแบบงงๆ ทุกคนค่อยๆทะยอยมาถึงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

"เดี๋ยวนะคะ มาทำอะไรที่บ้านหนูเนี้ย"ดาวโวยวาย แต่ภูก็หันหน้านิ่งๆมาตอบว่า

"ก็มาช่วยเทรนด์การเป็นนางแบบไง" จากนั้นก้เดินเข้าบ้านไปราวกับตัวเองเป็นเจ้าของ

จากนั้น หมอเจี๊ยบก็เดินเข้าบ้านพร้อมกับหันมายิ้มให้ดาวไปกับผู้กองต้อม

.............................................

"ตกลงที่ว่าจะมาดทรนก์อะไรนั่น ล้อเล่นกันหรอกเหรอคะ" ดาวถามซ้ำอย่างงงๆหลักจาก ที่ทั้งสี่คนเริ่มการประชุมลับที่บ้านของเธอ

"มันก็ไม่เชิงหรอกนะ เพียงแต่ว่าพวกฉันสังเกตเห็นอะไรแปลกๆน่ะ เลยส่งไลน์บอกให้พี่เจี๊ยบตอนที่เราคุยกันเมื่อกี้ จากนั้นก็พากันมาที่บ้านเธอนี่แหละ"ภูตอบ

"เรื่องที่มีมิจฉาชีพพาผู้หญิงมาข่มขืนในสตูดิโอสินะ" เหมือนว่าผู้กองต้อมก็สังเกตได้ตอนที่คุยกัน

แต่การที่เจ้าของสตูดิโอจะปฏิเสธมันคงดูไม่แปลกเท่าไหร่ แต่ภูสังเกตได้ว่าแอ๊ดก็มีท่าทางเหมือนกันตอนที่ไปคุยกับยามคนนั้น ซึ่งมันน่าแปลกมากกว่าเพราะแค่ช่างภาพอย่างแอ๊ดต่อให้สนิทแค่ไหน แต่การออกตัวแบบนี้มันก็น่าแปลก

"และดาวหลังจากนี้ก็ต้องพยายามเข้าให้ถึงรอบสุดท้ายนะเข้าใจมั้ย เพื่อที่พวกเราจะได้มีข้ออ้างในการหาข้อมูลและป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องระหว่างการประกวดได้" คำพูดของหมอเจี๊ยบทำให้ดาวยอมรับอย่างจำใจเพราะหากไม่นับว่าเธอไม่ชอบการทำอะรแบบนี้ แต่มันก็เป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว

"หมายความว่าแม้แต่พี่แอ๊ดคนนั้น....ก้ไว้ใจไม่ได้เหรอ" คำถามด้วยเสียงที่แผ่วเบาของดาว ทำให้ทุกคนต้องตกอยู่ในความเงียบ ถึงแม้ว่าตอนนี้ยังจะชี้ชัดอะไรไม่ได้ แต่ว่าการกันแอ๊ด คนที่เคยเป็นหัวหน้ากลุ่มมาก่อน คงเป็นอะไรที่ดีที่สุดแล้ว

...................................

ตอนเช้า เมื่อดาวตื่นขึ้นมา ก้เห็นเจี๊ยบตื่นขึ้นมาก่อนก่อนแล้วพร้อมกับเตรียมอาหารง่ายๆไว้ให้ ดาวที่กำลังสะลึมสะลือถึงกับสร่างเมื่อเห็นภาพที่ไม่คิดว่าจะได้เห็น นั่นคือ

หมอเจี๊ยบตื่นเช้ากว่า...

"อ้าว ดาวตื่นแล้วเหรอ" หมอเจี๊ยบที่จัดการตัวเองเรียบร้อยในชุดทำงานทักทายดาวที่เพิ่งตื่นในชุดนอน

"คุณหมอทำอะไรแต่เช้าครับ กลิ่นหอมเชียว" พ่อของดาวที่เพิ่งกลับจากเข้าเวรหน้าหมู่บ้าน มาทักทายเหมือนไม่มีอะไรแปลกไป เพราะอันที่จริงตอนหมอเจี๊ยบมาเมื่อคืนก็ได้บอกพ่อของดาวไว้แล้ว

การสนทนาบนโต๊ะอาหารเป็นไปได้ด้วยตีแม้ว่าอาหารค่อนข้างจะจืดชืดไปหน่อย พระบนโต๊ะมีแค่ต้นอ่อนทานตะวันผัดกับน้ำมันมะกอก อกไก่ย่างเกลือ กับไข่ดาวไม่ใส่น้ำมันฟองเดียว และข้าวครึ่งถ้วยสำหรับ1คนของดาว ส่วนของพ่อนั้นหมอเจี๊ยบทำแบบปกติให้

"นี่มันอะไรกันคะพี่" ดาวโวยวายเพราะเธอรับไม่ได้กับอาหารที่จืดที่สุดเท่าที่เคยกินมา

"อาหารสำหรับเตรียมตัวประกวดนะ" หมอเจี๊ยบพร้อมกับจับตรงต้นแขนของดาวแล้วดึงมันขึ้นมาให้เห็นถึงไขมันส่วนเกิน

ดาวเป็นคนตัวสูง แม้จะมีไขมันบ้างก็ยังไม่น่าเกลียดเท่าไหร่ แต่มันก็ยังไม่พอ เมื่อดาวพยายามฟ้องพ่อ แต่เหมือนพ่อก็ไม่ว่าอะไร กลับสนับสนุนด้วยซ้ำพร้อมกับบอกว่าอยากให้ดาวดูเป็นผู้หญิงกว่านี้

............................

วันนี้ทั้งวันดาวไปเรียนด้วยความรู้สึกแปลกๆ หมอเจี๊ยบจับเธอแต่งหน้าก่อนออกจากบ้านด้วยความที่ดาวไม่เคยแต่งหน้าเลยในชีวิต ทำให้เธอรู้สึกไม่มั่นใจเอาซะเลย ยิ่งนักเรียนแต่ละคนมองเธอแปลกไปหมด

"ดาว วันนี้นึกยังไงแต่งหน้ามายะ" มิ้นถาม แต่ดาวก็ไม่รู้จะตอบเพื่อนยังไง ยิ่งมลที่นั่งทานข้าวฝั่งตรงข้ามยิ่งมองเธอไม่วางตา ยิ่งทำให้ดาวเขินจนพูดไม่ออก

"เปลี้ยนบรรยากาศน่ะ" ไม่รู้อะไรทำให้ดาวตอบอะไรออกมาแบบนั้น

มื้อเที่ยงวันนี้ หมอเจี๊ยบจัดผัดสุกี้แห้งที่ไม่มีน้ำจิ้มแถมด้วยเศษวิญญาณไก่ไม่กี่ชิ้น จนดาวนึกในใจว่าการประกวดมันทรมานขนาดนี้เลยเหรอ

"นี่มล แกไปสมัครเป็นยังไงบ้างล่ะ" ดาวถามโดยภาวนาในใจว่ามลจะไม่ผ่านหารคัดเลือก แต่ว่า...

"ก็ยังไม่ประกาศผลเลยแหละ แต่คงเร็วๆนี้มั้ง ยังไงไปเชียร์ฉันด้วยนะถ้าผ่านน่ะ" รอยยิ้มของมลทำให้ดาวรู้สึกผิด แต่ก็ยังฝืนยิ้มพร้อมกับตักสุกี้อันไร้รสชาตเข้าปากทีละคำๆ

..................,.

ที่สตูดิโอ ภูกับผู้กองต้อมเข้ามาเก็บกล้องที่ตั้งทิ้งไว้ ทั้งคู่ขอกุญแจของสตูดิโอโดยไม่มีแอ๊ดหรือว่าเอกมาด้วย โดยอ้างว่าไม่ต้องการแรงดึงดูดของผู้สัมผัสวิญญาณโดยอาจทำให้การทำงานยากขึ้น แต่ความจริงแล้วทั้งคู่มาตรวจสภาพภายในสตูดิโอเพิ่มเติมและสอบถามชาวบ้านที่อยู่ใกล้ๆเกี่ยวกับข่าวลือเรื่องการที่มีมิจฉาชีพนำผู้หญิงมาข่มขืนในสตูดิโอ ก่อนที่สตูดิโอจะเปิดอีกครั้งในอาทิตย์หน้า

การสำรวจนั้นต้อมพบว่าในบริเวณสตูดิโอนั้นเข้ามาง่ายและค่อนข้างเปลี่ยวเพราะอยู่ท้ายซอย ส่วนการเข้ามาในตัวอาคารนั้นก็ไม่ง่ายเพียงแต่ยังไม่พบช่องทางอื่นใดนอกเหนือจากประตูหลักและประตูหนีไฟ ซึ่งตรงจุดนี้ยามเคยบอกว่ามีบางครั้งได้ยินเสียงคนคุยกันพอเดินไปดูก็เหมือนจะวิ่งหนีไป

"ภูนายคิดว่าข่าวลือนั้นจะเป็นจริงรึเปล่า"ผู้กองต้อมถามในกรณีเรื่องข่าวลือที่ว่า

แต่ภูก็ยังไม่แน่ใจ เขายอมรับว่าสมมติฐานและเรื่องที่ปรากฏมันไม่สอดคล้องกันคือ มุ่งก่อกวนให้มีการปิดสตูดิโอแต่ก็ยังปกปิดตัวของวิญญาณนั้น

....................

ตอนนี้อาจสั้นหน่อย พอดีคอมพ์พัง ยังไงจะมาต่อให้เร็วที่สุดครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่