ต้องบอกก่อนเลยว่าผมไม่ใช่คนขับรถเร็วอะไรเลย ถ้าเปรียบเทียบกับความเร็วที่ใช้กันจริงบนถนน ปกติก็ 100-120
แต่ถ้าเอากฎหมายมาวัดมันก็ผิดแน่นอน เพราะกฎหมายให้แค่ 90 ซึ่งวิ่ง ตจว. มันทำได้ยากมากๆ ถ้าวิ่งยาวๆนี่คนจะไม่ไหวซะก่อนเพราะใช้ระยะเวลานานมาก
ผมเองบังเอิญได้ใบสั่งมาที่บ้าน ตามภาพผมวิ่ง 115 แต่ในข้อความเขียน 155 ซึ่งตั้งแต่ซื้อรถมาผมเคยเหยียบถึง 160 เพียงครั้งเดียวนานมาแล้ว เพราะง่วง
ซึ่งในกรณีนี้ไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอนที่จะวิ่งถึง 155 ผมจึงรู้สึกว่ามันไม่เป็นธรรม ผมจึงเฉยๆไป
แต่ก็มีจดหมายอะไรสักอย่างมาอีก 2 ฉบับ มาพร้อมกัน เขียนเหมือนกัน ว่าเรายังไม่ได้ไปจ่าย ปัญหาของผมคือ
ถ้าผมอยากเรียกร้องความยุติธรรม ผมต้องไปที่ สน. ที่ออกหรือไม่ก็รอไปที่ศาลเลย ให้สิ้นสุดไปเลย ซึ่งเสียเวลา เสียเงินเหมือนกันทั้งคู่
(แต่รู้สึกว่าเหมือนเค้านั่งเฉยๆ ให้เราเสียทุกอย่าง สบายดีแท้ ความยุติธรรมประเทศนี้ก็เป็นแบบนี้ เรียกร้องได้สิ่งที่ได้ก็ได้แค่ไม่ผิด)
หรือถ้าไม่คิดอะไรมาก ก็จ่ายๆไปทางไปรษณีย์ ไม่ต้องหาความอะไร ซึ่งตอนนี้ผมยังชั่งใจอยู่
ความเห็นของผมคือถ้ายังไม่ได้แก้กฎหมาย 2522 มันก็เหมือนเอาภาษีเราไปซื้อกล้องจับเราดีๆนี่เอง เป็นการใช้เงินต่อเงินของตำรวจดีๆนี่เอง
ถ้าถามว่าไม่ทำผิดจะเดือดร้อนไหม??? คิดง่ายๆแบบนั้นมันก็สนับสนุนกลไกที่ไม่ถูกต้องครับ
ว่าด้วยการออกใบสั่งเป็นล้านใบ แต่มีคนมาเสียค่าปรับแค่ 1 ใน 3 สิ่งที่ตำรวจทำคือการรีดเงินใบสั่งให้ได้ครบมากที่สุด
แล้วผลที่ได้สังคมเราจะดีขึ้นหรือครับ แทนที่จะคิดว่าออกใบสั่งเยอะ ทำไมถึงเยอะ ผิดพลาดตรงไหน กฎหมาย เครื่องมือใดๆหรือไม่
ต้องเอามาคิด วิเคราะห์ เพื่อหาทางแก้ไขให้ใบสั่งน้อยที่สุด ใบสั่งน้อยก็หมายความว่าคนกระทำผิดน้อย ต้องพิจารณากฎหมายให้เข้ากับยุคสมัยก็ต้องทำ
เห็นมาหลายกรณี เรื่องความเร็ว การเฉี่ยวเส้น(พ่อผมโดน คือไม่ได้ทับ พ่อผมขับกินซ้ายแค่แตะเส้นมันก็ถ่ายแล้ว)
ซึ่งมันเป็นกรณีที่ไม่เหมือนกับจอดในที่ห้ามจอด ฝ่าไฟแดง ฯลฯ เพราะมันเป็นพฤติกรรม และวิสัยของการขับขี่ของแต่ละบุคคลที่อาจจะไม่ได้มีเจตนา
ความเร็วเอง 90 มันก็อันตราย แต่มันเมื่อ 30-40 ปีที่แล้ว เพราะสมัยนั้นรถไม่มีเทคโนโลยี ถนนเกือบทั้งประเทศยังเป็นเลนสวน ตอนนี้มี 6 เลน 10 เลน
แน่นอนพฤติกรรมการขับขี่ย่อมเปลี่ยนไป กฎหมายควรกำหนดว่าอย่างไรถึงจะเป็นอันตรายเท่านั้น
โดนจับความเร็ว
แต่ถ้าเอากฎหมายมาวัดมันก็ผิดแน่นอน เพราะกฎหมายให้แค่ 90 ซึ่งวิ่ง ตจว. มันทำได้ยากมากๆ ถ้าวิ่งยาวๆนี่คนจะไม่ไหวซะก่อนเพราะใช้ระยะเวลานานมาก
ผมเองบังเอิญได้ใบสั่งมาที่บ้าน ตามภาพผมวิ่ง 115 แต่ในข้อความเขียน 155 ซึ่งตั้งแต่ซื้อรถมาผมเคยเหยียบถึง 160 เพียงครั้งเดียวนานมาแล้ว เพราะง่วง
ซึ่งในกรณีนี้ไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอนที่จะวิ่งถึง 155 ผมจึงรู้สึกว่ามันไม่เป็นธรรม ผมจึงเฉยๆไป
แต่ก็มีจดหมายอะไรสักอย่างมาอีก 2 ฉบับ มาพร้อมกัน เขียนเหมือนกัน ว่าเรายังไม่ได้ไปจ่าย ปัญหาของผมคือ
ถ้าผมอยากเรียกร้องความยุติธรรม ผมต้องไปที่ สน. ที่ออกหรือไม่ก็รอไปที่ศาลเลย ให้สิ้นสุดไปเลย ซึ่งเสียเวลา เสียเงินเหมือนกันทั้งคู่
(แต่รู้สึกว่าเหมือนเค้านั่งเฉยๆ ให้เราเสียทุกอย่าง สบายดีแท้ ความยุติธรรมประเทศนี้ก็เป็นแบบนี้ เรียกร้องได้สิ่งที่ได้ก็ได้แค่ไม่ผิด)
หรือถ้าไม่คิดอะไรมาก ก็จ่ายๆไปทางไปรษณีย์ ไม่ต้องหาความอะไร ซึ่งตอนนี้ผมยังชั่งใจอยู่
ความเห็นของผมคือถ้ายังไม่ได้แก้กฎหมาย 2522 มันก็เหมือนเอาภาษีเราไปซื้อกล้องจับเราดีๆนี่เอง เป็นการใช้เงินต่อเงินของตำรวจดีๆนี่เอง
ถ้าถามว่าไม่ทำผิดจะเดือดร้อนไหม??? คิดง่ายๆแบบนั้นมันก็สนับสนุนกลไกที่ไม่ถูกต้องครับ
ว่าด้วยการออกใบสั่งเป็นล้านใบ แต่มีคนมาเสียค่าปรับแค่ 1 ใน 3 สิ่งที่ตำรวจทำคือการรีดเงินใบสั่งให้ได้ครบมากที่สุด
แล้วผลที่ได้สังคมเราจะดีขึ้นหรือครับ แทนที่จะคิดว่าออกใบสั่งเยอะ ทำไมถึงเยอะ ผิดพลาดตรงไหน กฎหมาย เครื่องมือใดๆหรือไม่
ต้องเอามาคิด วิเคราะห์ เพื่อหาทางแก้ไขให้ใบสั่งน้อยที่สุด ใบสั่งน้อยก็หมายความว่าคนกระทำผิดน้อย ต้องพิจารณากฎหมายให้เข้ากับยุคสมัยก็ต้องทำ
เห็นมาหลายกรณี เรื่องความเร็ว การเฉี่ยวเส้น(พ่อผมโดน คือไม่ได้ทับ พ่อผมขับกินซ้ายแค่แตะเส้นมันก็ถ่ายแล้ว)
ซึ่งมันเป็นกรณีที่ไม่เหมือนกับจอดในที่ห้ามจอด ฝ่าไฟแดง ฯลฯ เพราะมันเป็นพฤติกรรม และวิสัยของการขับขี่ของแต่ละบุคคลที่อาจจะไม่ได้มีเจตนา
ความเร็วเอง 90 มันก็อันตราย แต่มันเมื่อ 30-40 ปีที่แล้ว เพราะสมัยนั้นรถไม่มีเทคโนโลยี ถนนเกือบทั้งประเทศยังเป็นเลนสวน ตอนนี้มี 6 เลน 10 เลน
แน่นอนพฤติกรรมการขับขี่ย่อมเปลี่ยนไป กฎหมายควรกำหนดว่าอย่างไรถึงจะเป็นอันตรายเท่านั้น