พอดีมีโอกาสได้เที่ยวเดนมาร์กเป็นเวลา 3 สัปดาห์โดยพักอยู่กับญาติค่ะ ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับญาติๆคนเดนสก์ รวมทั้งคนแถวๆบ้านซึ่งเป็นคนไทยอยู่เดนมาร์กมา 25 ปี มีหลายเรื่องที่น่าสนใจมาก เลยอยากถามคนในพันทิปว่า มันดีจริงๆหรือคะ แล้วอีกด้านนึงที่ไม่ดีของสังคมที่นี่คืออะไรบ้าง แล้วถ้าเลือกได้ เพื่อนๆจะอยู่ไทย หรืออยู่สแกนดิเนเวียคะ
- เรื่องการใช้ชีวิต และรัฐสวัสดิการของคนเดนสก์
ดูๆไปแล้วเหมือนชีวิตไม่ได้รีบร้อนอะไร (แม้กระทั่งในโคเปนเฮเก้น) ทุกคนตั้งหน้าทำงาน ปั่นเงิน จ่ายภาษี แลกกับสวัสดิการที่ดี ซึ่งทุกคนแฮปปี้และยินดีที่จะจ่าย รวยมาก จ่ายมาก บางคนจ่ายถึง 60% และเขามั่นใจว่า รัฐไม่มีวันโกง และรู้อย่างโปร่งใสว่าภาษีที่เขาจ่าย จะเอาไปใช้ในส่วนใดบ้าง
สวัสดิการที่ได้คือ รักษาพยาบาลทุกกรณี การศึกษาฟรีถึงป.เอก (มีโอกาสได้แวะเข้าไปดูรรที่ญาติเป็นครูแนะแนวอค่ะ ซึ่งระบบการศึกษาเขาต่างกับไทยมาก) ลาคลอดได้หนึ่งปีโดยได้รับเงินเดือน มีการประกันการตกงาน ถ้าว่างงานก็ได้รับเงินจากรัฯอาจจะไม่มากแต่เพียงพอที่จะอยู่ พอเกษียรก็ได้รับเงินบำนาญ ไม่ว่าจะทำอาชีพไหนก็ตามถ้าหากจ่ายภาษีตามกำหนด โดยส่วนตัวที่ชอบมากคือเรียนฟรี เพราะทำให้ทุกคนมีโอกาสเท่าเทียมกัน และการรักษาพยาบาลฟรีทุกกรณีค่ะ ซึ่งเราไม่ต้องมากังวลว่าถ้าเป็นมะเร็ง เงินจากการทำงานทั้งชีวิตจะหมดไหม ลำบากใครไหม อะไรทำนองนี้ค่ะ โอ้ววอีกอย่าง สายตาสั้นเกิน 500 ทำเลสิคฟรีค่ะ
เพิ่มเติมค่ะ พอดีญาติเดนสก์คนนีงป่วยเป็นเกาต์ ไม่สามารถทำงานได้เต็มเวลา และต้องพบแพทย์ดูอาการตามนัดบ่อยๆ ดังนั้นจึงไปทำงานจ-พฤ ส่วนวันศุกร์หยุดค่ะ เงินเดือนยังคงได้เต็ม และทำแบบนี้มา 5 ปีแล้ว ซึ่งบ.ก็ไม่บีบให้ออกด้วย เพราะเป็นกฏค่ะ
และเนื่องจากมีรัฐสวัสดิการที่ดี ก็ทำให้คนเดนสก์ไม่ค่อยเร่งรีบอะไร ดิฉันได้คุยกัยวัยรุ่นอายุ 25 (25 ดิฉัน ถือว่ายังเป็นวัยรุ่นนะคะ หุหุ) เขาบอกว่า เขาอายุยังน้อย ยังสามารถลองทำงานนู่นนี่ และก็ยังไม่คิดเก็บตัง เพราะยังมีเวลาทำงานอีกนานกว่าจะเกษียร ตอนนี้ก็เรียนและทำงานเป็นผู้ช่วยครูสอนฟุตบอลเด็ก ถ้าชอบก็จะเรียนด้านสอนพละโดยตรง (เขาเคยเรียนการแสดง พอเรียนไปแล้วไม่ชอบค่ะ) เรื่องเงินเดือนอาจไม่มากมาย จ่ายภาษี จ่ายค่าเช่าห้องแชร์กับแฟน ก็หายไปเกินครึ่ง แต่ก็มีเงินเหลือจากการประหยัด พอปีนึงแฟนลางาน 1 เดือน ก็บินมาเที่ยวประเทศไทยค่ะ หรือยุโรปตะวันออกที่ค่าใข้จ่ายถูกกว่า ซึ่งเมื่อย้อนคิดตอนดิฉันอายุ 25 ดิฉันเนี่ยมองไปข้างหน้ามาก ต้องวางแผนเราจะทำอะไร งานสายไหน พอรู้ตัวว่าชอบอะไร จะย้อนกลับไปเรียนป.ตรีสายนั้นๆก็ไม่ได้ซะแล้ว แต่ที่นี่ดูเหมือนทุกคนมีโอกาสและเวลาในการค้นหาตัวเอง ลองผิด ลองถูกค่ะ จนรู้ว่าตัวเองชอบอะไรและทำสิ่งนั้นๆได้ดีหรือไม่
- เวลาคือสิ่งมีค่าของคนที่นี่
อันนี้เป็นอีกสาเหตุที่ดิฉันคิดว่า คนเดนสก์ใช้ชีวิตแบบ slow life อิอิ สิ่งสำคัญคือเวลาการทำงานที่นี่คือ 7 ชม ดังนั้นเขาจึงมีเวลาหลังเลิกงานอยู่กับครอบครัว ที่สำคัญรถไม่ติด ดังนั้นเลิกงาน นั่งรถไฟ ปั้นจักรยานกลับบ้าน ถึงบ้านพร้อมหน้ากัน เสาร์อาทิตย์ขับรถไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง เดินสวน พายเรือ หรืออะไรก็แล้วแต่ค่ะ ซึ่งดิฉันนึกถึงตัวเองเหมือนกัน ทำงานสีลม บ้านอยู่ลาดพร้าว เลิกงาน 6 โมง ถึงบ้านสองทุ่มค่ะ เสาร์อาทิตย์ก็ไม่อยากไปไหนแล้ว
ดิฉันคิดว่าเวลากับครอบครัวนั้นสำคัญค่ะ เรามีเวลากับลูก สอนการบ้าน สอนเขานู่นนี่ บ้านควรเป็นรร แห่งแรกของเด็ก เด็กดีไม่ดีเกี่ยวกับการอนรมเลี้ยงดูที่บ้านค่ะ ถ้าไม่มีเวลาก็แย่ค่ะ
มาที่ด้านไม่ดีที่ดิฉันได้ยินมาบ้างคือ ...
- เนื่องจากอาคารส่วนใหญ่ในโคเปนเฮเก้นเก่าเป็นร้อยปี และไม่ขยาย ดังนั้นค่าเช่าแพงงงงงงงมากกกกก และต้องต่อคิวยาววววววมาก บางคนต้องรอคิวถึง 3 ปีถึงจะมีคนย้ายออกค่ะ ถ้าจะซื้อแฟลตซักห้องในโคเปนเฮเก้นนี่มีความเป็นไปได้ยากมาก เพราะนอกจากจะต่อคิวยาว ราคายังแพงสุด และถ้าจะยกเป็นมรดก คนสืบทอดต้องจ่ายภาษีเหมือนซื้อบ้านหลังใหม่ ดังนั้นเขานิยมเช่า หรือเช่าระบบคล้ายกับบ้านเอื้ออาทร คือเราจ่ายก้อน เราเป็นเจ้าของ แต่เราต้องจ่ายทุกๆเดือน ไปเรื่อยค่ะ สามารถปล่อยให้เช่าได้ แต่ถ้าเราตาย ห้องนี้ก็ไม่สามารถเป็นมรดกค่ะ
ปล.ดิฉันไม่มั่นใจในข้อมูล ถ้าใครมีความรู้ แชร์กันได้นะคะ
ห้องน้ำในแฟลตบางที่ในโคเปนเฮเก้นแสนนนนจะเล็ก เล็กมาก ชักโครกก็เต็มแล้วค่ะ พอเปิดฝักบัว น้ำเลอะประตูหมดเลยค่ะ
-คนที่นี่เหงาๆกัน โดยเฉพาะคนแก่ คือด้วยการที่มีรัฐสวัสดิการดูแล พอคนโตเป็นวัยรุ่น ก็ออกจากบ้านไปดูแลตัวเอง คนแก่ก็เช่นกันต้องดูและตัวเองเพราะมีรั๖ดูแลกันแล้ว ดังนั้นในแฟลตจะเห็นคุณตาที่ภรรยาเสียแล้ว หรือคุณยายอยู่คนเดียวกับน้องหมาค่ะ สุดสัปดาห์จะมีหลาน ลูกมาเยี่ยมมาหาบ้างค่ะ แต่บางคนก็เลือกที่จะหาแฟนตอนแก่นะคะ รู้จักคุณยายท่านหนึ่งอายุ 70 แล้ว สามีเสียตอน 58 คุณยายเหงา เลยคบกับคุณตาที่อยู่อีกแฟลตนึงไม่ไกลกันซึ่งก็เสียภรรยาด้วยเหมือนกัน แล้วตอนหลังก็ย้ายมาอยู่ด้วยกัน เห็นทั้งคู่สวีท จับมือกัน น่ารักค่ะ
-ตามข้างต้น จ่ายภาษีมาก ค่าครองชีพสูงมาก ค่าเช่าห้องก็แสนแพง ดังนั้นเขาต้องอยู่อย่างประหยัดค่ะ อาหารนอกบ้านนานๆทีไปที จะมีลูกทีต้องคิดแล้วคิดอีกต้องวางแผนค่าใช้จ่ายค่ะ ยิ่งมีลูกมาก พอเด็กโตๆก็ต้องย้ายบ้านที่มีห้องเพียงพอ ลำบากที่จะหาบ้านใหม่อีกค่ะ ดังนั้นอัตราเด็กเกิดใหม่ที่นี่จึงน้อย
กระทู้แรก เล่าเยอะมากกกก ยังไงก็แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันนะคะ อยากได้ยินทั้งเรื่องดี และไม่ดี ความเป็นอยู่ชาวไวกิ้ง สแกนดี้ จะได้ศีกษาเป็นการตัดสินใจหาซะมีสแกนดิเนเวียน .. โอ้ว ไม่ใช่ๆๆๆๆๆๆค่าาาาาา
คุณภาพชีวิตสแกนดิเนเวียนี่ดีจริงหรือคะ และด้านไม่ดีมีอะไรบ้าง
- เรื่องการใช้ชีวิต และรัฐสวัสดิการของคนเดนสก์
ดูๆไปแล้วเหมือนชีวิตไม่ได้รีบร้อนอะไร (แม้กระทั่งในโคเปนเฮเก้น) ทุกคนตั้งหน้าทำงาน ปั่นเงิน จ่ายภาษี แลกกับสวัสดิการที่ดี ซึ่งทุกคนแฮปปี้และยินดีที่จะจ่าย รวยมาก จ่ายมาก บางคนจ่ายถึง 60% และเขามั่นใจว่า รัฐไม่มีวันโกง และรู้อย่างโปร่งใสว่าภาษีที่เขาจ่าย จะเอาไปใช้ในส่วนใดบ้าง
สวัสดิการที่ได้คือ รักษาพยาบาลทุกกรณี การศึกษาฟรีถึงป.เอก (มีโอกาสได้แวะเข้าไปดูรรที่ญาติเป็นครูแนะแนวอค่ะ ซึ่งระบบการศึกษาเขาต่างกับไทยมาก) ลาคลอดได้หนึ่งปีโดยได้รับเงินเดือน มีการประกันการตกงาน ถ้าว่างงานก็ได้รับเงินจากรัฯอาจจะไม่มากแต่เพียงพอที่จะอยู่ พอเกษียรก็ได้รับเงินบำนาญ ไม่ว่าจะทำอาชีพไหนก็ตามถ้าหากจ่ายภาษีตามกำหนด โดยส่วนตัวที่ชอบมากคือเรียนฟรี เพราะทำให้ทุกคนมีโอกาสเท่าเทียมกัน และการรักษาพยาบาลฟรีทุกกรณีค่ะ ซึ่งเราไม่ต้องมากังวลว่าถ้าเป็นมะเร็ง เงินจากการทำงานทั้งชีวิตจะหมดไหม ลำบากใครไหม อะไรทำนองนี้ค่ะ โอ้ววอีกอย่าง สายตาสั้นเกิน 500 ทำเลสิคฟรีค่ะ
เพิ่มเติมค่ะ พอดีญาติเดนสก์คนนีงป่วยเป็นเกาต์ ไม่สามารถทำงานได้เต็มเวลา และต้องพบแพทย์ดูอาการตามนัดบ่อยๆ ดังนั้นจึงไปทำงานจ-พฤ ส่วนวันศุกร์หยุดค่ะ เงินเดือนยังคงได้เต็ม และทำแบบนี้มา 5 ปีแล้ว ซึ่งบ.ก็ไม่บีบให้ออกด้วย เพราะเป็นกฏค่ะ
และเนื่องจากมีรัฐสวัสดิการที่ดี ก็ทำให้คนเดนสก์ไม่ค่อยเร่งรีบอะไร ดิฉันได้คุยกัยวัยรุ่นอายุ 25 (25 ดิฉัน ถือว่ายังเป็นวัยรุ่นนะคะ หุหุ) เขาบอกว่า เขาอายุยังน้อย ยังสามารถลองทำงานนู่นนี่ และก็ยังไม่คิดเก็บตัง เพราะยังมีเวลาทำงานอีกนานกว่าจะเกษียร ตอนนี้ก็เรียนและทำงานเป็นผู้ช่วยครูสอนฟุตบอลเด็ก ถ้าชอบก็จะเรียนด้านสอนพละโดยตรง (เขาเคยเรียนการแสดง พอเรียนไปแล้วไม่ชอบค่ะ) เรื่องเงินเดือนอาจไม่มากมาย จ่ายภาษี จ่ายค่าเช่าห้องแชร์กับแฟน ก็หายไปเกินครึ่ง แต่ก็มีเงินเหลือจากการประหยัด พอปีนึงแฟนลางาน 1 เดือน ก็บินมาเที่ยวประเทศไทยค่ะ หรือยุโรปตะวันออกที่ค่าใข้จ่ายถูกกว่า ซึ่งเมื่อย้อนคิดตอนดิฉันอายุ 25 ดิฉันเนี่ยมองไปข้างหน้ามาก ต้องวางแผนเราจะทำอะไร งานสายไหน พอรู้ตัวว่าชอบอะไร จะย้อนกลับไปเรียนป.ตรีสายนั้นๆก็ไม่ได้ซะแล้ว แต่ที่นี่ดูเหมือนทุกคนมีโอกาสและเวลาในการค้นหาตัวเอง ลองผิด ลองถูกค่ะ จนรู้ว่าตัวเองชอบอะไรและทำสิ่งนั้นๆได้ดีหรือไม่
- เวลาคือสิ่งมีค่าของคนที่นี่
อันนี้เป็นอีกสาเหตุที่ดิฉันคิดว่า คนเดนสก์ใช้ชีวิตแบบ slow life อิอิ สิ่งสำคัญคือเวลาการทำงานที่นี่คือ 7 ชม ดังนั้นเขาจึงมีเวลาหลังเลิกงานอยู่กับครอบครัว ที่สำคัญรถไม่ติด ดังนั้นเลิกงาน นั่งรถไฟ ปั้นจักรยานกลับบ้าน ถึงบ้านพร้อมหน้ากัน เสาร์อาทิตย์ขับรถไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง เดินสวน พายเรือ หรืออะไรก็แล้วแต่ค่ะ ซึ่งดิฉันนึกถึงตัวเองเหมือนกัน ทำงานสีลม บ้านอยู่ลาดพร้าว เลิกงาน 6 โมง ถึงบ้านสองทุ่มค่ะ เสาร์อาทิตย์ก็ไม่อยากไปไหนแล้ว
ดิฉันคิดว่าเวลากับครอบครัวนั้นสำคัญค่ะ เรามีเวลากับลูก สอนการบ้าน สอนเขานู่นนี่ บ้านควรเป็นรร แห่งแรกของเด็ก เด็กดีไม่ดีเกี่ยวกับการอนรมเลี้ยงดูที่บ้านค่ะ ถ้าไม่มีเวลาก็แย่ค่ะ
มาที่ด้านไม่ดีที่ดิฉันได้ยินมาบ้างคือ ...
- เนื่องจากอาคารส่วนใหญ่ในโคเปนเฮเก้นเก่าเป็นร้อยปี และไม่ขยาย ดังนั้นค่าเช่าแพงงงงงงงมากกกกก และต้องต่อคิวยาววววววมาก บางคนต้องรอคิวถึง 3 ปีถึงจะมีคนย้ายออกค่ะ ถ้าจะซื้อแฟลตซักห้องในโคเปนเฮเก้นนี่มีความเป็นไปได้ยากมาก เพราะนอกจากจะต่อคิวยาว ราคายังแพงสุด และถ้าจะยกเป็นมรดก คนสืบทอดต้องจ่ายภาษีเหมือนซื้อบ้านหลังใหม่ ดังนั้นเขานิยมเช่า หรือเช่าระบบคล้ายกับบ้านเอื้ออาทร คือเราจ่ายก้อน เราเป็นเจ้าของ แต่เราต้องจ่ายทุกๆเดือน ไปเรื่อยค่ะ สามารถปล่อยให้เช่าได้ แต่ถ้าเราตาย ห้องนี้ก็ไม่สามารถเป็นมรดกค่ะ
ปล.ดิฉันไม่มั่นใจในข้อมูล ถ้าใครมีความรู้ แชร์กันได้นะคะ
ห้องน้ำในแฟลตบางที่ในโคเปนเฮเก้นแสนนนนจะเล็ก เล็กมาก ชักโครกก็เต็มแล้วค่ะ พอเปิดฝักบัว น้ำเลอะประตูหมดเลยค่ะ
-คนที่นี่เหงาๆกัน โดยเฉพาะคนแก่ คือด้วยการที่มีรัฐสวัสดิการดูแล พอคนโตเป็นวัยรุ่น ก็ออกจากบ้านไปดูแลตัวเอง คนแก่ก็เช่นกันต้องดูและตัวเองเพราะมีรั๖ดูแลกันแล้ว ดังนั้นในแฟลตจะเห็นคุณตาที่ภรรยาเสียแล้ว หรือคุณยายอยู่คนเดียวกับน้องหมาค่ะ สุดสัปดาห์จะมีหลาน ลูกมาเยี่ยมมาหาบ้างค่ะ แต่บางคนก็เลือกที่จะหาแฟนตอนแก่นะคะ รู้จักคุณยายท่านหนึ่งอายุ 70 แล้ว สามีเสียตอน 58 คุณยายเหงา เลยคบกับคุณตาที่อยู่อีกแฟลตนึงไม่ไกลกันซึ่งก็เสียภรรยาด้วยเหมือนกัน แล้วตอนหลังก็ย้ายมาอยู่ด้วยกัน เห็นทั้งคู่สวีท จับมือกัน น่ารักค่ะ
-ตามข้างต้น จ่ายภาษีมาก ค่าครองชีพสูงมาก ค่าเช่าห้องก็แสนแพง ดังนั้นเขาต้องอยู่อย่างประหยัดค่ะ อาหารนอกบ้านนานๆทีไปที จะมีลูกทีต้องคิดแล้วคิดอีกต้องวางแผนค่าใช้จ่ายค่ะ ยิ่งมีลูกมาก พอเด็กโตๆก็ต้องย้ายบ้านที่มีห้องเพียงพอ ลำบากที่จะหาบ้านใหม่อีกค่ะ ดังนั้นอัตราเด็กเกิดใหม่ที่นี่จึงน้อย
กระทู้แรก เล่าเยอะมากกกก ยังไงก็แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันนะคะ อยากได้ยินทั้งเรื่องดี และไม่ดี ความเป็นอยู่ชาวไวกิ้ง สแกนดี้ จะได้ศีกษาเป็นการตัดสินใจหาซะมีสแกนดิเนเวียน .. โอ้ว ไม่ใช่ๆๆๆๆๆๆค่าาาาาา