ข้อกฎหมาย
ทักษิณผิดกฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 100 ที่บอกว่า
ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดดําเนินกิจการดังต่อไปน้ี
(1)
เป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้เสียในสัญญาที่ทํากับหน่วยงานของรัฐที่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นปฏิบัตุหน้าที่ในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีอํานาจกํากับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบ หรือดําเนินคดี
ให้นําบทบัญญัติในวรรคหนึ่งมาใช้บังคับกับคู่สมรสของเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยให้ถือว่าการดําเนินกิจการของคู่สมรสดังกล่าว เป็นการดําเนิน กิจการของเจ้าหน้าที่ของรัฐ
โดนพิพากษาจำคุก 2 ปี
มีประเด็นว่า ทักษิณ ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีขณะนั้น
มีอํานาจกํากับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบ หรือดําเนินคดี กับกองทุนฟื้นฟูสถาบันการเงินเจ้าของที่ดินรัชดาอย่างไร ?
ถึงวันนี้ ยังไม่มีใครอธิบายได้ นอกจากอ้างคำพิพากษาแบบงง ๆ
คดีนี้ ทักษิณผิดตามวรรคท้าย คือ ภรรยาไปประมูลที่ดิน ประมูลชนะ ก็ทำนิติกรรมซื้อขาย โอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน
ซึ่งวรรคท้ายบอกว่าหากคู่สมรสดำเนินการ ให้ถือว่าเจ้าหน้าที่รัฐนั้นดำเนินการด้วย
เมื่อทักษิณลงนามยินยอมให้ภรรยาทำนิติกรรมซื้อขาย โอนที่ดิน
คตส. ถือว่าทักษิณทำสัญญากับรัฐ มีความผิดตามมาตรา 100 ป.ป.ช.
ตอนทำการประมูล ทักษิณไม่เกี่ยว ชนะการประมูล ทักษิณก็ไม่เกี่ยว
จะทำสัญญาซื้อขาย โอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน ทักษิณก็ไม่เกี่ยว
เป็นการดำเนินการอย่างเปิดเผย ไม่มีอะไรมุบมิบซ้อนเร้นปิดบัง
แต่พอทักษิณลงนามยินยอม ถือว่าทักษิณเกี่ยวทันที ถือว่าทักษิณทำสัญญากับรัฐทันที
คนซื้อไม่ผิด คนขายไม่ผิด คืนที่ดิน คืนเงินพร้อมดอกเบี้ย
ผิดที่คนลงนามยินยอม
เรื่องเกิดเมื่อปลายปี 2546 มาดำเนินการเอาผิดหลังรัฐประหาร 19 ก.ย. 49
เห็นความอึดอัดทางคดีไหมครับ
คดีสนธิ ลิ้มทองกุล
1. ผิดกฎหมายอาญา มาตรา 83
มาตรา ๘๓ ในกรณีความผิดใดเกิดขึ้นโดยการกระทำของบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไป ผู้ที่ได้ร่วมกระทำความผิดด้วยกันนั้นเป็นตัวการ
ต้องระวางโทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น
2. ผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 มาตรา 307, 311, 312 (1) (2) (3), 313
เนื้อหาทางคดีไม่มีอะไรอึดอัด คลุมเครือ
เป็นการกระทำที่ปกปิด ปลอมแปลง เพื่อใช้ในการกู้เงินจากธนาคาร 6 ครั้ง ในระยะเวลากว่าหนึ่งปี
เป็นฐานความผิดทั้งสิ้น 17 กระทง
ข้ออ้างของสาวกสนธิ คือไม่ได้ทำให้ใครเสียหาย (จริงหรือ ?)
หากใช้ตรรกะแบบนี้ ผู้บริหารบริษัทไหน ๆ ก็ทำได้สิครับ
กู้เอาเงินเข้ากระเป๋าสบาย ๆ ไม่มีใครเสียหาย
ตลาดหลักทรัพย์ไม่เละเทะแหลกลาญเหรอ ?
คนที่มองยังไงก็ไม่น่าผิด แต่ผิด จะให้เขายอมติดคุกได้อย่างไร
พอเขาไม่ยอมติดคุก ก็บอกว่าเขาไม่เคารพกระบวนการยุติธรรม
อีกคน จำนนด้วยหลักฐาน พยายามแถว่าไม่ได้ทำให้ใครเสียหาย แค่ผิดระเบียบ
ทั้งที่ความจริงผิดหลายมาตรา หลายกระทงความผิด โดนพิพากษาจำคุก
กลายเป็นคนเชื่อมั่นเคารพกระบวนการยุติธรรม
ตรรกะแบบนี้ พ่อค้ายาเสพติด โจรข่มขืน ปล้น ฆ่า
ล้วนแต่กล้าหาญ และเคารพกระบวนการยุติธรรมทั้งนั้นสิ
โดยธรรมชาติของคนเรานั้น ไม่มีใครอยากติดคุกหรอกครับ หนีได้เป็นหนีทั้งนั้น
ยกเว้นหนีไม่ได้ ไม่มีทางหนี จึงต้องยอมติดคุก
ไม่รู้เชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรมแบบไหน
แบบว่า สนธิทำผิด สนธิยอมติดคุก คือการเชื่อมั่นกระบวนการ มันเป็นตรรกะพิลึกหลุดโลกจริง ๆ
เหมือนจะบอกว่า สนธิเชื่อมั่นว่าสนธิทำผิด ต้องโดนพิพากษาจำคุกแน่ ๆ
เมื่อโดนจำคุก ก็บอกว่าเห็นไหม ๆ โดนจำคุกอย่างที่เชื่อมั่นจริง ๆ
พิลึกสุด ๆ
จบ
อีกสักทู้ ความผิดของทักษิณ ชินวัตร กับความผิดของสนธิ ลิ้มทองกุล แตกต่างกันเหมือนฟ้าสูงกับเหวลึก ๆ ๆ ๆ ๆ (เอคโค...)
ทักษิณผิดกฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 100 ที่บอกว่า
ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดดําเนินกิจการดังต่อไปน้ี
(1) เป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้เสียในสัญญาที่ทํากับหน่วยงานของรัฐที่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นปฏิบัตุหน้าที่ในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีอํานาจกํากับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบ หรือดําเนินคดี
ให้นําบทบัญญัติในวรรคหนึ่งมาใช้บังคับกับคู่สมรสของเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยให้ถือว่าการดําเนินกิจการของคู่สมรสดังกล่าว เป็นการดําเนิน กิจการของเจ้าหน้าที่ของรัฐ
โดนพิพากษาจำคุก 2 ปี
มีประเด็นว่า ทักษิณ ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีขณะนั้น
มีอํานาจกํากับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบ หรือดําเนินคดี กับกองทุนฟื้นฟูสถาบันการเงินเจ้าของที่ดินรัชดาอย่างไร ?
ถึงวันนี้ ยังไม่มีใครอธิบายได้ นอกจากอ้างคำพิพากษาแบบงง ๆ
คดีนี้ ทักษิณผิดตามวรรคท้าย คือ ภรรยาไปประมูลที่ดิน ประมูลชนะ ก็ทำนิติกรรมซื้อขาย โอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน
ซึ่งวรรคท้ายบอกว่าหากคู่สมรสดำเนินการ ให้ถือว่าเจ้าหน้าที่รัฐนั้นดำเนินการด้วย
เมื่อทักษิณลงนามยินยอมให้ภรรยาทำนิติกรรมซื้อขาย โอนที่ดิน
คตส. ถือว่าทักษิณทำสัญญากับรัฐ มีความผิดตามมาตรา 100 ป.ป.ช.
ตอนทำการประมูล ทักษิณไม่เกี่ยว ชนะการประมูล ทักษิณก็ไม่เกี่ยว
จะทำสัญญาซื้อขาย โอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน ทักษิณก็ไม่เกี่ยว
เป็นการดำเนินการอย่างเปิดเผย ไม่มีอะไรมุบมิบซ้อนเร้นปิดบัง
แต่พอทักษิณลงนามยินยอม ถือว่าทักษิณเกี่ยวทันที ถือว่าทักษิณทำสัญญากับรัฐทันที
คนซื้อไม่ผิด คนขายไม่ผิด คืนที่ดิน คืนเงินพร้อมดอกเบี้ย
ผิดที่คนลงนามยินยอม
เรื่องเกิดเมื่อปลายปี 2546 มาดำเนินการเอาผิดหลังรัฐประหาร 19 ก.ย. 49
เห็นความอึดอัดทางคดีไหมครับ
คดีสนธิ ลิ้มทองกุล
1. ผิดกฎหมายอาญา มาตรา 83
มาตรา ๘๓ ในกรณีความผิดใดเกิดขึ้นโดยการกระทำของบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไป ผู้ที่ได้ร่วมกระทำความผิดด้วยกันนั้นเป็นตัวการ
ต้องระวางโทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น
2. ผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 มาตรา 307, 311, 312 (1) (2) (3), 313
เนื้อหาทางคดีไม่มีอะไรอึดอัด คลุมเครือ
เป็นการกระทำที่ปกปิด ปลอมแปลง เพื่อใช้ในการกู้เงินจากธนาคาร 6 ครั้ง ในระยะเวลากว่าหนึ่งปี
เป็นฐานความผิดทั้งสิ้น 17 กระทง
ข้ออ้างของสาวกสนธิ คือไม่ได้ทำให้ใครเสียหาย (จริงหรือ ?)
หากใช้ตรรกะแบบนี้ ผู้บริหารบริษัทไหน ๆ ก็ทำได้สิครับ
กู้เอาเงินเข้ากระเป๋าสบาย ๆ ไม่มีใครเสียหาย
ตลาดหลักทรัพย์ไม่เละเทะแหลกลาญเหรอ ?
คนที่มองยังไงก็ไม่น่าผิด แต่ผิด จะให้เขายอมติดคุกได้อย่างไร
พอเขาไม่ยอมติดคุก ก็บอกว่าเขาไม่เคารพกระบวนการยุติธรรม
อีกคน จำนนด้วยหลักฐาน พยายามแถว่าไม่ได้ทำให้ใครเสียหาย แค่ผิดระเบียบ
ทั้งที่ความจริงผิดหลายมาตรา หลายกระทงความผิด โดนพิพากษาจำคุก
กลายเป็นคนเชื่อมั่นเคารพกระบวนการยุติธรรม
ตรรกะแบบนี้ พ่อค้ายาเสพติด โจรข่มขืน ปล้น ฆ่า
ล้วนแต่กล้าหาญ และเคารพกระบวนการยุติธรรมทั้งนั้นสิ
โดยธรรมชาติของคนเรานั้น ไม่มีใครอยากติดคุกหรอกครับ หนีได้เป็นหนีทั้งนั้น
ยกเว้นหนีไม่ได้ ไม่มีทางหนี จึงต้องยอมติดคุก
ไม่รู้เชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรมแบบไหน
แบบว่า สนธิทำผิด สนธิยอมติดคุก คือการเชื่อมั่นกระบวนการ มันเป็นตรรกะพิลึกหลุดโลกจริง ๆ
เหมือนจะบอกว่า สนธิเชื่อมั่นว่าสนธิทำผิด ต้องโดนพิพากษาจำคุกแน่ ๆ
เมื่อโดนจำคุก ก็บอกว่าเห็นไหม ๆ โดนจำคุกอย่างที่เชื่อมั่นจริง ๆ
พิลึกสุด ๆ
จบ